ช่วงนี้เป็นช่วงผลัดเปลี่ยนฤดูกาล ที่ญี่ปุ่นกำลังจะเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงกันแล้ว หลายๆ คนชอบไปเที่ยวญี่ปุ่นในช่วงนี้เพราะอากาศดี ไม่ร้อน แล้วก็ไม่หนาวจนเกินไป พายุฝนลาจากไปแล้ว แถมยังมีวิวใบไม้เปลี่ยนสีให้ดูด้วย เป็นอะไรที่โรแมนติกมากๆ
เราเดินทางไปโตเกียวและคาวาคูจิโกะ (Kawaguchiko) ในจังหวัดยามานาชิ (Yamanashi) ซึ่งเป็นที่ที่มองเห็นวิวภูเขาไฟฟูจิได้สวยที่สุดแห่งหนึ่ง ภูเขาไฟศักดิ์สิทธิ์ที่กลายเป็นสัญลักษณ์ของญี่ปุ่น จนนักท่องเที่ยวชาวไทยและจากทั่วโลกแห่กันมาชมความงามกันมากมายในแต่ละปี

ทริปนี้แน่นอนว่าเราไม่พกกล้อง สิ่งที่เราพกก็คือ ไอโฟนรุ่นใหม่ สำหรับปีนี้ Apple ออกผลิตภัณฑ์ไอโฟนมา 2 รุ่น ได้แก่ iPhone Xs ซึ่งเป็นรุ่นที่ราคาสูงกว่า และ iPhone Xr ที่มีราคาประหยัดกว่าแต่ประสิทธิภาพนั้นกลับไม่น้อยตามไปด้วยเลย จนหลายคนถึงกับลงความเห็นว่าเป็นรุ่นที่คุ้มที่สุดของไอโฟนตั้งแต่มีผลิตมาเลยก็ว่าได้ ด้วยสโลแกน “เก่งรอบตัว สวยรอบด้าน” มาดูกันว่าจะสมคำร่ำลือไหม

อันดับแรก ตัวเครื่องของ iPhone Xr มีสีสันให้เลือกเยอะมาก (ตั้ง 6 สีด้วยกัน) กระจกด้านหน้าแข็งแกร่งมากๆ ขอบอะลูมิเนียมเกรดเดียวกับที่ใช้ในอุตสาหกรรมอวกาศ ทนน้ำทนฝุ่น การพกไปท่องเที่ยวจึงไม่ต้องกังวลในทุกสภาพอากาศ อย่างญี่ปุ่นในฤดูใบไม้ร่วงนี่บางวันอาจจะมีฝนตกลงมาก็ได้ เราจะหยิบมือถือขึ้นมาดู Google Maps ท่ามกลางฝนปรอยนั้นไม่ใช่ปัญหาเลย

เช้าตรู่ที่คาวาคูจิโกะ เรานั่งรถบัสจากสถานี Kawaguchiko Station ออกไปที่หมู่บ้าน Oshino Hakkai หรือที่คนไทยเรียกว่าหมู่บ้านน้ำใส ก็เพราะว่าที่นี่มีลำธารไหลเย็นเห็นตัวปลา เป็นน้ำที่เกิดจากหิมะละลายบนภูเขาไฟฟูจิในช่วงฤดูร้อน ไหลผ่านหินลาวาที่มีรูพรุนรวมกับแร่ธาตุต่างๆ ทำให้เกิดเป็นบ่อน้ำ 8 บ่อที่ใสแจ๋วมากๆ ชาวบ้านเชื่อกันว่ามีความศักดิ์สิทธิ์ ถ้าได้ดื่มได้แช่ จะดีต่อสุขภาพ และยังรักษาโรคบางชนิดได้ด้วย


กล้องของ iPhone Xr ถึงแม้จะมีเลนส์เดี่ยว แต่ความละเอียดก็เต็มประสิทธิภาพ 12MP อย่างภาพนี้เห็นเงาสะท้อนในน้ำชัดมาก ด้วยโหมด HDR อัจฉริยะสำหรับภาพถ่าย แถมจับโทนสีฟ้าได้สมจริง เราไม่ต้องใช้ฟิลเตอร์ใดๆ เลย


นอกจากน้ำใสๆ อากาศดีๆ และวิวของฟูจิซังแบบระยะไกลแล้ว ภายในหมู่บ้านยังมีร้านขายของให้เลือกเดินชมสนุกเพลิดเพลินเชียว ของขึ้นชื่อของที่นี่คือปลาทอด ปลาย่าง ส่งกลิ่นหอมอบอวลเพราะเขาย่างกันสดๆ ตรงนั้น ตามด้วยขนมดังโงะเสียบไม้ราดน้ำจิ้ม ยากิคุสะโมจิ หรือโมจิย่างสีเขียว เป็นแป้งร้อนๆ เคี้ยวเหนียวหนึบ แล้วก็ยังมีเต้าหู้ทานกับซอสมิโสะรสเผ็ด ก่อนจะปิดท้ายด้วยผลไม้สดกรอบอร่อยอย่างแอปเปิ้ล องุ่น พลับ ส้ม ฯลฯ

ตกบ่าย เราขึ้นเคเบิ้ลไปดูวิวภูเขาไฟฟูจิแบบมุมกว้างกันบนภูเขา Kachi Kachi แดดค่อนข้างแรงทีเดียวแต่ไม่รู้สึกร้อนเลย กลับทำให้เราถ่ายรูปสวยขึ้น โดยเฉพาะแลนด์สเคปที่กว้างไกลสุดลูกหูลูกตา iPhone Xr ก็เก็บความละเอียดได้ไกลโพ้น ชัดทุกเม็ด

ด้านบนมีขายไอศกรีมชาเขียวด้วย ลองเอาไอศครีมมาถ่ายให้ภูเขาไฟฟูจิเป็นฉากหลัง แม้ว่าโหมด Portrait (หรือโหมดหน้าชัดหลังเบลอ) ของไอโฟนรุ่นนี้จะจับวัตถุที่เป็นสิ่งของไม่ได้ (จับได้เฉพาะ object ที่เป็นคน) แต่จากภาพที่เห็น มันก็มีวิธีการปรับสีให้วัตถุดูเด่นกว่าฉากหลังได้อย่างน่าสนใจ ข้างหลังแดดจัดมากๆ ถ้าเป็นกล้องบางรุ่น ไอศกรีมอาจจะมืดดำไปแล้ว แต่สำหรับ iPhone Xr ยังมองเห็นได้ชัดเจนอยู่ทั้งฉากหน้าและฉากหลัง

เราย้ายลงมาเดินเล่นที่ริมทะเลสาบคาวาคูจิโกะกันบ้าง ตรงส่วนนี้ก็เห็นวิวภูเขาไฟฟูจิได้ในอีกแบบ เหมือนภาพวาดเลยนะ คิดเหมือนกันไหม


เที่ยวคาวาคูจิโกะจนอิ่มแล้ว เรากลับเข้าเมืองโตเกียว กว่าจะถึงเล่นเอามืดค่ำอยู่เหมือนกัน และนี่ก็คือภาพกลางคืนที่ทำได้ดีกว่าไอโฟนรุ่นก่อนๆ เยอะเลย


เห็นโตเกียวทาวเวอร์ที่ไกลๆ นั่นไหม ช่วงเวลาใกล้พลบค่ำแบบนี้ฟ้าสวยมาก และกล้องก็ไล่เฉดสีบนท้องฟ้าได้ละมุนจริงๆ

มาดูภาพแบบถ่ายระยะใกล้กันบ้าง ใครดูภาพนี้แล้วไม่รู้สึกอยากกินขนม ก็คงโกหกแล้วล่ะ

สำหรับในเมืองโตเกียว ย่านที่เราเพิ่งมาครั้งแรกแล้วชอบมากๆ เลยก็คือ โคเอนจิ (Koenji) ซึ่งมีร้านที่ขายของวินเทจอยู่ทั้งถนน ทั้งเสื้อผ้า ของแต่งบ้าน แล้วก็พวกร้านขายแผ่นเสียง รวมถึงคาเฟ่ฮิปๆ ด้วย เป็นย่านที่เดินเพลินแต่ระวังเงินในกระเป๋านิดนึง อย่าช็อปจนล้มละลายแบบเรา


เดินเที่ยวทั้งวัน แบตมือถือก็ยังไม่หมด ต้องบอกว่ารุ่นนี้แบตอึดขึ้นกว่าไอโฟนรุ่นก่อนหน้านี้ จนทำให้เดินเที่ยวและถ่ายรูปได้แบบไม่หยุดชะงัก ไม่ต้องคอยพะวงกับการพกพาวเวอร์แบงค์และต่อสายให้พะรุงพะรัง นอกจากนี้สิ่งที่ชอบมากๆ อีกอย่างก็คือ กล้องหน้าซึ่งถ่ายเซลฟี่ได้ออกมาดูผิวเนียนสุขภาพดีแบบเป็นธรรมชาติ แสงไม่หลอก ทั้งยังปรับให้เป็นโหมด Portrait เพื่อให้จับหน้าชัดหลังเบลอได้ทั้งกล้องหน้าและหลัง ที่สำคัญถ่ายวิดีโอคมชัดระดับ HD 1080p ที่ 30fps หรือ 60 fps โดยมีระบบกันสั่นให้อัตโนมัติ ในระดับที่เรียกว่าเดินไปด้วย ถ่ายวิดีโอไปด้วย เฟรมภาพก็นิ่งจนคนนึกว่าใช้ไม้กันสั่น Stabilizer รึเปล่า (จริงๆ คือถือไอโฟนด้วยมือถ่ายไปแบบสดๆ เลย)

ต้องบอกว่า iPhone Xr ทำให้เรารู้สึกว้าวกว่าที่คิด สำหรับการเอาไปถ่ายรูปที่ญี่ปุ่นทริปนี้ ด้วยราคาที่สมเหตุสมผลและมาพร้อมประสิทธิภาพขนาดนี้ สโลแกน “เก่งรอบตัว สวยรอบด้าน” ก็เป็นเรื่องที่ไม่เกินจริงเลย และคุณผู้อ่านอย่าลืมติดตามรีวิว iPhone Xs ในตอนหน้านะคะ


















