ห้องอาหารญี่ปุ่น คินูบายทาคากิ นำเสนออาหารญี่ปุ่นที่เลือกใช้วัตถุดิบระดับพรีเมี่ยมอย่างต่อเนื่องและรังสรรค์เป็นเมนูตามฤดูกาลที่สะท้อนถึงฤดูกาลต่างๆ ในประเทศญี่ปุ่นตามอย่างวัฒนธรรมด้านอาหารที่เรียกว่า “เคียว ริวริ” (Kyo-ryori)ซึ่งได้รับการยกย่องให้เป็นที่สุดแห่งความมีรสนิยมในเรื่องประสบการณ์การรับประทานอาหารญี่ปุ่น อาหารที่จัดอยู่ในประเภทเคียว ริวริ คือ อาหารที่เชฟนำเสนอความงามจากธรรมชาติของตัววัตถุดิบเอง รสชาติกลมกล่อมเกิดจากศาสตร์และศิลปะการปรุงอาหารของเชฟที่สามารถชูรสชาติของวัตถุดิบ หาใช่เกิดจากการเติมเครื่องปรุงต่างๆ แต่อย่างใด และอาหารนั้นๆ ยังต้องมีความสอดรับกับฤดูกาลต่างๆ ที่เป็นอยู่ในขณะนั้นในประเทศญี่ปุ่น ทั้งนี้ทั้งนั้น อาหารที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นประเภทเคียว ริวริ จึงเป็นอาหารที่จะสร้างความสุขให้กับประสาทสัมผัสทั้งห้าของผู้รับประทาน
วัตถุดิบที่นำเสนอผ่านศิลปะการปรุงอาหารของเชฟโนริฮิสะ มาเอดะล้วนแล้วแต่เป็นวัตถุที่เป็นความภาคภูมิใจของจังหวัดฟุกุโอกะ เพราะเป็นวัตถุดิบที่ได้รับความนิยมและได้รับการยอมรับเป็นอย่างสูงในประเทศญี่ปุ่นเอง และช่วงเวลาที่วัตถุดิบเหล่านี้มีคุณภาพดีที่สุดคือในช่วงเวลานี้ ได้แก่ เนื้อฮากาตะวากิว หอยนางรมพันธุ์ฮิโตตซูบุ จากทะเลบูเซ็น ลูกพลับพันธุ์ฟูยุ สาหร่ายจากทะเลอะริอะเกะ และสตรอเบอร์รี่พันธุ์อะมะโอ
ลูกพลับพันธุ์ฟูยุซึ่งเป็นพันธุ์ที่สงวนสำหรับปลูกในจังหวัดฟุกุโอกะเท่านั้น และฤดูกาลเก็บเกี่ยวที่จะได้ลูกพลับคุณภาพดีที่สุดอยู่ระหว่างเดือนพฤศจิกายน ถึงเดือนกุมภาพันธ์ ดังนั้นลูกพลับฟูยุที่นำมาใช้เป็นวัตถุดิบที่ห้องอาหารญี่ปุ่น คินู บาย ทาคากิ มีรสชาติที่หวานฉ่ำ และมีความหอม เชฟมาเอดะเลือกใช้ลูกพลับมาเป็นหนึ่งในวัตถุดิบของจานเรียกน้ำย่อย ซึ่งจานนี้ชาวญี่ปุ่นเรียกกันว่า “คาคิ นามะสุ” คือ เมนูที่นำผักดองนานาชนิด รวมทั้งผลไม้ ซึ่งต้องหั่นเป็นเส้นๆ มาคลุกเคล้ากับอาหารทะเลหลากหลายชนิด ซึ่งเป็นเมนูตามประเพณีที่ชาวญี่ปุ่นนิยมรับประทานในช่วงปีใหม่ โดยเชฟมาเอดะนำลูกพลับมาเป็นหนึ่งในวัตถุดิบคลุกเคล้ากับผักชนิดอื่นๆ อาทิ หัวไช้เท้า ผักกาด และเชฟมาเอดะได้สอดแทรกขึ้นฉ่ายของไทยเข้าไปด้วย ในส่วนของอาหารทะเลเชฟมาเอดะนำเสนอ เนื้อปูหิมะ หอยเชลล์ เมื่อคลุกเคล้าให้เข้ากันแล้ว เชฟจะราดด้วยซอสยูสุที่ทำเป็นเจลลี่ จานนี้เป็นจานเริ่มต้นการเดินทางแห่งความอร่อยของทั้งมื้อกลางวันและมื้อค่ำ
