1. Academy at Maisach
ต่อเนื่องจากตอนที่แล้วที่ค่ายรถหรูบีเอ็มดับเบิลยู (BMW) ได้จัดทริปพิเศษThe Ultimate Joy Experience พาลูกค้าบินตรงสู่ยุโรปเพื่อไปสัมผัสประสบการณ์แห่งความสุขที่ประเทศเยอรมนีและโปรตุเกส โดยเริ่มต้นจากการพาเยี่ยมชม BMW Welt ที่เปรียบเสมือนอาณาจักรอันยิ่งใหญ่ของ BMW ในเมืองมิวนิก จนผู้ร่วมเดินทางได้เต็มอิ่มกับการเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ โชว์รูมและโรงงานผลิตรถยนต์สุดไฮเทคอย่างเต็มอิ่ม ก็ถึงเวลาของการท่องเที่ยวเยี่ยมชมเมืองสำคัญของประเทศเยอรมันและโปรตุเกสแล้ว
เริ่มจากการเดินชมความสวยงามของจตุรัสมาเรียนพลัทซ์ (Marieanplatz) และช้อปปิ้งกันอย่างจุใจ โดยที่จตุรัสแห่งนี้ในอดีตเป็นตลาดค้าขายขนาดใหญ่ที่สำคัญของเมืองมิวนิก ซึ่งปัจจุบันหลายเป็นสัญลักษณ์ของเมือง เป็นจุดนัดพบ และเป็นสถานที่จัดแสดงงานทางวัฒนธรรม ทั้งยังเป็นที่ตั้งของศาลาหลักเมืองหลังใหม่ (Nuese Rathaus) ที่สร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบโกธิก พลาดไม่ได้คือการรอเวลาที่นาฬิกาตุ๊กตากลจะออกมาเต้นระบำพร้อมกับเสียงระฆังที่ตีก้องกังวาลในเวลา 11.00 น. และ 17.00 น.ของทุกวัน ก่อนปิดท้ายวันด้วยมื้อเย็นอย่างเมนูขาหมูเยอรมันและเมนูแบบท้องถิ่นดั้งเดิมที่ Zum Franziskaner ใกล้กับโรงละครแห่งชาติ Bavarian State Theater ตัวร้านตั้งอยู่ในตัวอาคารที่ได้รับการปรับปรุงใหม่แต่ยังคงกลิ่นอายของความเป็นยุโรปเอาไว้อย่างชัดเจน ทำให้เราได้สัมผัสกับสไตล์โรงเบียร์เยอรมันขนานเเท้ที่ตกแต่งด้วยภาพวาดและให้บรรยากาศของการสังสรรค์ได้อย่างเพลิดเพลินก่อนจะเข้าพักผ่อนที่โรงแรมหรู Sofitel Munich Bayerpost
ในวันถัดมาถึงเวลาของโปรแกรม BMW Driving Experience ที่จัดขึ้น ณ BMW Driving Academy Maisach ซึ่งถือเป็นสถาบันที่สร้างผู้ฝึกสอนมืออาชีพ รวมทั้งสอนการขับให้กับลูกค้าและบุคคลภายนอกตั้งแต่ขั้นพื้นฐานถึงขึ้นสูงสุด โดยศูนย์ฝึกอบรมแห่งนี้ เปิดอบรมและทดสอบการขับขี่ตามหลักสูตรมาตรฐานของ BMW ตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 2012 ซึ่งมีจุดกำเนิดมาจากหลักสูตรสำหรับฝึกนักแข่งรถ และยังมี mini และ Rolls Royce เอาไว้ให้ลองกันอีกด้วย ที่นี่ยังถือเป็น Driving Center แห่งแรกในเยอรมนี มีระยะทางตรงมากถึง 1.8 กิโลเมตร บนพื้นที่รวมกว่า 700 ไร่ นับเป็นสถานที่ฝึกอบรมการขับขี่ของ BMW ที่ใหญ่ที่สุดของเยอรมนี และมีพื้นที่สำหรับจอดรถสำหรับฝึกสอนมากถึง 400 คัน โดยสถานที่ฝึกอบรมแห่งนี้ถูกดัดแปลงจากสนามบินเก่าในเขตทหารนั่นเอง หลังการฝึกสมาชิกทุกคนสามารถผ่านการฝึกและรับประกาศณียบัตรมาได้ด้วยความภาคภูมิใจ ก่อนจะบินลัดฟ้าสู่เมืองลิสบอน ประเทศโปรตุเกส
2. Jeronimos
เช้าวันรุ่งขึ้นหลังพักผ่อนอย่างเต็มอิ่มในโรงแรม Sofitel Lisbon Liberdade ก็ได้เวลาของการออกเดินทางไปชมความสวยงามของวิหารเจโรนิโม (Jeronimos Monastry) ที่ทุกคนรอคอย ที่นี่เป็นวิหารเก่าแก่ที่เป็นสัญลักษณ์ของความเจริญรุ่งเรืองของโปรตุเกส โดยภายในวิหารตกแต่งอย่างหรูหราด้วยศิลปะมานูเอลไลน์ (Manuelline) มีลวดลายของซุ้มประตูแกะสลักที่สวยงาม ซึ่งใช้เวลาสร้างถึง 70 ปี ปัจจุบันถูกประกาศให้เป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกแล้ว ภายในวิหารที่เป็นโบสถ์ Santa Maria de Belem ยังเป็นที่ฝังศพของ วาสโก ดากามา (Vasco da Gama) นักเดินเรือสำรวจผู้ยิ่งใหญ่ชาวโปรตุเกส ที่ได้สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการค้นพบเส้นทางเดินเรือจากเมืองลิสบอน สู่มหาสมุทรอินเดีย เริ่มเดินทางสู่มหาสมุทรเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม ค.ศ. 1497 ผ่านแหลมกู๊ดโฮป (Cape of Good Hope) แอฟริกาใต้ แล้วล่องเรือขึ้นเหนือสู่มหาสมุทรอินเดีย ก่อนที่เขาจะเสียชีวิตที่เมืองโคชิ (Kochi) ประเทศอินเดีย เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม ค.ศ. 1524
