Fendi ซัพพอร์ทสมบัติอันล้ำค่า พิพิธภัณฑ์ Galleria BorGhese

ตอนอายุ 19 ฉันอาศัยอยู่ที่โรมเป็นปี โดยทำงานให้กับบริษัทประมูลงานศิลปะและของแอนทีกล้ำค่า Christie’s ซึ่งตั้งอยู่ในจัตุรัส Piazza Navona ซึ่งรายรอบไปด้วยทัศนียภาพอันงดงามเกินจะหาใดเปรียบ ในทุกๆ วัน ฉันจะเดินลัดเลาะไปตามขอบโค้งของสเตเดียมโรมันเก่าแก่แห่งนี้ ผ่านน้ำพุ Fountain of the Four Rivers ผลงานของจาน โลเรนโซ แบร์นินี (Gian Lorenzo Bernini) ฉันออกสำรวจไปยังทุกหนแห่งเท่าที่จะสามารถไปได้ แต่ก็ยังมีอยู่ที่หนึ่งซึ่งฉันไม่เคยมีโอกาสได้ไปเยี่ยมเยือน นั่นก็คือ Villa Borghese พระราชวังบาโรกอันยิ่งใหญ่ตระการตาที่ถูกสร้างขึ้นโดยพระคาร์ดินัล ชิปิโอเน บอร์เกเซ (Scipione Borghese) ปัจจุบันที่นี่ได้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์สาธารณะในชื่อหอศิลป์บอร์เกเซ (Galleria Borghese) ภายในจัดแสดงอัญมณีจากหลากหลายคอลเลกชั่นของพระคาร์ดินัล

อย่างไรก็ตาม สมัยที่ฉันอยู่ที่นี่ หอศิลป์กำลังอยู่ในช่วงที่อันนา โกลิวา (Anna Coliva) ผู้อำนวยการของพิพิธภัณฑ์เรียกว่า ‘การปรับปรุงที่ไม่มีวันเสร็จสิ้น’ ภาพ Deposition ของรา- ฟาเอล (Raphael) และภาพเซล์ฟพอร์เทรตของการาวัจโจ (Caravaggio) ในรูปจำแลงของเทพ บาคคัส (Bacchus) ที่กำลังป่วย ทั้งหมดถูกนำไปเก็บซ่อนให้พ้นจากสายตา รวมถึงสคัลป์เจอร์ของเทพอพอลโลกับแดฟนี (Apollo and Daphne) อันน่าตกตะลึงที่รังสรรค์โดยแบร์นินี เนื้อหนังอวบอิ่มของนิมฟ์สาวแปรเปลี่ยนเป็นเปลือกไม้ มือของเธอแตกแขนงเป็นกิ่งก้านของต้นลอเรล ขณะที่เทพหนุ่มผู้ตกอยู่ในภวังค์รักกำลังเอื้อมมือไขว่ขว้าตัวเธอไว้ แต่ชิ้นงานที่โด่งดังและรู้สึกคุ้นเคยมากเหลือเกินก็คือชิ้นนี้ที่ฉันไม่อยากเชื่อเลยว่าเคยได้เห็นมันเมื่อจัดแสดงต่อหน้าเพียงเท่านั้น เลยอยากจะพูดถึงเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่นานมานี้ เมื่อฉันได้รับเชิญให้ไปเยือนหอศิลป์บอร์เกเซโดยคำเชิญของเฟนดิ (Fendi) ห้องเสื้อแฟชั่นต้นแบบของโรม เพื่อให้ทุนสนับสนุนพิพิธภัณฑ์ไปอีก 3 ปีข้างหน้า เช่นเดียวกับเพื่อซัพพอร์ตสถาบันการาวัจโจแห่งใหม่ของที่นี่

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เฟนดิยื่นมือเข้ามาช่วยรักษาสมบัติอันเปราะบางและสำคัญยิ่งของโรม น้ำพุเทรวี (Trevi Fountain) ที่หลายคนจดจำได้ขึ้นใจจากภาพยนตร์เรื่อง La Dolce Vita ได้รับการทำนุบำรุงจากการสนับสนุนของ เฟนดิ เช่นเดียวกับน้ำพุ Four Fountains บนแยกระหว่างถนน Via del Quirinale และ Via delle Quattro Fontane แต่สำหรับตอนนี้ ต้นแบบจิตรกรชาวโรมันอย่าง มิเกลันเจโล เมรีซี ดา การาวัจโจ (Michelangelo Merisi da Caravaggio) คือจุดสนใจของแบรนด์

“สุดท้ายแล้วแบรนด์หรูก็ต้องแสดงออกถึงความรักในความสวยงาม และรักในวัฒนธรรมไม่ว่าจะมาในรูปแบบไหน นี่ไม่ใช่การไปร้าน ซื้ออะไรสักอย่าง แล้วก็กลับบ้าน แต่สิ่งที่เราทำต้องมาพร้อมกับเรื่องราวที่งดงาม เราจึงต้องรู้ว่าเราเป็นใครและยืนหยัดเพื่ออะไร” ซีอีโอผู้เป็นกันเองของเฟนดิ ปิเอโตร เบกการี (Pietro Beccari) กล่าว มิตรภาพของเขากับโกลิวายังเป็นจุดเริ่มต้นของโปรเจ็กต์หอศิลป์บอร์เกเซอีกด้วย “ผมตัดสินใจว่าเราควรอุปการะพิพิธภัณฑ์สักแห่ง และที่นี่ก็เป็นที่โปรดของผม เราไม่ได้อยากเป็นเพียงสปอนเซอร์ให้กับนิทรรศการหนึ่ง ที่จะจัดงานดินเนอร์ดีๆ สักครั้งและแยกย้ายกันไปจนกว่าจะเวียนมาถึงปีหน้า สิ่งที่เราทำคือการเป็นพาร์ตเนอร์ระยะยาว” ซึ่งจะเปิดช่องทางการเงินของหอศิลป์แห่งนี้ให้สามารถนำไปใช้ในงานศึกษาวิจัยเกี่ยวกับการา-วัจโจ อย่างน้อยๆ ก็ทำให้สามารถระบุรูปภาพของปลอมที่มีอยู่เกลื่อนไปได้ เพราะเมื่อศิลปินเซอร์ๆ เกิดชักหน้าไม่ถึงหลังขึ้นมา ซึ่งก็คงจะเป็นอยู่บ่อยครั้ง เขาก็คงยินดีไม่น้อยที่จะเซ็นชื่อตัวเองลงบนผลงานของคนอื่น รุนแรง ลุ่มหลง ดรามาติก และมืดหม่น “การาวัจโจคือศิลปินที่คู่ควรกับโรมในทุกวันนี้” โกลิวากล่าว “40 ปีก่อน ไม่มีใครแคร์หรือเห็นคุณค่าในตัวของเขาเลย ทว่าผลงานของเขานั้นเต็มไปด้วยอารมณ์และความตื่นเต้น และในยุคนี้เองที่เราจะได้รู้สึกในสิ่งที่เขารู้สึก” สำหรับฉันแล้วอารมณ์ที่ว่าก็คือความสุข ที่ในที่สุดแล้วฉันจะได้ก้าวข้ามธรณีประตูหินอ่อนเข้าไปยังฮอลล์ซึ่งภายในถูกเพนต์ภาพไว้อย่างเรืองรองตระการตา

ชมข้อมูลเพิ่มเติมที่ www.fendi.com