ตั้งแต่โบราณนานมา อาหารคือศาสตร์และศิลป์ที่เชื่อมโยงผู้คนเข้าด้วยกันอย่างกลมกลืน หนึ่งในนั้นคือภูมิปัญญาของคนไทยที่ได้เรียนรู้วิธีคลายร้อนด้วยความอร่อย จนทำให้เกิดการรังสรรค์เมนู “ข้าวแช่” ในช่วงฤดูร้อน และยังคงได้รับการสืบทอดต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่นจวบจนถึงทุกวันนี้

และสำหรับฤดูร้อนของปีนี้ รอยัล โอชา (Royal Osha) ร้านอาหารไฟน์ไดนิ่งสุดหรูที่ได้รับการแนะนำจากมิชลินไกด์ถึง 5 ปีซ้อน ขอนำศาสตร์เมนูอาหารไทยโบราณคลายร้อนอย่าง “ข้าวแช่” มาสร้างความทรงจำในแง่มุมใหม่ที่มาพร้อมความเอ็กซ์คลูซีฟอย่างที่สุด ครั้งแรกในรูปแบบ Chef’s Table กับ 5 คอร์ส ที่สุดแห่งความประณีตบรรจงในการคัดสรรวัตถุดิบ ผ่านฝีมือ เชฟวิชิต มุกุระ เชฟอาหารไทยชื่อดังเจ้าของรางวัลมิชลินสตาร์ที่ถ่ายทอดความเป็นเอกลักษณ์ในแบบฉบับของรอยัล โอชา

ข้าวแช่ ตำรับรอยัล โอชา ในรูปแบบ Chef’s Table เริ่มเปิดสัมผัสประสาทการรับรสกับคอร์ส 1 ด้วยเมนูเรียกน้ำย่อยตามแบบฉบับไทยโบราณที่จัดเป็นคำที่นำเสนอรสชาติแห่ง “ฤดูร้อน” แพรวพราวด้วยเทคนิคและเรื่องราวในทุกคำที่จัดเสิร์ฟ ได้แก่ ม้าฮ่อ นำไก่ผัดกับเครื่องปรุงรสใส่น้ำตาลปี๊บ หอมแดง และถั่วคั่ว นำมาปั้นวางบนสับปะรดชนิดกรอบ ได้รสหวานตัดเปรี้ยวที่ลงตัว คำต่อมามอบความสดชื่นด้วย แตงโมปลาแห้ง แตงโมหวานฉ่ำเนื้อแน่น รับประทานคู่กับปลาแห้งรสหวานเค็ม ซึ่งใช้ปลาช่อนแดดเดียวตำเข้าคู่กับหอมเจียวและน้ำตาล, กุ้งหลอด นำกุ้ง ปลาหมึก และดีปลาหมึกมาผสมรวมกัน เคล้าเครื่องปรุงสมุนไพรต่างๆ และนำแป้งปอเปี๊ยะมาห่อทอดเหลืองสวย วางบนข้าวฟูปลาฟูที่ทำจากข้าวหอมมะลิแดงให้ได้สัมผัสความกรุบกรอบ และรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ และ ขนมจีบนก ขั้นตอนการทำเหมือนกับม้าฮ่อ แต่เปลี่ยนจากหัวหอมแดงเป็นหัวหอมใหญ่ เพื่อสร้างรสสัมผัสอันแตกต่าง แล้วนำไปห่อแป้งนึ่งที่จีบเป็นรูปตัวนก ได้ทั้งอาหารปากและอาหารตาในเวลาเดียวกัน


ต่อด้วยเมนูในคอร์สที่ 2 เร้าต่อมรับรสด้วยความจัดจ้าน ทั้งยำผักหวานป่ากับกะทิและเครื่องกรอบ ทานคู่กับสแกลลอปฮอกไกโดจี่โรยเกลือหิมาลายา เนื้อหวานสดเด้ง ตามด้วยคอร์สที่ 3 ซุปต้มโคล้งปลากรอบแบบใสและคาลาบิเนลอสหรือกุ้งแดงสเปน นำไปจี่แล้วโรยด้วยเกลือหิมาลายา ส่วนหัวนำไปทอดแบบเทมปุระได้ความกรุบกรอบ ทานคู่กับยำสายบัวพริกหวานกับน้ำยำสดรสชาติเข้มข้น


ระหว่างมื้อบนโต๊ะอาหาร ยังพรั่งพร้อมด้วยเครื่องเคียงข้าวแช่ ผักแกะสลักเสลาสุดประณีตอย่างกระชายแกะสลักดอกจำปี ต้นหอมม้วน มะม่วงเปรี้ยว แตงกวาแกะสลัก รวมถึงข้าวแช่ ข้าวหอมมะลิเสาไห้ขัดสะอาด และหุงจนได้เมล็ดข้าวที่เรียวสวย และน้ำลอยดอกไม้ 4 ชนิด ได้แก่ ชมนาด, กระดังงา, กุหลาบมอญ และมะลิ ยกระดับความเอ็กซ์คลูซีฟด้วยการใช้น้ำแร่ที่มีความเป็นด่างถึง 8.88 (ph.88) ซึ่งสามารถสกัดกลิ่นอันหอมหวนของดอกชมนาดที่มีกลิ่นคล้ายกับใบเตยและมะลิ หรือที่เรียกว่า “กลิ่นข้าวใหม่” ด้วยการลอยน้ำแร่แช่ข้ามคืน จนได้กลิ่นหอมออกมาอย่างรัญจวนใจ ขณะเดียวกันยังนำมาทำเป็นน้ำแข็งไว้เติมลงในตัวข้าว มอบความใสสะอาดและความสดชื่นไว้ในคราวเดียวกัน จัดวางพร้อมกับหมูฝอยผัดน้ำพริกมะขาม หัวไชโป๊วผัดหวาน เป็นต้น



มาถึงหนึ่งในไฮไลต์หลักจากคอร์ส ข้าวแช่ ตำรับรอยัล โอชา ในรูปแบบ Chef’s Table ช่วงเวลานี้ เชฟวิชิต มุกุระ จะเริ่มลงมือกระบวนการทำ “ลูกกะปิ” พร้อมอธิบายถึงกรรมวิธีการทำเพื่อให้ได้อรรถรสยิ่งขึ้น ความโดดเด่นของลูกกะปิของรอยัล โอชา รังสรรค์ส่วนผสมของกระชาย หอมแดง กระเทียม ปลาดุกนาย่าง และมะพร้าวขูด เอามาผัดใส่กะทิ ปรุงรสด้วยน้ำตาล โดยพิถีพิถันทุกขั้นตอน ตั้งแต่การคัดสรรกะปิชั้นดี นำมาห่อใบตองย่างไฟเพิ่มความหอมและรสชาติกลมกล่อม
ในระหว่างนี้จะเริ่มเสิร์ฟคอร์สที่ 4 ข้าวแช่ น้ำลอยดอกไม้ และน้ำแข็ง เมื่อการรังสรรค์ลูกกะปิสุดประณีตแล้วเสร็จ สามารถรับประทานเป็นข้าวแช่ได้แบบชนิดสดใหม่ พร้อมอิ่มเอมกับสำรับเครื่องที่จัดไว้ล่วงหน้า ขณะรอเครื่องเคียงเมนูถัดไปจากเชฟซึ่งก็คือ “หอมแดงสอดไส้หน้าปลาแห้ง” สำรับนี้ เลือกใช้หอมจุกที่เป็นหอมโทน นำมาตัดรากออก จากนั้นค่อยๆ เลาะเปลือกแห้งออกจนเหลือติดไว้เพียงเปลือกบาง แล้วตัดไส้ในออก จึงค่อยนำปลาแห้งใส่ลงไป และใช้ไม้จิ้มฟันเสียบให้ติดกัน ชุบแป้งบางๆ ทอด เท่านี้จะได้หอมสอดไส้ปลาแห้ง เชฟวิชิตใช้เทคนิคเฉพาะตัว ด้วยการตอกไข่แดงผสมเพื่อให้ปลาแห้งไม่แตกและจับตัวกัน
จากนั้นเป็นเมนู “ไข่แดงเค็มชุบแป้งทอด” นำไข่แดงเค็มไชยาที่มีความมัน ความแน่นหนึบ และเค็มเล็กน้อย มาตีและปั้นเป็นเมล็ดพอดีคำ เสร็จแล้วนำไปชุบแป้งที่มีส่วนผสมของไข่ขาวจากไข่เค็ม นำไปทอดให้ด้านนอกเป็นสีเหลืองทอง และยังมีเมนูเครื่องเคียงที่ขาดไม่ได้สำหรับข้าวแช่อย่าง “พริกหยวกสอดไส้หมูสับกับกุ้ง” อีกหนึ่งกับข้าวที่กระบวนการทำเส้นไข่แตกต่างจากที่อื่น คราวนี้จะได้เห็นกับตาอย่างอย่างชัดเจนว่าการทำไข่แห่และม้วนหยวกสดนั้นยากง่ายเพียงใด


