ข่าวดีของบรรดานักชิมและแฟนๆ บาซาร์ที่ชื่นชอบอาหารญี่ปุ่นห้องอาหารคินสุกิ แบงค็อก บาย เจฟ แรมซีย์ (Kintsugi Bangkok by Jeff Ramsey)
ห้องอาหารญี่ปุ่นแบบไคเซกิสมัยใหม่ในโรงแรมดิ แอทธินี โฮเทล แบงค็อก, อะ ลักชัวรี คอลเลกชั่น โฮเทล (The Athenee Hotel, a Luxury Collection Hotel, Bangkok) โดย เชฟเจฟ แรมซีย์ (Jeff Ramsey) เชฟลูกครึ่งญี่ปุ่น – อเมริกันสุดเท่ กลับมาเปิดให้บริการแล้ว

บรรยากาศ
การออกแบบและตกแต่งห้องอาหารคินสุกิ แบงค็อก บาย เจฟ แรมซีย์ (Kintsugi Bangkok by Jeff Ramsey) ที่ตั้งอยู่บนชั้น 3 โรงแรมดิ แอทธินี โฮเทล แบงค็อก, อะ ลักชัวรี คอลเลกชั่น โฮเทล (The Athenee Hotel, a Luxury Collection Hotel, Bangkok) ให้อารมณ์แบบห้องอาหารสไตล์โมเดิร์นแบบญี่ปุ่นสมัยใหม่ ผสมผสานความเรียบง่ายตามวิถีเซ็นและเฟอร์นิเจอร์แนวรัสติก ด้านหนึ่งของห้องจะเป็นบริเวณเตรียมอาหารและเคาน์เตอร์บาร์พร้อมที่นั่ง นอกจากนั้นยังมีที่นั่งในห้องอาหารหลัก และห้องส่วนตัวอีก 2 ห้อง
ที่มาของโลโก้ ที่เป็นรูปใบแปะก๊วยนั้น สื่อความหมายถึงความทนทานและประวัติศาสตร์อันยาวนาน เนื่องจากต้นแปะก๊วยเป็นต้นไม้ที่มีอายุเก่าแก่ที่สุดที่หลงเหลืออยู่หลังสงคราม ต้นแปะก๊วย 4 ต้นที่เติบโตในเมืองฮิโรชิม่า ซึ่งถูกโจมตีด้วยระเบิดปรมาณูในปี พ.ศ. 2488 แต่ยังคงยืนหยัดอยู่จนได้จนถึงทุกวันนี้ ที่สำคัญ ปี พ.ศ. 2488 นั้นเป็นปีเกิดของมารดาของเชฟ ในฤดูใบไม้ร่วง ใบสีเขียวของต้นแปะก๊วย จะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองอร่าม และเมื่อร่วงหล่น จึงทำให้ถนนหลายสายในญี่ปุ่นเสมือนถูกปูด้วยพรมสีทอง ส่วนสีฟ้าของโลโก้นั้น สื่อความหมายถึงท้องทะเลและความเงียบสงบ

เชฟ
เชฟเจฟ แรมซีย์ (Jeff Ramsey) เกิดที่ประเทศญี่ปุ่น บิดาของเขาเป็นนายทหารอากาศชาวอเมริกัน และมารดาเป็นชาวญี่ปุ่น โดยเชฟแรมซีย์ เป็นเชฟรุ่นที่ 3 ของครอบครัวฝั่งมารดาชาวญี่ปุ่นของเขา เชฟแรมซีย์ เริ่มเข้าสู่วงการอาหารในปี 2539 เริ่มจากการล้างจานที่ร้านอาหารเม็กซิกัน ในเมืองเบเธสด้า มลรัฐแมรี่แลนด์ ประเทศอเมริกา หลังจากนั้นเขาก็ได้ฝึกงานกับทูตด้านการทำซูชิของประเทศญี่ปุ่นอย่าง มาซาโยชิ คาซาโตะ (Masayoshi Kazato) จนได้รับตำแหน่งซูชิมาสเตอร์คนแรกที่เป็นชาวต่างชาติ
จากนั้นเชฟแรมซียเริ่มาความรู้เพิ่มเติมในด้านเทคนิคมาพัฒนาสไตล์การปรุงอาหารของตัวเองและไม่หยุดที่ซูชิเพียงอย่างเดียว เขามีโอกาสได้เรียนรู้และฝึกฝนกับเชฟชาวสเปนระดับตำนานอย่างเชฟโฮเซ่ อังเดรส์ (Chef Jose Andres) และเชฟแฟร์รัน อะเดรีย (Chef Ferran Adria) แห่งห้องอาหาร เอล บุยิ (El Bulli) หลังจากนั้น เขาได้รับการคัดเลือกจาก เชฟชาวญี่ปุ่นระดับสุดยอด ฮิเดะ ยามาโมโตะ (Hide Yamamoto) โดยรับบทบาทสำคัญในการเปิด เดอะ โมเลคิวล่า บาร์ เรสเตอรองต์ (The Molecular Bar Restaurant) ในกรุงโตเกียว จนได้รับรางวัลดาวมิชลิน และนั่นทำให้เขาเป็น ‘เชฟชาวอเมริกันคนแรกที่ได้รับรางวัลระดับมิชลินในต่างประเทศ’
ส่วนร้านอาหาร Babe ของเขาในประเทศมาเลเซียนั้นได้รับรางวัลมากมาย และเป็นจุดหมายของบรรดานักชิมที่โปรดปรานอาหารที่เต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ ล่าสุด เชฟแรมซีย์ได้รับรางวัล King of Kitchens จาก Hapa Awards series for 2018-2020 แชมเปญแปร์ริเอ-ฌูเอต์ (Perrier-Jouet) และคอนยัคมาร์แตล (Martel) ของมาเลเซีย
สไตล์อาหาร
อาหารของแรมซีย์นั้น ถึงแม้จะนำเสนอในรูปแบบใหมแต่ยังสามารถคงรสชาติดั้งเดิมไว้ได้อย่างสมบูรณ์ กล่าวคือเป็นอาหารญี่ปุ่นแบบไคเซกิ (Kaiseki) สมัยใหม่ และเนื่องจากเชฟแรมซีย์และภริยาชาวญี่ปุ่นของเขาอาศัยอยู่ทางฝั่งตะวันตกของญี่ปุ่น เมนูของคินสุกิจึงเน้นวัตถุดิบที่มาจากแถบนี้มาผสมผสานกับวัตถุดิบในประเทศไทย กลายเป็นที่มาของแนวคิดหลักของห้องอาหาร โดยเน้นความสำคัญของการเชื่อมโยงวัฒนธรรมผ่านทางอาหาร คำว่า ‘คินสุกิ’ ยังมีความหมายว่า ‘เชื่อมต่อด้วยทอง’ เป็นคำที่อ้างอิงถึงศิลปะการซ่อมแซมเครื่องเคลือบด้วยแล็กเกอร์สีทอง ซึ่งไม่ใช่เป็นการซ่อมแซมเพื่อปกปิดรอยแตก แต่เป็นการทำให้เครื่องเคลือบนั้นโดดเด่นขึ้นมาด้วยสีทอง เครื่องเคลือบที่ผ่านกระบวนการคินสุกินี้ ได้รับการยกย่องว่ามีความสวยงาม แม้ว่าจะมีรอยต่อก็ตาม

เมนูแนะนำ
มื้อกลางวัน
ที่คินสุกิ แบงค็อก บาย เจฟ แรมซีย์ ช่วงนี้จะมี 4 เซ็ตเมนูสำหรับมื้อกลางวัน ได้แก่
1. เซ็ตปลาฮามาจิย่าง, ปลาแมคเคอเรลย่าง, โอโรชิ คัตสึหรือหมูสามชั้นชาบู ราคา 700 บาท : เซ็ตสุดคุ้มสำหรับคนชอบอาหารสไตล์โฮมเมดแบบญี่ปุ่น
2. เซ็ตข้าวหน้าปลาไหลญี่ปุ่น ราคา 850 บาท : เซ็ตนี้คนชอบปลาไหลจะเพลินมาก เพราะปลาไหลชิ้นใหญ่สุดๆ
3. เซ็ตปูอลาสก้าย่าง ราคา 900 บาท : สำหรับสายกินปู เซ็ตนี้ Photogenic ถ่ายรูปสวยมาก
4. เซ็ตวากิว ออสเตรเลีย ริบอาย MB9 ราคา 1,000 บาท :เนื้อวากิวกริลล์จนได้รสเข้มข้น ทั้งยังนุ่มละมุนจนแทบละลายในปากเลยทีเดียว
ทุกเซ็ตจะมาพร้อมของว่าง 3 อย่างและขนมหวานปิดท้ายพร้อมชาหรือกาแฟ




