
TEAM WANG
Team Wang คือแบรนด์ของผม มันคือบริษัทที่เริ่มก่อตั้งด้วยคนเพียงสองคนเท่านั้น คือ ผมและผู้จัดการของผม แต่ทว่าตอนนี้เรากลับมีพนักงานเพิ่มขึ้นมาถึง 60 คนเลยทีเดียว ซึ่งจะถูกแบ่งออกเป็นหลายๆ ทีม ทั้งทีมพัฒนาศิลปินใหม่ ทีมฝ่ายผลิต และอื่นๆ รวมไปถึงการทำคอลลาบอเรชั่นร่วมกับบริษัทอื่นอีกด้วย หรือแม้กระทั่งการผลิตมิวสิกวิดีโอ นั่นเลยส่งผลให้ในช่วงหลังมานี้ผมเริ่มติดนิสัยในการเข้านอนในช่วงเวลา ตี2-ตี3 เพราะทีมงานจากอเมริกาจะมีการนำเสนอไอเดียในช่วงเวลาประมาณนี้ และผมยังต้องติดต่อประสานงานกับหัวหน้างานแต่ละแผนกทุกวัน ซึ่งเวลาที่ใช้ในการพูดคุยประสานงานกันผ่านทางโทรศัพท์ก็เริ่มนานขึ้น (หัวเราะ) ในบางครั้งเมื่อผมไปออกรายการ ก็จะมีคำถามประเภทที่ว่า “ปกติทำอะไรบ้าง?” “มีงานอดิเรกไหม?” ถ้าให้ตอบตามตรงเลย ผมไม่เคยคิดถึงเรื่องพวกนี้เลย ผมทำแต่งาน นั่นก็ถือว่าเป็นงานอดิเรกของผมแล้วครับ

CREATIVE
การแต่งเพลงและผลิตเพลงออกมานั้นถือเป็นเรื่องพื้นฐานเริ่มต้น ผมยังต้องเตรียมวางแผนแนวคิดสำหรับมิวสิกวิดีโออีก นอกจากนี้แล้วผมยังมีส่วนร่วมในการดูแลและถ่ายทำเวอร์ชั่นเดโมด้วยตัวเองอีกด้วย เมื่อครั้งที่ผมเริ่มก่อตั้ง Team Wang พวกเรามีงบที่จำกัด นั่นเลยทำให้ผมเริ่มหาความรู้ในด้านขั้นตอนการผลิตมากยิ่งขึ้นด้วยตัวเอง เพื่อที่ผมจะได้ไม่โดนหลอก (หัวเราะ) ผมอยากจะสรรค์สร้างสิ่งแปลกใหม่ที่ยังไม่มีใครเคยเห็นมาก่อนในตลาดปัจจุบัน ผมได้ปล่อยเพลงที่ชื่อว่า LMLY (Leave Me Loving You) ซึ่งล่าสุดผมได้วางแนวคิดสำหรับมิวสิกวิดีโอเพลงนี้เอง โดยมันจะมีกลิ่นอายของความเป็นภาพยนต์ฮ่องกง แต่พูดกันตามตรง ถ้าคุณดูจากเนื้อเพลงแล้วมันคือเพลงรักแบบชัดเจน เนื้อหาจะเกี่ยวกับ คู่รักที่ไม่ได้รักกันแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้เลิกรากันแบบจริงจัง ผมไม่อยากสื่อมันออกมาแบบคาดเดาได้ ผมก็เลยเพิ่มการหักมุมของเรื่อง โดยให้เรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่พระเอกคิดไปเอง ง่ายๆ เลยก็คือว่า ผมเชื่อว่าถ้าผมอยากเห็นอะไรที่ผมเห็นแล้วจะต้องชอบ ผมก็คิดว่าคนอื่นก็น่าจะต้องชอบเหมือนกัน แต่อันดับแรกเลย ผมจะต้องรู้สึกตื่นเต้นเวลาผมสร้างสรรค์ผลงานสักอย่าง!

WORK
ผมไม่รู้ว่าจะอธิบายในภาษาเกาหลีอย่างไรดี? ความเหนื่อยที่มีความสุข? ทุกขั้นตอนเปรียบเสมือนกับสงคราม แต่พอผลงานสุดท้ายเสร็จออกมาและเผยแพร่ออกไป มันรู้สึกเหมือนการให้กำเนิดลูกคนหนึ่ง มันยากลำบากแต่ก็ทำให้ผมภาคภูมิใจ และนั่นก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ผมยังคงทำมันต่อไป มันมีสโลแกนที่ผมตั้งขึ้นมาให้กับทีมว่า “เรียนรู้ตัวตนเราเอง และสร้างเรื่องราวของเราเอง” ผมคิดว่าไม่ว่าคุณจะทำอะไรก็ตาม คุณควรเริ่มต้นด้วยการเรียนรู้ที่จะรู้จักตัวตนของเราเองก่อนว่า เราชอบอะไร ความฝันของเราคืออะไร? จากนั้นตั้งเป้าหมายตามคำตอบเหล่านั้น และเริ่มต้นทำมันไปทีละก้าว แต่ถ้าคุณยังตอบคำถามพวกนี้กับตัวเองไม่ได้ คุณก็จะไม่สามารถเริ่มต้นทำอะไรได้เลย ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตามคุณต้องเริ่มต้นจากการก้าวออกไปสู่โลกภายนอก และหลังจากจากนั้นประตูบานอื่นๆ ก็จะเปิดออกรับคุณเอง