เนื้อฮากาตะวากิว เป็นเนื้อที่ได้มาจากวัวพันธุ์น้ำตาลและวัวพันธุ์ดำของญี่ปุ่น โดยได้รับการเลี้ยงด้วยฟางข้าวคุณภาพดีซึ่งเป็นข้าวที่ปลูกในจังหวัดฟุกุโอกะ และยังเลี้ยงด้วยธัญพืชนานาชนิด โดยวัวเหล่านี้เป็นวัวอายุ 20 เดือนขึ้นไป และเลี้ยงในสิ่งแวดล้อมที่ไร้ความตึงเครียดแวดล้อมไปด้วยธรรมชาติและทัศนียภาพที่งดงาม ซึ่งคุณค่าจากสารอาหารที่ได้รับจากธัญพืชเป็นเสมือนอาหารเสริมชั้นดีของวัวเหล่านี้ เพราะช่วยให้วัวเหล่านี้มีเนื้อวัวที่มีชั้นไขมันแทรกเสมือนลายหินอ่อน และ ยังเป็นตัวช่วยให้เนื้อวัวมีความนุ่มชนิดที่เรียกว่าละลายในปาก โดยเชฟมาเอดะนำเนื้อฮากาตะวากิวมาย่างเตาถ่านและราดด้วยซอสเทอริยากิ เสิร์ฟพร้อมด้วยผงไข่แดงและแบล็กทรัฟเฟิ้ลเชฟมาเอดะใช้ความพิถีพิถันและใช้ทักษะขั้นสูงตั้งแต่การเตรียมเนื้อ แขกทุกท่านจะได้เพลิดเพลินกับขั้นตอนย่างเนื้อด้วยเตาถ่านซึ่งเชฟมาเอดะต้องใช้ความใส่ใจในขั้นตอนนี้เป็นอย่างมาก เพื่อให้ได้เนื้อวากิวที่มีความนุ่มกำลังดีสมคำร่ำลือว่า “ละลายในปาก” ซึ่งเมนูนี้มีเสิร์ฟทั้งเมนูเซ็ทมื้อกลางวัน และเซ็ทมื้อค่ำ
หอยนางรมฮิโตตซูบุ จากทะเลบูเซ็น เป็นหอยนางรมขนาดใหญ่ได้รับการเลี้ยงในทะเลบูเซ็น เนื่องจากกระแสน้ำในทะเลบูเซ็นไม่มีคลื่นสูง ประกอบกับทะเลบูเซ็นในเขตน้ำตื้นมีแพลงตอนจำนวนมาก จึงเหมาะกับการทำฟาร์มเลี้ยงหอยนางรม และทำให้หอยนางรมที่ได้มีขนาดใหญ่ เนื้อเยอะ และ เนื้อมีความแน่นให้รสสัมผัสที่ดีเมื่อรับประทาน และในหอยนางรมยังอุดมไปด้วยสารอาหาร ทำให้เนื้อหอยนางรมมีรสชาติเข้ม เสน่ห์ที่สำคัญของหอยนางรมพันธุ์ฮิโตตซูบุ คือ เมื่อได้รับความร้อนจากการปรุงอาหาร เนื้อของหอยจะไม่หดตัว นับเป็นครั้งแรกในประเทศไทยที่นักชิมจะได้สัมผัสความอร่อยของหอยนางรมพันธุ์นี้ ที่ห้องอาหารญี่ปุ่น
คินู บาย ทาคากิ เพียงแห่งเดียวในประเทศไทย เชฟมาเอดะนำหอยนางรมฮิโตตซูบุและชิราโกะ (ท่ออสุจิปลา)มาห่อด้วยเต้าหู้แล้วนำไปทอดกรอบ ก่อนเสิร์ฟจะราดด้วยซอสดอกเก๊กฮวย เสิร์ฟคู่กับหอยนางรมฮิโตตซูบุลวก ท็อปปิ้งด้วยคาเวียร์ ให้ท่านได้สัมผัสความอร่อยของเนื้อหอยนางรมฮิโตตซูบุที่ได้รับการปรุงสองแบบ ซึ่งคอร์สนี้ มีอยู่ในเซ็ทมื้อค่ำ
