เชิญคุณมาสัมผัสการผสมผสานทางวัฒนธรรมและ เรื่องราวของความรัก

ทิวทัศน์ริมแม่น้ำเจ้าพระยาในเย็นย่ำที่แสงแดดเริ่มคล้อยต่ำ เป็นวิวแสนโรแมนติกที่เป็นเสน่ห์ของกรุงเทพฯ มาช้านาน จนได้สมญานามว่าเวนิสตะวันออก ด้วยความที่เราเคยใช้เป็นเส้นทางหลักในการสัญจรและทำการค้าขายมาตั้งแต่สมัยโบร่ำโบราณ ทุกวันนี้เราจึงยังคงเห็นร่องรอยของประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมอยู่ในหลายจุดตามสองฝั่งริมเจ้าพระยา คลองสาน ย่านเล็กๆ ฝั่งธนบุรี ที่เชื่อมต่อกับใจกลางเมืองอย่างสาทรเพียงไม่กี่นาที เป็นอีกย่านที่เคยเป็นที่อยู่อาศัยและทำการค้าของชาวไทยเชื้อสายจีนที่อพยพเข้ามาตั้งรกรากตั้งแต่สมัยต้นยุครัตนโกสินทร์ เราเห็นโกดังสินค้าเก่า เห็นท่าเรือกลไฟ เห็นวัดและศาลเจ้าตั้งอยู่ใกล้กัน รวมไปถึงตลาดท้องถิ่นที่มีกลิ่นอายความเป็นจีน ซึ่งสร้างเอกลักษณ์ให้กับย่านนี้เอามากๆ

คลองสาน ย่านเล็กๆ ฝั่งธนบุรี ที่เชื่อมต่อกับใจกลางเมืองอย่างสาทรเพียงไม่กี่นาที เป็นอีกย่านที่เคยเป็นที่อยู่อาศัยและทำการค้าของชาวไทยเชื้อสายจีนที่อพยพเข้ามาตั้งรกรากตั้งแต่สมัยต้นยุครัตนโกสินทร์ เราเห็นโกดังสินค้าเก่า เห็นท่าเรือกลไฟ เห็นวัดและศาลเจ้าตั้งอยู่ใกล้กัน รวมไปถึงตลาดท้องถิ่นที่มีกลิ่นอายความเป็นจีน ซึ่งสร้างเอกลักษณ์ให้กับย่านนี้เอามากๆ และเมื่อความเจริญรุกคืบเข้ามา สถานที่ทางประวัติศาสตร์หลายแห่งก็ถูกปรับเป็นสถานที่ท่องเที่ยว อย่างล่าสุดที่เพิ่งมีการเปิดตัว ‘ล้ง 1919’ ก็เป็นการฟื้นฟูสถาปัตยกรรมแบบผสมผสานไทย-จีน อายุกว่า 167 ปี ให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่รวมทั้งประวัติศาสตร์และความทันสมัยเอาไว้ในที่เดียวกัน

เมื่อเราขับรถเข้ามาในซอยเชียงใหม่บนถนนเจริญนครถัดจากล้ง 1919 เราจะพบป้ายชื่อ Hotel Amdaeng อยู่ฝั่งตรงข้าม ซึ่งพอตามป้ายเข้าไปในซอยเล็กๆ นั้น เราก็จะพบบูติกโฮเต็ลขนาดกะทัดรัด แต่ยิ่งใหญ่ด้วยเรื่องราวเบื้องหลัง เพราะเพียงแค่ชื่อ ‘อำแดง’ ก็ดึงดูดชวนให้ค้นหาความหมายของโรงแรมที่มีหน้าตาเหมือนกล่องสีแดงโทนอิฐ ตกแต่งด้วยลายขนมปังขิงแบบไทยโบราณ ควบคู่ไปกับแชนเดอเลียร์ขนาดใหญ่สไตล์ยุโรปแห่งนี้

