บทกวีแห่งเมือง Arles ร่องรอยโรมันโบราณ และวันวานของ Van Gogh

เมืองเล็กๆ ในโพรวองซ์ที่เราไปแล้วยังไม่อยากกลับเลย
เมืองชนบทเล็กๆ ทางตอนใต้ฝรั่งเศสอย่างอาร์ลส์ (Arles) มักถูกใครหลายคนมองข้าม เพราะไม่คึกคักเหมือนมาร์เซยย์ แล้วก็ไม่หรูหราเท่าเมืองนีซหรือคานส์ แต่อันที่จริงเมืองนี้น่าค้นหาและเปี่ยมไปด้วยแรงบันดาลใจ ขนาดที่ว่าวินเซนต์ แวน โก๊ะห์ (Vincent van Gogh) ศิลปินเอกของโลก เดินทางมาใช้ชีวิตที่นี่และสร้างสรรค์ผลงานจิตรกรรมเอาไว้มากที่สุดช่วงหนึ่งของชีวิต
อาร์ลส์นั้นร่ำรวยสถาปัตยกรรมเก่าแก่สมัยโรมันจนได้ขึ้นทะเบียนโดยยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกเมื่อปี 1981 การเดินทางมาเมืองนี้สามารถนั่งเครื่องบินมาลงที่เมืองมาร์เซยย์ (Marseille) ซึ่งเป็นหนึ่งในเมืองหลักของทางใต้ฝรั่งเศส จากนั้นก็นั่งรถไฟ รถบัส หรือจะเช่ารถยนต์ขับมาที่นี่ก็สะดวกมากๆ
ไม่ไกลจากสถานีรถไฟใจกลางเมือง มีโรงแรมที่โดดเด่นเป็นสง่าด้วยสถาปัตยกรรมสไตล์โรมัน นั่นคือ Hotel Jules César โรงแรมในเครือ M Gallery by Sofitel ที่เคยเป็น Carmellite convent หรือที่อยู่อาศัยของแม่ชีในยุคศตวรรษที่ 17 มาก่อน สร้างโดย Mother Madeleine Saint Joseph จนกระทั่งปี 1929 ก็ปรับเปลี่ยนรูปแบบมาเป็นโรงแรม 5 ดาว ก่อนรีโนเวทและตกแต่งครั้งใหญ่ในปี 2014 ออกแบบโดยคริสติยอง ลาครัวซ์ (Christian Lacroix) ดีไซเนอร์ชื่อดังที่เป็นชาวเมืองอาร์ลส์โดยกำเนิด มีห้องพักกว่า 52 ห้อง
การเข้าพักที่นี่ทำให้เราสามารถไปเที่ยวสถานที่สำคัญในเมืองอาร์ลส์ได้อย่างง่ายดาย สำหรับคนที่ชื่นชอบธรรมชาติ แนะนำให้ไปเยือนกามาร์ก (Camargue) อุทยานธรรมชาติที่ครอบคลุมพื้นที่กว้างใหญ่มหาศาล บริเวณที่ราบปากแม่น้ำโรห์น (Rhône) ก่อนจะไหลลงสู่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ทำให้เป็นแม่น้ำที่มีความเข้มข้นของเกลือสูง บางจุดเป็นน้ำสีแดงคล้ายเลือด และบางจุดถ้าสังเกตดีๆ ก็จะเห็นกิ่งไม้ที่มีผลึกเกลือเกาะเต็มกิ่ง ซึ่งแน่นอนว่ารอบข้างจะมีสัตว์นานาชนิด ไม่ว่าจะเป็นฟลามิงโกสีชมพู วัว ม้า ให้เราสามารถขี่จักรยานเข้าไปสำรวจ นอกจากนี้ยังมีมีหาดทรายความยาวกว่า 28 กิโลเมตรซึ่งเป็นบีชธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดของทะเลเมดิเตอร์เรเนียนอีกด้วย
จะบอกว่าเมืองอาร์ลส์เป็นสวรรค์ของคนที่ชอบเดินก็ว่าได้ เพราะเขาให้ความสำคัญกับคนเดินเท้า ถ้าหากมีรถขับมาบนถนน รถจะเป็นฝ่ายหยุดให้เราเดินก่อน เผลอแป๊บเดียว เราเดินมาจนถึง Fondation Vincent Van Gogh Arles ที่ซึ่งเก็บสะสมงานศิลปะของแวน โก๊ะห์ เอาไว้เยอะมากๆ แต่ถ้ายังไม่จุใจ ก็ยังสามารถไปตามรอยสถานที่จริงที่เคยปรากฏในภาพวาดของแวน โก๊ะห์ได้อีก ไม่ว่าจะเป็นร้านกาแฟ Café la Nuit จากภาพ Terrasse de café de nuit ซึ่งเขาวาดไว้ในปี 1888, บริเวณริมแม่น้ำโรห์น จากภาพ Starry Night ที่เขาใช้เวลาวาดกว่า 1 ปีเต็ม, บ้านสีเหลืองที่เขาเคยใช้ชีวิตอยู่กับพอล โกแกง ก็เคยปรากฏในภาพ The Yellow House หรือจะเป็น The Escape Van Gogh ก็เป็นโรงพยาบาลที่แวน โก๊ะห์ เคยมาพักรักษาตัว จุดนั้นจะมีพิพิธภัณฑ์เล็กๆ และร้านขายโปสการ์ดกับของที่ระลึกด้วย
และเพื่อให้การเที่ยวโพรวองซ์สมบูรณ์แบบมากขึ้น ทุกเช้าวันพุธและเสาร์ หน้าโรงแรมจูลส์ เซซาร์ จะมีตลาดโบราณสไตล์โพรวองซ์ (Marché procencale) ขายสินค้าขึ้นชื่อของทางใต้ฝรั่งเศสเป็นทางยาวหลายกิโลเมตร ทั้งดอกไม้ น้ำผึ้งโฮมเมด อาหารทะเลสดๆ อย่างหอยนางรม กุ้งตัวใหญ่ ปลา ปู และผักผลไม้ต่างๆ รับรองว่ารสชาติแบบโพรวองซ์แท้ๆ จะทำให้เมืองอาร์ลส์อยู่ในใจไปอีกนาน
Trip Info