จากนั้นก็เป็นหยุดพักการเดินทางเพื่อลิ้มลองความหวานหอมของขนมทาร์ตไข่ต้นตำรับของร้าน Pasteis de belem ร้านเก่าแก่ของลิสบอนที่เปิดขายมาตั้งแต่ ค.ศ. 1837 ถือว่าเป็นร้านขนมทาร์ตไข่เจ้าแรกในโลกเลยก็ว่าได้ เมื่อลิ้มรสแป้งพายกรุบกรอบ ไส้ที่ทำจากไข่แดง เนย นมและน้ำตาล นุ่มละมุนลิ้น ทั้งยังมีกลิ่นหอมจากผิวหน้าทาร์ตที่ไหม้เกรียมเล็กน้อย กก็แทบไม่อยากจบที่ชิ้นเดียวกันเลย และก็เป็นเจ้าขนมทาร์ตไข่จากลิสบอนนี่เอง ที่ขยายความอร่อยแบบข้ามน้ำข้ามทะเลมาสู่แผ่นดินจีนและกลายเป็นขนมประจำถิ่นของมาเก๊าจนถึงปัจจุบัน
3. Sintra
โปรแกรมต่อมาคือการเดินทางสู่เมืองซินทรา (Sintra) ที่แสนโรแมนติกราวกับเทพนิยาย เข้าชมปราสาท Quinta da Regaleira อีกหนึ่งมรดกโลกที่ออกแบบโดย Antonio Augusto Carvalho Monteiro และ Luigi Manni สถาปนิกผู้ออกแบบ La Scala ที่โด่งดังในเมืองมิลาน อิตาลี โดยที่แห่งนี้เปิดให้เข้าชมความงามของตัวปราสาทและพื้นที่สวนโดยรอบ มีทั้งโบสถ์ ทะเลสาบ ป้อมปราการ บันไดวนที่เป็นเส้นทางลับสู่อุโมงค์ใต้ดิน เป็นปราสาทที่มีทั้งความสวยงามและให้ความรู้สึกลี้ลับมากทีเดียว จากนั้นก็เป็นการยนั่งรถบัสขึ้นสู่ยอดเขาเพื่อชมความมหัศจรรย์ของปราสาทพีน่า (Pena Castle) หรือ พระราชวังแห่งชาติพีน่า อีกหนึ่งมรดกโลก 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์แห่งโปรตุเกสที่ตั้งสง่าโดดเด่นอยู่บนหน้าผาสูงชัน มองเห็นเมืองด้านล่างได้โดยรอบ ตัวปราสาทตกแต่งด้วยศิลปะแบบ Romanticism หรือศิลปะแบบจินตนาการนิยม เน้นการใช้ เส้น แสง สี ที่เร้าใจ สะท้อนอารมณ์ ยิ่งมองดูในวันที่ฝนตกฟ้าครึ้ม มีหมอกลงหนาแบบก็ให้ความรู้สึกเหมือนปราสาทในเทพนิยายปรัมปราจริงๆ ตกเย็นของวัน ก็ได้เวลาของการดินเนอร์สุดพิเศษที่ร้านซีฟู้ดชื่อดังของเมืองอย่าง O Mercado do Peixe ทำให้ผู้ร่วมเดินทางได้เพลิดเพลินกับการปิ้งย่างอาหารทะเลสดชั้นเลิศที่ทางร้านคัดสรรวัตถุดิบมาจากท้องทะเลอย่างพิถีพิถัน
4. Estroril
เช้าวันต่อมาได้เวลาสัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษกับการขับขี่ BMW M5 รุ่นใหม่ล่าสุด บนสนามแข่งระดับตำนานอย่าง Circuito Estoril ที่จารึกประวัติศาสตร์การแข่งขันระดับโลกมาแล้วหลายรายการ โดยอยู่ภายใต้การดูแลของผู้ฝึกสอนอาวุโสที่ได้รับการรับรองจาก BMW International Racing Experience และทีมงานที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีเพื่อความปลอดภัยสูงสุดพร้อมกับปิดกิจกรรมด้วยการมอบประกาศนียบัตรรับรองการผ่านกิจกรรม The Ultimate BMW M Track Experience 2018 ที่น่าประทับใจ
และทั้งหมดนี้คือสุดยอดประสบการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิตที่บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย มอบให้กับสมาชิกผู้ใช้รถยนต์ BMW สำหรับเจ้าของรถยนต์ BMW ที่ไม่อยากพลาดกิจกรรมสุดเอ็กซ์คลูซีฟเช่นนี้ สามารถสมัครเป็นสมาชิกโปรแกรม The Ultimate JOY Experience ได้ที่ https://www.bmwultimatejoy.com และติดตามข่าวสารต่างๆ ได้ที่ https://www.facebook.com/bmwultimatejoy