สาหร่ายจากทะเลอะริอะเกะ ได้รับการกล่าวขานให้เป็นสุดยอดของสาหร่ายญี่ปุ่น เนื่องจากระดับน้ำในทะเลอะริอะเกะมีความแตกต่างกันมากกว่า 6 เมตรระหว่างช่วงเวลาน้ำขึ้น และ น้ำลง จึงเป็นปัจจัยที่ทำให้สาหร่ายที่ได้รับการเพาะเลี้ยงที่ทะเลนี้ มีรสชาติและคุณภาพที่ดีกว่า อีกทั้งการเก็บสาหร่ายก็ทำในเวลากลางคืน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่สาหร่ายได้กักเก็บสารอาหารรวมทั้งรับแสงแดดมาแล้วอย่างเต็มที่ จึงส่งผลให้สาหร่ายมีรสชาติที่กลมกล่อมครบรส ดังคำที่ชาวญี่ปุ่นให้นิยามไว้คือ “อุมามิ” ในแต่ละปีมีการผลิตสาหร่ายจากทะเลอะริอะเกะ มากกว่าสองพันล้านแผ่น แต่กล่าวได้ว่ายังไม่เพียงพอต่อความต้องการภายในประเทศ จึงไม่เคยมีสาหร่ายจากทะเลอะริอะเกะนำเข้ามาในประเทศไทย ในเดือนนี้ท่านจะได้สัมผัสความอร่อยอันเป็นเอกลักษณ์ของสาหร่ายจากทะเลอะริอะเกะนี้ได้เป็นครั้งแรกในประเทศไทย ที่ห้องอาหารญี่ปุ่น คินู บาย ทาคากิ โดยเชฟมาเอดะนำมาใส่ในข้าว ซึ่งคอร์สที่เป็นข้าวนั้น เชฟนำเสนอข้าวหน้าอาหารทะเลนานาชนิด พร้อมไข่ออนเซ็นและสาหร่ายอะริอะเกะ ซึ่งคอร์สนี้มีทั้งในเซ็ทมื้อกลางวัน และมื้อค่ำ
อีกหนึ่งวัตถุดิบที่เป็นความภาคภูมิใจของจังหวัดฟุกุโอกะ คือ สตรอเบอร์รี่พันธุ์อะมะโอ ซึ่งเป็นสตรอเบอร์รี่ที่ปลูกเฉพาะในพื้นที่จังหวัดฟุกุโอกะ เป็นพันธุ์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดและมียอดจำหน่ายสูงสุดเป็นอันดับหนึ่งในประเทศญี่ปุ่นติดต่อกันมากกว่า 15 ปี สตรอเบอร์รี่พันธุ์อะมะโอเป็นที่ขึ้นชื่อในเรื่องของรูปทรงที่อวบ ผิวสีแดงสดเงางามเป็นประกาย เนื้อแน่นและมีความฉ่ำหวาน ซึ่งช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเก็บเกี่ยวสตรอเบอร์รี่พันธุ์นี้ คือ ระหว่างเดือนมกราคม – มีนาคม เชฟมาเอดะและทีมของห้องอาหารญี่ปุ่น คินูบายทาคากิจึงรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้นำเสนอสตรอเบอร์รี่พันธุ์อะมะโอซึ่งเป็นผลผลิตที่ดีที่สุดของปีให้แก่แขกทุกท่าน โดยเชฟสร้างสรรค์ให้เมนูของหวานมีความสนุกสอดแทรก เชฟมาเอดะนำเสนอสตรอเบอร์รี่พันธุ์อะมะโอให้แตกต่างกันห้าแบบในหนึ่งถ้วยขนมหวาน เพิ่มความสนุกด้วยการราดซอสสตรอเบอร์รี่อุ่นๆ ลงบนแผ่นช็อกโกแลตที่ประดับอยู่ด้านบนเพื่อให้ช็อกโกแลตละลายเมื่อรับประทานคู่กับผลสตรอเบอร์รี่สด และเจลลี่สตรอเบอร์รี่
ห้องอาหารญี่ปุ่น คินูบายทาคากิ(Kinu by Takagi)เปิดให้บริการวันพุธ – วันอาทิตย์สามารถรองรับแขกได้ 10 ท่านต่อมื้ออาหาร
– มื้อกลางวันให้บริการห้าคอร์ส ราคา 4,000++ บาท ต่อท่าน เริ่มเสิร์ฟอาหารเวลา 12.00 น.
– มื้อค่ำให้บริการสิบคอร์ส ราคา 8,000++ บาท ต่อท่าน เริ่มเสิร์ฟอาหารเวลา 18.00 น.