–               เดินทางไปเมือง Arles ได้อย่างสะดวกสบายด้วยรถไฟ TGV จองได้ที่ www.raileurope-asean.com และหากเดินทางจากสนามบิน Marseille ดูตารางรถบัสได้ที่ www.marseille-airport.com

–               Luxury Gold จัดโปรแกรม French Vogue (Summer 2019) พาเที่ยว 10 วันในฝรั่งเศส นั่งรถไฟ TGV ชั้น 1 มาแวะสัมผัสเสน่ห์เมืองอาร์ลส์ในวันที่ 4-6 ของทริป พักที่ Hotel Jules Cesar ย้อนอดีตยุคโรมัน และตามรอยแวน โก๊ะห์ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.luxurygold.com

–               ปี 2019 ครบรอบ 50 ปีของเทศกาลภาพถ่าย The Arles International Photography Festival ซึ่งจะจัดขึ้นในช่วงวันที่ 1 กรกฏาคม – 22 กันยายน 2019 ติดตามได้ที่ www.rencontres-arles.com

–               อีกหนึ่งสิ่งใหม่ที่น่าตื่นเต้นของเมืองอาร์ลส์ก็คือ LUMA Arles อภิมหาโปรเจ็กต์ของการก่อสร้างแลนด์มาร์กทางวัฒนธรรม ซึ่งจะเป็นศูนย์ศิลปะร่วมสมัยเชิงทดลอง ในอาคารรูปทรงล้ำสมัยที่ออกแบบโดยแฟรงค์ เกห์รี (Franck Gehry) จะเปิดให้บริการในปี 2010 ติดตามได้ที่ www.luma-arles.org

TAG

Related Stories

พร้อมยกระดับประสบการณ์การรับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารโฉมใหม่สุดหรูริมทะเลอันดามัน
มาชิมและถ่ายรูปกับขนมหวานโดย KKI Sweets และเมนูอาหารรสเด็ดจากร้านบรันช์สุดชิค Babyccino
ทั้งเรื่องราวของการดูแลธุรกิจที่กำลังรุ่งโรจน์และครอบครัวที่น่ารัก
ด้วยแรงบันดาลใจแรงบันดาลใจสุดพิเศษจากสัญลักษณ์ของความหวังอย่างดวงดาวแห่งเบธเลเฮม ผสานเข้ากับวัฒนธรรมดิสโก้จากยุค 70s อย่างลงตัว
จิตวิญญาณของดินแดนอินโดจีนผ่านผู้คน ชุมชน อาหาร และโบราณสถานอันงดงาม ผ่านการเชื่อมโยงของสองรีสอร์ทหรู Amantaka หลวงพระบาง และ Amansara ในเสียมเรียบ

Most Viewed

สร้อยทองคำขาวประดับอัญมณีรวม 964 เม็ด รังสรรค์ผ่านระยะเวลากว่า 450 ชั่วโมง
จิตวิญญาณของดินแดนอินโดจีนผ่านผู้คน ชุมชน อาหาร และโบราณสถานอันงดงาม ผ่านการเชื่อมโยงของสองรีสอร์ทหรู Amantaka หลวงพระบาง และ Amansara ในเสียมเรียบ
สร้อยทองคำขาวประดับอัญมณีรวม 964 เม็ด รังสรรค์ผ่านระยะเวลากว่า 450 ชั่วโมง
จิตวิญญาณของดินแดนอินโดจีนผ่านผู้คน ชุมชน อาหาร และโบราณสถานอันงดงาม ผ่านการเชื่อมโยงของสองรีสอร์ทหรู Amantaka หลวงพระบาง และ Amansara ในเสียมเรียบ

MORE FROM

พร้อมยกระดับประสบการณ์การรับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารโฉมใหม่สุดหรูริมทะเลอันดามัน
มาชิมและถ่ายรูปกับขนมหวานโดย KKI Sweets และเมนูอาหารรสเด็ดจากร้านบรันช์สุดชิค Babyccino

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว