เส้นทางที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบของ Lionel Messi จากเด็กขาดฮอร์โมนสู่นักเตะที่ดีที่สุดตลอดกาล

นาทีนี้คงไม่มีใครไม่พูดถึงนัดหยุดโลกกับการชิงแชมป์ฟุตบอลโลกเมื่อคืนที่ผ่านมา ด้วยการดวลกันระหว่างแชมป์เก่าอย่างฝรั่งเศส และ อาเจนตินา และนักเตะผู้สร้างประวัติศาสตร์ตลอดกาลอย่าง Lionel Messi ที่ส่งท้ายการรับใช้ชาติในฐานะนักเตะชาวอาเจนตินาด้วยการคว้าถ้วยนี้กลับบ้านหลังจากผิดหวังครั้งแล้วครั้งเล่ากันถ้วยฟุตบอลโลกในหลายปีที่ผ่านมา และยังเป็นการคว้าดาวที่ 3 ให้กับอาเจนติน่าหลังจากคลาดแชมป์มานานกว่า 36 ปี แต่ใครจะรู้ว่าชีวิตของนักเตะที่ดีที่สุดอย่าง Lionel Messi นั้นไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบอย่างที่เราได้เห็นกัน Messi เกิดที่เมือง Rosario ประเทศอาร์เจนตินา เกิดมาพร้อมกับพรสวรรค์ด้านฟุตบอล และเริ่มเล่นในสโมสร Grandoli ด้วยการมีพ่อเป็นโค้ชให้ตั้งแต่อายุได้ 5 ขวบเท่านั้น และย้ายไปยัง Newell’s Old Boys ในเวลาต่อมา แต่แล้วเส้นทางการเดินทางในฐานะนักเตะของเขาก็ต้องพบเจอกับอุปสรรคทางด้านร่างกายที่สวรรค์ไม่ได้เป็นใจเท่าไรนัก แม้จะมอบพรสวรรค์และฝีเท้าปีศาจและความไวที่หาใครจับตัวได้ยากก็ตาม แต่ Messi ต้องพบเจอกับปัญหาสุขภาพตั้งแต่วัยเด็ก การเผชิญกับโรคบกพร่องฮอร์โมนการเจริญเติบโต ส่งผลให้เขาต้องเข้ารับการรักษาด้วยการฉีดโฮร์โมนเข้าสู่ร่างกายเป็นประจำ นับเป็นวิธีการรักษาที่มีค่าใช้จ่ายสูงมากในเวลานั้น จนเวลาต่อมาครอบครัวของ Messi ไม่สามารถแบกรับค่าใช้จ่ายในการรักษาได้ต่อไปอีกแล้ว จึงเริ่มมองหาเส้นทางการค้าแข้งในสโมสรที่สามารถซัพพอร์ตค่าใช้จ่ายพวกนั้นให้เขา เพื่อสานฝันในการเป็นนักเตะอย่างที่เขาเคยวาดไว้

ใครจะคิดว่าเด็กหนุ่มผอมแห้งที่ชื่อ Lionel Messi จะกลายมาเป็นหนึ่งในนักเตะที่โลกต้องจารึกอย่างวันนี้ การก้าวขาสู่ Barcelona ในวันนั้นช่วยให้เขาประสบความสำเร็จในฐานะดาวรุ่งในวัย 17 ปี และกลายเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดของสโมสร รวมถึงกลายเป็นนักเตะทีมชาติอาเจนตินาในปีถัดมา


ในปี 2006-2007 Messi ในช่วงที่ Ronaldinho และ Samuel Eto’o พลาดการแข่งขันยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีคเพราะอาการบาดเจ็บ นับเป็นช่วงที่ Messi เฉิดฉายและวาดฝีเท้าอย่างดุเดือด รวมถึงขึ้นแท่นนักเตะอายุน้อยที่สุดที่เคยทำแฮตทริกกับสโมสรคู่แข่งที่ดุเดือดอย่าง Real Madrid ใน ‘El Clasisco’ และทำประตูได้ 11 ประตูจาก 13 เกมสุดท้ายของฤดูกาล

ด้วยความไวดุจปีศาจและการมองเกมขาดแบบชนิดที่ทุกตำแหน่งในสนามไม่คลาดสายตาชายคนนี้ไปได้ นักเตะที่ Ronaldinho เคยเอ่ยปากไว้ว่าชายคนนี้จะกลายเป็นนักเตะที่ยิ่งใหญ่ในวันข้างหน้า และแล้ววันนี้เขาก็ได้กลายมาเป็นนักเตะที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์แล้วจริงๆ บาซาร์ขอแสดงความยินดีกับอาเจนตินาและผู้เล่นทุกคนรวมไปถึงนักเตะเบอร์ 10 อย่าง Lionel Messi ที่สร้างตำนานฟ้าขาวพร้อมพาดาวดวงใหม่กลับบ้านได้สำเร็จ