มื้อค่ำ
ลิ้มลองเมนู à la carte ที่เสิร์ฟทั้งมื้อกลางวันและมื้อค่ำ อาทิ
นากาโนะ วอลนัต โซบะ (Nagano Walnut Soba) ด้วยสูตรของเชฟเจฟ แรมซีย์ ซึ่งมีที่มาจากเมืองนากาโน่ ประเทศญี่ปุ่น
มะเขือม่วงญี่ปุ่นเย็นกับเจลลี่มะเขือเทศ (Chilled Japanese Eggplant with Tomato Gelee)
คิน แคท (Kin Kat) แซนวิชไอศกรีมคอนยัคกับฟัวกราส์ย่าง และเคลือบด้วยช็อกโกแลต




การเดินทาง
ห้องอาหารคินสุกิ แบงค็อก บาย เจฟ แรมซีย์ (Kintsugi Bangkok by Jeff Ramsey)
ตั้งอยู่บนชั้น 3 โรงแรมดิ แอทธินี โฮเทล แบงค็อก, อะ ลักชัวรี คอลเลกชั่น โฮเทล (The Athenee Hotel, a Luxury Collection Hotel, Bangkok) สามารถเดินทางด้วยรถไฟฟ้า BTS ลงสถานีเพลินจิตแล้วเดินเท้าหรือนั่งรถเข้าทางถนนวิทยุอีกประมาณ 300 เมตร
รายละเอียดเพิ่มเติม
มื้อกลางวัน ให้บริการเวลา 12.00 – 14.30 น.
มื้อค่ำ ให้บริการเวลา 18.00 – 22:30 น. (สั่งอาหารได้ถึงเวลา 22:00 น.)
แนะนำให้สำรองที่นั่งล่วงหน้าเนื่องจากที่นั่งมีจำนวนจำกัด
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0-2650-8800
E-Mail : Fb.TheAthenee@luxurycollection.com
Website : www.theatheneehotel.com
Instagram : @kintsugibangkok
Instagram Che Jeff Ramsey : @chefjefframsey

การออกแบบและตกแต่งห้องอาหารคินสุกิ แบงค็อก บาย เจฟ แรมซีย์ (Kintsugi Bangkok by Jeff Ramsey) ที่ตั้งอยู่บนชั้น 3 โรงแรมดิ แอทธินี โฮเทล แบงค็อก, อะ ลักชัวรี คอลเลกชั่น โฮเทล (The Athenee Hotel, a Luxury Collection Hotel, Bangkok) ให้อารมณ์แบบห้องอาหารสไตล์โมเดิร์นแบบญี่ปุ่นสมัยใหม่ ผสมผสานความเรียบง่ายตามวิถีเซ็นและเฟอร์นิเจอร์แนวรัสติก ด้านหนึ่งของห้องจะเป็นบริเวณเตรียมอาหารและเคาน์เตอร์บาร์พร้อมที่นั่ง นอกจากนั้นยังมีที่นั่งในห้องอาหารหลัก และห้องส่วนตัวอีก 2 ห้อง
ที่มาของโลโก้ ที่เป็นรูปใบแปะก๊วยนั้น สื่อความหมายถึงความทนทานและประวัติศาสตร์อันยาวนาน เนื่องจากต้นแปะก๊วยเป็นต้นไม้ที่มีอายุเก่าแก่ที่สุดที่หลงเหลืออยู่หลังสงคราม ต้นแปะก๊วย 4 ต้นที่เติบโตในเมืองฮิโรชิม่า ซึ่งถูกโจมตีด้วยระเบิดปรมาณูในปี พ.ศ. 2488 แต่ยังคงยืนหยัดอยู่จนได้จนถึงทุกวันนี้ ที่สำคัญ ปี พ.ศ. 2488 นั้นเป็นปีเกิดของมารดาของเชฟ ในฤดูใบไม้ร่วง ใบสีเขียวของต้นแปะก๊วย จะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองอร่าม และเมื่อร่วงหล่น จึงทำให้ถนนหลายสายในญี่ปุ่นเสมือนถูกปูด้วยพรมสีทอง ส่วนสีฟ้าของโลโก้นั้น สื่อความหมายถึงท้องทะเลและความเงียบสงบ