สำหรับวิธีการทานข้าวแช่ที่ถูกต้อง ให้ไล่ลำดับการทานเครื่องเคียงจากรสคาวที่สุดก่อน จนไปถึงเครื่องเคียงรสหวาน และทุกๆ ครั้งที่ทานเครื่องเคียง ให้ทานข้าวแช่สลับกันไปเพื่อล้างปาก และรอรับรสสัมผัสของการทานคำต่อไป
ปิดท้ายก่อนจบมื้อด้วยของหวาน คอร์ส 5 ได้แก่ ส้มฉุนมะยงชิด ขนมหวานลอยแก้วคลายร้อนที่ผสานผลไม้ 5 อย่างตามฤดูกาล เช่น มะยงชิด ส้ม มังคุด ลำไย สละ หอมกลิ่นของขิง หอมเจียว ผิวส้มซ่า เสิร์ฟคู่กับกรานิต้าน้ำส้มฉุน และ หวานเย็นผลไม้ รสชาติสดชื่นแห่งฤดูกาลตามแบบไทยโบราณ อาทิ มะพร้าวอ่อน กระเจี๊ยบ สับปะรด ชาไทย เป็นต้น เป็นการปิดท้ายที่สดชื่นและคลายความร้อนได้ ครบรสตามขนบสำรับไทยโบราณ

“ข้าวแช่ตำรับรอยัล โอชา” สไตล์ Chef’s Table โดย เชฟวิชิต มุกุระ จัดรอบละ 10 ท่าน ราคาท่านละ 4,000 บาท++ กรุณาสำรองที่นั่งล่วงหน้า 2 วัน สอบถามรายละเอียดหรือสำรองที่นั่งได้ที่ Line Official: @royalosha โทร. 02 256 6555 หรืออีเมล reservations@royalosha.com
นอกจากนี้ทางร้านยังมีเซ็ตข้าวแช่บริการในโซน Main Dinning ราคาชุดละ 1,250 บาท++ และยังมีข้าวแช่บรรจุในกล่องของขวัญสีแดงสุดหรู สำหรับมอบให้คนสำคัญหรือผู้ใหญ่ในช่วงฤดูร้อนนี้ ในราคา 2,250 บาท/กล่อง ตั้งแต่ 1 มีนาคม – 31 พฤษภาคมเท่านั้น (จำนวนจำกัด)









ในระหว่างนี้จะเริ่มเสิร์ฟคอร์สที่ 4 ข้าวแช่ น้ำลอยดอกไม้ และน้ำแข็ง เมื่อการรังสรรค์ลูกกะปิสุดประณีตแล้วเสร็จ สามารถรับประทานเป็นข้าวแช่ได้แบบชนิดสดใหม่ พร้อมอิ่มเอมกับสำรับเครื่องที่จัดไว้ล่วงหน้า ขณะรอเครื่องเคียงเมนูถัดไปจากเชฟซึ่งก็คือ “หอมแดงสอดไส้หน้าปลาแห้ง” สำรับนี้ เลือกใช้หอมจุกที่เป็นหอมโทน นำมาตัดรากออก จากนั้นค่อยๆ เลาะเปลือกแห้งออกจนเหลือติดไว้เพียงเปลือกบาง แล้วตัดไส้ในออก จึงค่อยนำปลาแห้งใส่ลงไป และใช้ไม้จิ้มฟันเสียบให้ติดกัน ชุบแป้งบางๆ ทอด เท่านี้จะได้หอมสอดไส้ปลาแห้ง เชฟวิชิตใช้เทคนิคเฉพาะตัว ด้วยการตอกไข่แดงผสมเพื่อให้ปลาแห้งไม่แตกและจับตัวกัน



ปิดท้ายก่อนจบมื้อด้วยของหวาน คอร์ส 5 ได้แก่ ส้มฉุนมะยงชิด ขนมหวานลอยแก้วคลายร้อนที่ผสานผลไม้ 5 อย่างตามฤดูกาล เช่น มะยงชิด ส้ม มังคุด ลำไย สละ หอมกลิ่นของขิง หอมเจียว ผิวส้มซ่า เสิร์ฟคู่กับกรานิต้าน้ำส้มฉุน และ หวานเย็นผลไม้ รสชาติสดชื่นแห่งฤดูกาลตามแบบไทยโบราณ อาทิ มะพร้าวอ่อน กระเจี๊ยบ สับปะรด ชาไทย เป็นต้น เป็นการปิดท้ายที่สดชื่นและคลายความร้อนได้ ครบรสตามขนบสำรับไทยโบราณ


นอกจากนี้ทางร้านยังมีเซ็ตข้าวแช่บริการในโซน Main Dinning ราคาชุดละ 1,250 บาท++ และยังมีข้าวแช่บรรจุในกล่องของขวัญสีแดงสุดหรู สำหรับมอบให้คนสำคัญหรือผู้ใหญ่ในช่วงฤดูร้อนนี้ ในราคา 2,250 บาท/กล่อง ตั้งแต่ 1 มีนาคม – 31 พฤษภาคมเท่านั้น (จำนวนจำกัด)