LONELY
ต่างประเทศ? อ้าห์! (ฟังนิยามความหมายของคำว่าต่างประเทศ) ใช่แล้ว มันเหมือนกับว่า ไม่ว่าคุณจะไปที่ไหนคุณก็ไม่ใช่คนที่นั่น เพื่อนชาวเกาหลีของผมคิดว่าผมเป็นคนจีน และเพื่อนชาวจีนก็คิดว่าผมเป็นคนเกาหลี ผมไม่รู้ว่าเหตุการณ์เริ่มต้นขึ้นเมื่อไหร่ แต่พวกเขาเริ่มไม่ค่อยชวนผมออกไปสังสรรค์ แต่เมื่อเราได้กลับมาคุยกันอีกครั้งพวกเขาก็ชอบพูดว่า “อ้าว แจ็กสัน ฉันคิดว่านายอยู่ที่อีกประเทศหนึ่ง” ในช่วงเวลานั้นผมรู้สึกเหงา รู้สึกเหงาจริงๆ (หัวเราะ)

SOLO
GOT7 จะยังคงมีอยู่ต่อไป ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง จริงๆ แล้ว ผมต้องทำงานในฐานะศิลปินเดี่ยว, ร่วมกิจกรรมในฐานะสมาชิกวง และดูแลบริษัทของผมไปด้วยในเวลาเดียวกัน แต่ตอนนี้ผมเริ่มมีเวลามากขึ้น ที่ผ่านมา ไม่ว่าผมจะสร้างสรรค์ผลงานเพลงออกมาได้กี่เพลง แต่ผมจะปล่อยผลงานได้แค่ 5 เพลงต่อปี แต่ตอนนี้ผมสามารถปล่อยเพลงได้มากถึงประมาณ 40 เพลง จริงๆ นะ ผมตั้งเป้าไว้ว่าปีนี้ผมจะปล่อยผลงานออกมา 40 เพลง ซึ่งมีทั้ง อัลบั้มภาษาอังกฤษ 1 อัลบั้ม, อัลบั้มภาษาจีน 1 อัลบั้ม และโปรเจกต์อื่นๆทั่วโลกอีก

KOREA
บางครั้งผมได้ยินคำพูดที่ว่า “คุณเป็นคนจีน ทำไมถึงยังทำงานอยู่ในเกาหลี? มันดูโลภชะมัด” แทนที่จะมองว่าโลภ ผมกลับรู้สึกว่ามันน่าเสียดายนะ ตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา ผมทำงานในฐานะศิลปินเดี่ยวในหลายประเทศ แต่มีแค่ในเกาหลีเท่านั้นที่ผมทำไม่ได้ คนเกาหลีประมาณ 99% อาจจะไม่รู้ว่าผมทำงานในศิลปินเดี่ยวด้วยซ้ำ แต่ในที่สุดปีนี้ผมก็ปล่อยผลงานอัลบั้มเพลงในเกาหลีด้วย และผมก็อยากให้มันประสบความสำเร็จ เกาหลีเป็นที่ที่ผมเริ่มต้นในการเป็นศิลปินนักร้อง ผมเป็นคนจีน แต่ผมก็ยังเป็นคนเอเชีย เป้าหมายของผมคือ การเผยแพร่วัฒนธรรมของเอเชียไปสู่ผู้คนที่อยู่ในซีกโลกตะวันตก ไม่ว่าจะเป็นการเผยแพร่ผ่านผลงานภาพยนตร์, ผลงานเพลง หรือแม้แต่นิตยสาร เพราะนั่นคือความฝันของผม

FAMILY
ตั้งแต่ปีนี้ผมจะกลับไปอยู่กับพ่อแม่ที่ปักกิ่ง โดยพ่อแม่จะอาศัยอยู่ชั้นบน ส่วนผมจะอยู่อีกชั้นนึงถัดลงมา ผมอยู่ห่างกับพ่อแม่มาตลอด 10 ปี ที่ผ่านมาใช่ไหม? ในช่วงเวลาเหล่านั้น ผมคิดอยู่ตลอดว่า ไม่ว่าคุณจะใช้ชีวิตอย่างไร แต่ก็ไม่มีใครที่จะสามารถมีครบได้ทุกอย่าง การมีความฝันต่างๆ และสามารถทำตามความฝันเหล่านั้นได้ ก็เป็นเรื่องหนึ่งที่ผมรู้สึกยินดีและขอบคุณ แต่พ่อแม่ของผมก็แก่ตัวลงทุกวัน ดังนั้น ตอนนี้ถึงเวลาที่ผมจะเป็นผู้ดูแลพวกท่าน พวกท่านดูแลเลี้ยงดูผมมาโดยตลอดจนถึงตอนนี้ และตอนนี้ผมว่ามันถึงเวลาที่ผมจะดูแลพวกท่านแล้ว