

“เมื่อพูดถึงเรื่องเรียน การเรียนไม่ใช่ทุกอย่างค่ะ เราไม่เคยคาดหวังว่าเขาจะต้องเรียนเก่ง ได้เกรดดีๆ เขาอาจจะมีอย่างอื่นที่ชอบ ที่ถนัดที่ เราก็สนับสนุนให้เขาได้ลอง ไม่จำเป็นต้องเก่ง ต้องสำเร็จไปทั้งหมด แต่อยากให้ได้เรียนรู้ในสิ่งที่หลากหลาย สิ่งเดียวที่บอกกับลูกเสมอ คือแม่ไม่เคยบังคับให้ต้องเป็นใคร เป็นอะไร แต่กับสิ่งที่ปราบเลือกเองว่าจะเป็น หรือจะทำ ขอให้อย่ายอมแพ้ต่ออุปสรรคง่ายๆ ถ้าสิ่งนั้นคือสิ่งที่เรารัก และเป็นสิ่งสำคัญในชีวิต และอีกไม่นานเขาก็ต้องไปเรียนต่อที่อื่นหลังจากจบชั้น Y10 จาก Harrow International School ซึ่งก็ตัดสินใจกันว่าเป็นที่ประเทศนิวซีเเลนด์ เราไปดูโรงเรียนกันมาแล้ว และให้ปราบร่วมตัดสินใจด้วย เราก็พยายามเลือกในสิ่งที่เหมาะสมที่สุดแล้วค่ะทั้งแนวทางการศึกษา สภาพแวดล้อม และสังคม น่าจะเหมาะกับปราบ โรงเรียนที่นู้นเปิดเทอมช่วงมกราคมปีหน้าตอนนี้ก็ขอแค่ให้เรื่องโควิดจบลงทันเวลา ทุกอย่างจะได้เป็นไปตามแพลนที่วางไว้ค่ะ
“ถ้าจะให้นึกถึงเรื่องซึ้งๆ ของปราบ ก็มีอยู่บ้างนะคะ แต่มีอยู่ครั้งหนึ่งที่จำได้แม่นเลย คือเราเดินเล่นจูงมือกันอยู่ตอนใกล้ค่ำ ตอนนั้นเขาเด็กมากตัวประมาณเอว ขวัญชี้ให้เขาดูพระจันทร์ แล้วก็พูดขึ้นมาว่า ดูพระจันทร์สิ พระจันทร์ขึ้นแล้ว แม่ชอบดูพระจันทร์ แล้วเขาก็พูดขึ้นว่า ปราบโตขึ้นจะเป็นนักบินอวกาศนะ จะได้พาแม่ไปเที่ยวบนพระจันทร์ แค่นี้แม่ก็ซึ้งละลายแล้วค่ะ แต่ไม่รู้ว่าปราบจะยังจำได้รึเปล่านะคะ”
“ส่วนเรื่องแต่งตัวนี่เขามีสไตล์ของเขาเอง ขวัญปล่อยให้เขาเลือกเองตั้งแต่เด็ก ตอนเล็กๆ เขาก็หยิบถุงเท้าคนละสีรองเท้าคนละคู่มาแมตช์กันแล้ว”
“ตอนนี้ถ้าอยากไปเที่ยวกับครอบครัว ก็อยากไปเทียวญี่ปุ่นค่ะ คือเคยคิดว่าถ้าสถานการณ์กลับมาเป็นปกติ เดินทางได้ เราจะไปที่ไหน เคยนึกถึงที่แปลกๆ ที่ไม่เคยไป แต่สุดท้ายคือญี่ปุ่น ง่ายๆสบายๆ ชอบทุกคน พ่อแฮปปี้ แม่แฮปปี้ลูกก็แฮปปี้”
“สำหรับขวัญ เราอยากเห็นลูกเรามีความสุขในการใช้ชีวิตและยืนบนขาตัวเองได้ในอนาคต ขวัญมักจะบอกเสมอว่าคนที่โชคดีที่สุดไม่ใช่คนที่มีรวยหรือมีชื่อเสียงที่สุด แต่คือคนที่รู้ว่าตัวเองต้องการจะเป็นอะไร ทำอะไรมากกว่า คือรู้ว่าแพชชั่นของตัวเองคืออะไรแล้วสามารถทำแพชชั่นนั้นเป็นอาชีพที่สามารถเลี้ยงดูตัวเองได้ค่ะ”