เชฟเจฟ แรมซีย์ (Jeff Ramsey) เกิดที่ประเทศญี่ปุ่น บิดาของเขาเป็นนายทหารอากาศชาวอเมริกัน และมารดาเป็นชาวญี่ปุ่น โดยเชฟแรมซีย์ เป็นเชฟรุ่นที่ 3 ของครอบครัวฝั่งมารดาชาวญี่ปุ่นของเขา เชฟแรมซีย์ เริ่มเข้าสู่วงการอาหารในปี 2539 เริ่มจากการล้างจานที่ร้านอาหารเม็กซิกัน ในเมืองเบเธสด้า มลรัฐแมรี่แลนด์ ประเทศอเมริกา หลังจากนั้นเขาก็ได้ฝึกงานกับทูตด้านการทำซูชิของประเทศญี่ปุ่นอย่าง มาซาโยชิ คาซาโตะ (Masayoshi Kazato) จนได้รับตำแหน่งซูชิมาสเตอร์คนแรกที่เป็นชาวต่างชาติ
จากนั้นเชฟแรมซียเริ่มาความรู้เพิ่มเติมในด้านเทคนิคมาพัฒนาสไตล์การปรุงอาหารของตัวเองและไม่หยุดที่ซูชิเพียงอย่างเดียว เขามีโอกาสได้เรียนรู้และฝึกฝนกับเชฟชาวสเปนระดับตำนานอย่างเชฟโฮเซ่ อังเดรส์ (Chef Jose Andres) และเชฟแฟร์รัน อะเดรีย (Chef Ferran Adria) แห่งห้องอาหาร เอล บุยิ (El Bulli) หลังจากนั้น เขาได้รับการคัดเลือกจาก เชฟชาวญี่ปุ่นระดับสุดยอด ฮิเดะ ยามาโมโตะ (Hide Yamamoto) โดยรับบทบาทสำคัญในการเปิด เดอะ โมเลคิวล่า บาร์ เรสเตอรองต์ (The Molecular Bar Restaurant) ในกรุงโตเกียว จนได้รับรางวัลดาวมิชลิน และนั่นทำให้เขาเป็น ‘เชฟชาวอเมริกันคนแรกที่ได้รับรางวัลระดับมิชลินในต่างประเทศ’
ส่วนร้านอาหาร Babe ของเขาในประเทศมาเลเซียนั้นได้รับรางวัลมากมาย และเป็นจุดหมายของบรรดานักชิมที่โปรดปรานอาหารที่เต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ ล่าสุด เชฟแรมซีย์ได้รับรางวัล King of Kitchens จาก Hapa Awards series for 2018-2020 แชมเปญแปร์ริเอ-ฌูเอต์ (Perrier-Jouet) และคอนยัคมาร์แตล (Martel) ของมาเลเซีย

อาหารของแรมซีย์นั้น ถึงแม้จะนำเสนอในรูปแบบใหมแต่ยังสามารถคงรสชาติดั้งเดิมไว้ได้อย่างสมบูรณ์ กล่าวคือเป็นอาหารญี่ปุ่นแบบไคเซกิ (Kaiseki) สมัยใหม่ และเนื่องจากเชฟแรมซีย์และภริยาชาวญี่ปุ่นของเขาอาศัยอยู่ทางฝั่งตะวันตกของญี่ปุ่น เมนูของคินสุกิจึงเน้นวัตถุดิบที่มาจากแถบนี้มาผสมผสานกับวัตถุดิบในประเทศไทย กลายเป็นที่มาของแนวคิดหลักของห้องอาหาร โดยเน้นความสำคัญของการเชื่อมโยงวัฒนธรรมผ่านทางอาหาร คำว่า ‘คินสุกิ’ ยังมีความหมายว่า ‘เชื่อมต่อด้วยทอง’ เป็นคำที่อ้างอิงถึงศิลปะการซ่อมแซมเครื่องเคลือบด้วยแล็กเกอร์สีทอง ซึ่งไม่ใช่เป็นการซ่อมแซมเพื่อปกปิดรอยแตก แต่เป็นการทำให้เครื่องเคลือบนั้นโดดเด่นขึ้นมาด้วยสีทอง เครื่องเคลือบที่ผ่านกระบวนการคินสุกินี้ ได้รับการยกย่องว่ามีความสวยงาม แม้ว่าจะมีรอยต่อก็ตาม


