จากหนังสือเรื่อง วินนี-เดอะ-พูห์ ที่เคยได้รับการตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อปี 1926 เอ.เอ. มิลน์ (A.A. Milne) ผู้แต่ง เพียงแค่ต้องการจะเล่าถึงลูกชายของเขาและของเล่นต่างๆ ก็เท่านั้น แต่สุดท้ายก็พัฒนาจนกลายมาเป็นเรื่องราวสนุกๆ ของตัวละคร หมีพูห์และเหล่าผองเพื่อนอย่าง อียอร์ พิกเลต ทิกเกอร์ และ คริสโตเฟอร์ โรบิน ฯลฯ โดยเฉพาะเมื่อวอลต์ดิสนีย์ได้นำไปสร้างภาพยนตร์และใช้ชื่อเรื่องว่า Winnie the Pooh หมีพูห์ก็เข้าไปอยู่ในใจของเด็กทั่วโลก รวมถึงเด็กที่เติบโตมาเป็นผู้ใหญ่แล้ว

ภายในป่าแห่งหนึ่งที่ลักษณะคล้ายกับป่าแอชดาวน์ เมือง อีสต์ซัซเซก ทางใต้ของกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ มิลน์ ได้เข้าไปซื้อบ้านชนบทเก่าๆ ไว้หลังหนึ่ง ที่นั่นกลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับมิลน์และลูกชายของเขา จนกระทั่งมันกลายมาเป็นฉากหลักของเรื่องนี้ โดยที่ลูกชายของเขานั้นก็คือต้นแบบของตัวละคร คริสโตเฟอร์ โรบิน ในขณะที่ตัวละครหมีพูห์ก็ตั้งชื่อตามเท็ดดี้แบร์ของเล่นของลูกชายนั่นเอง

ปีนี้ วินนี-เดอะ-พูห์ มีอายุกว่า 90 ปี พิพิธภัณฑ์ Victoria & Albert ในกรุงลอนดอน จึงจัดนิทรรศการ Winnie the Pooh: Exploring the Classic ขึ้น โดยจัดแสดงทั้งหนังสือ ของเล่น ตุ๊กตาแฮนด์เพ้นต์ออริจินัลของคริสโตเฟอร์ โรบินกับผองเพื่อน รวมถึงเซ็ตน้ำชา ในรูปแบบของภาพวาด อินสตอลเลชั่น อิลลัสเตรชั่น จดหมาย ภาพถ่าย ตัวการ์ตูน เซรามิกและงานแฟชั่น ผู้ชมจะเห็นลูกโป่งสีน้ำเงินลอยอยู่ที่เพดานด้านหน้าทางเข้าห้องจัดแสดง ก่อนเข้าไปด้านในซึ่งมีภาพสเก็ตช์ต้นไม้จริงจากป่าแอชดาวน์ มีอินสตอลเลชั่นดอกป็อบปี้เซรามิกกว่าพันดอก และสิ่งของอีกหลายชิ้นที่เป็นชิ้นออริจินัลในคอลเลกชั่น ของ V&A ซึ่งอยู่ในสภาพที่ค่อนข้างเปราะบาง เคยนำออกมาจัดแสดงครั้งล่าสุดตั้งแต่เมื่อ 40 ปีที่แล้ว

แม้วินนี-เดอะ-พูห์ จะเป็นเพียงจินตนาการที่น่าสนุกสำหรับเด็กๆ แต่ด้วยเรื่องราวและคาแร็กเตอร์ของตัวละคร ตั้งแต่ความอ่อนโยนของหมีพูห์ ความถ่อมตัวของพิกเล็ต ความเป็นที่พึ่งให้กับเพื่อนๆ ของคริสโตเฟอร์ โรบิน ความขยันแต่ชอบแสดงตนเป็นผู้รู้ของแร็บบิท ความซื่อแต่เอื้ออารีของอียอร์ ไปจนถึงความรักสนุกแต่ขี้อวดของทิกเกอร์ ทำให้เรารู้สึกว่าแท้จริงเรื่องนี้ก็สะท้อนความเป็นมนุษย์และสิ่งที่เราต้องพบเจอในชีวิตจริงเมื่อเราเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ในแต่ละบทแต่ละตอนของวินนี-เดอะ-พูห์ ให้ข้อคิดเราไว้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนความกลัวเป็นความกล้าหาญ การเรียนรู้ที่จะพูดคำว่าขอโทษ การเป็นเพื่อนกับตัวเอง การทำงานเป็นทีมเวิร์ก หรือแม้แต่เรื่องของความซื่อสัตย์ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด
ทุกครั้งที่เราเปิดกลับไปอ่านหนังสือเล่มเก่า วัยและเวลาที่เปลี่ยนไปจะทำให้ความเข้าใจของเราที่มีต่อหนังสือเล่มนั้นเปลี่ยนไปด้วยเสมอ



ทุกครั้งที่เราเปิดกลับไปอ่านหนังสือเล่มเก่า วัยและเวลาที่เปลี่ยนไปจะทำให้ความเข้าใจของเราที่มีต่อหนังสือเล่มนั้นเปลี่ยนไปด้วยเสมอ