อำแดงคือคำใช้เรียกหญิงสาวในสมัยก่อนที่สมรสแล้วอย่างอำแดงคลี่ผู้ครอบครองผืนที่ดินบริเวณนี้มาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ก็กลายเป็นแรงบันดาลใจให้คู่หูครีเอทีฟมือรางวัล Chief Creative Officer และเจ้าของบริษัท Monday บริษัทโฆษณาระดับท็อปของเมืองไทย คุณเล็ก พรรษพล ลิมปิศิริสันต์ และคุณหมิ่น วิบูลย์ ลีภักดิ์ปรีดา นำมาแตกคอนเซ็ปต์ให้กลายเป็นเรื่องราวแห่งความรักท่ามกลางบรรยากาศแสนโรแมนติก โดยมีอินทีเรียร์ดีไซเนอร์ฝีมือดีอย่าง คุณติ๊ก สุทธิดา พงศ์ประยูร เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการออกแบบที่ผสมผสานสไตล์ไทย จีน และตะวันตก อย่างเช่น ภาพหญิงโบราณหน้าเชื้อไทยจีนแต่คาบไปป์ซึ่งนำมาตกแต่งไว้ในห้องนอน หรือภาพวาดตรงโถงบันไดที่เล่าเรื่องประวัติศาสตร์ มีเครื่องลายคราม ซึ่งเป็นภาชนะของจีนที่เราเริ่มมีการซื้อขายและนำมาใช้กันอย่างแพร่หลายตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5

ห้องพักมีทั้งหมด 10 ห้อง จึงค่อนข้างมีความเป็นส่วนตัว เงียบสงบ ท่ามกลางวิวธรรมชาติของแม่น้ำที่มีทั้งลมพัดเย็น เรือโดยสารที่ผ่านไปมา และการใช้ชีวิตของผู้คนฝั่งพระนครและฝั่งธนบุรี สำหรับห้องที่แนะนำมากที่สุดก็คงจะเป็น Riverside Suite เพราะมีขนาดความกว้างมากที่สุด 45 ตารางเมตร แถมอยู่ตรงช่วงโค้งน้ำพอดี มองเห็นวิวเจ้าพระยาได้กว้างขวางสุดลูกหูลูกตา เพียงแค่เปิดประตูระเบียงออกไปนั่งพักผ่อนและใช้เวลาพูดคุยกับคนที่รักจนกระทั่งพระอาทิตย์ลาลับ ก็คงจะเป็นโมเมนต์ที่ทั้งโรแมนติกและน่าจดจำสุดๆ

ชั้นล่างของโรงแรมยังมีร้านอาหารชื่อ ‘นาย’ เพื่อให้คู่กับความหมายของชื่อโรงแรมที่แปลว่า ‘นาง’ เปิดบริการวันจันทร์-ศุกร์ 17.00-22.00น. และเสาร์-อาทิตย์ 11.00-22.00น. ให้กับทั้งแขกที่มาเข้าพักและแขกทั่วไป โดยจะเสิร์ฟอาหารไทยฟิวชั่น อย่างเช่น พะแนงแกะที่ใช้วัตถุดิบชั้นเลิศ หรือพาสต้าคั่วกลิ้งที่ผสมรสชาติแบบตะวันตกเข้ากับรสชาติแบบปักษ์ใต้ มีความจัดจ้านพอดิบพอดี ในขณะที่ชั้นบนก็ยังมี Rooftop Bar ที่สามารถมองเห็นวิวโค้งน้ำไปพร้อมๆ กับการจิบเครื่องดื่มละมุนลิ้น

สักครั้งหนึ่งที่เราได้มาพักผ่อนและใช้เวลาอยู่ที่นี่มันเหมือนกับเราได้ย้อนกลับไปสัมผัสความละเมียดละไมแห่งอดีตนี่แหละคือแง่งามที่เกิดจากความรัก