มื้อกลางวัน
ที่คินสุกิ แบงค็อก บาย เจฟ แรมซีย์ ช่วงนี้จะมี 4 เซ็ตเมนูสำหรับมื้อกลางวัน ได้แก่
1. เซ็ตปลาฮามาจิย่าง, ปลาแมคเคอเรลย่าง, โอโรชิ คัตสึหรือหมูสามชั้นชาบู ราคา 700 บาท : เซ็ตสุดคุ้มสำหรับคนชอบอาหารสไตล์โฮมเมดแบบญี่ปุ่น
2. เซ็ตข้าวหน้าปลาไหลญี่ปุ่น ราคา 850 บาท : เซ็ตนี้คนชอบปลาไหลจะเพลินมาก เพราะปลาไหลชิ้นใหญ่สุดๆ
3. เซ็ตปูอลาสก้าย่าง ราคา 900 บาท : สำหรับสายกินปู เซ็ตนี้ Photogenic ถ่ายรูปสวยมาก
4. เซ็ตวากิว ออสเตรเลีย ริบอาย MB9 ราคา 1,000 บาท :เนื้อวากิวกริลล์จนได้รสเข้มข้น ทั้งยังนุ่มละมุนจนแทบละลายในปากเลยทีเดียว
ทุกเซ็ตจะมาพร้อมของว่าง 3 อย่างและขนมหวานปิดท้ายพร้อมชาหรือกาแฟ





ลิ้มลองเมนู à la carte ที่เสิร์ฟทั้งมื้อกลางวันและมื้อค่ำ อาทิ
นากาโนะ วอลนัต โซบะ (Nagano Walnut Soba) ด้วยสูตรของเชฟเจฟ แรมซีย์ ซึ่งมีที่มาจากเมืองนากาโน่ ประเทศญี่ปุ่น
มะเขือม่วงญี่ปุ่นเย็นกับเจลลี่มะเขือเทศ (Chilled Japanese Eggplant with Tomato Gelee)
คิน แคท (Kin Kat) แซนวิชไอศกรีมคอนยัคกับฟัวกราส์ย่าง และเคลือบด้วยช็อกโกแลต





ห้องอาหารคินสุกิ แบงค็อก บาย เจฟ แรมซีย์ (Kintsugi Bangkok by Jeff Ramsey)
ตั้งอยู่บนชั้น 3 โรงแรมดิ แอทธินี โฮเทล แบงค็อก, อะ ลักชัวรี คอลเลกชั่น โฮเทล (The Athenee Hotel, a Luxury Collection Hotel, Bangkok) สามารถเดินทางด้วยรถไฟฟ้า BTS ลงสถานีเพลินจิตแล้วเดินเท้าหรือนั่งรถเข้าทางถนนวิทยุอีกประมาณ 300 เมตร
รายละเอียดเพิ่มเติม
มื้อกลางวัน ให้บริการเวลา 12.00 – 14.30 น.
มื้อค่ำ ให้บริการเวลา 18.00 – 22:30 น. (สั่งอาหารได้ถึงเวลา 22:00 น.)
แนะนำให้สำรองที่นั่งล่วงหน้าเนื่องจากที่นั่งมีจำนวนจำกัด
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0-2650-8800
E-Mail : Fb.TheAthenee@luxurycollection.com
Website : www.theatheneehotel.com
Instagram : @kintsugibangkok
Instagram Che Jeff Ramsey : @chefjefframsey
View this post on InstagramA post shared by Kintsugi Bangkok (@kintsugibangkok) on
#TheAtheneeHotel #KintsugiBangkokbyJeffRamsey #KintsugiBangkok #JeffRamsey
#BAZAARLifestyle #BAZAARCuisine