BAZAAR Review: เสน่ห์หนุ่มหน้ามน Timothee Chalamet ท่ามกลางมหาจักรวาลอันสับสนใน Dune 2021

จัดว่าเป็นหนังฟอร์มยักษ์ประจำปี 2021 ที่ได้ฤกษ์เข้าโรงฉายเสียทีสำหรับ “Dune (ดูน)” ภาพยนตร์ไซไฟที่สร้างจากนวนิยายวิทยาศาสตร์ชื่อเดียวกันที่ได้ชื่อว่าขายดีที่สุดในโลกซึ่งตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อปี 1965 หรือปีพ.ศ. 2508 โดยนักเขียนชาวอเมริกันนามว่า Frank Herbert (แฟรงค์ เฮอร์เบิร์ต) นำแสดงโดยหนุ่มหน้ามนคนซื่อชื่อ Timothee Chalamet (ทิโมธี ชาลาเมต์)

          นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่นวนิยายเรื่อง Dune ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ เพราะในปี 1984 แต่ไม่ประสบผลสำเร็จนักเนื่องจากเนื้อเรื่องที่เข้าใจยากสำหรับคนที่ไม่ได้อ่านตัวนิยายมาก่อน และแฟนๆ นิยายเองก็ไม่ปลื้มเพราะมีการดัดแปลงไปจากนิยายพอควร การมาของ Dune เวอร์ชั่นใหม่ในอีก 37 ปีต่อมา สร้างความฮือฮาให้กับทั้งคอหนังและคอนิยาย ซึ่งเราขอยกนิ้วให้กับการเลือกหยิบเอา Timothee มารับบทเป็น Paul Atreides เด็กหนุ่มราชนิกูลที่ต้องเตรียมตัวเพื่อสืบทอดบัลลังก์ของเผ่าพันธุ์ต่อไป เพราะแม้ Timothee จะไม่ได้แสดงฝีมือการแสดงเข้าขั้นออสการ์นอนมา แต่ด้วยบุคลิกและความเป็น American Sweetheart ที่เฉิดฉายอยู่ในแววตาซุกซนก็คงทำให้คนดูหลายคนเอาใจช่วยเขาได้ไม่ยากท่ามกลางความขัดแย้งและเรื่องราวการเมืองเข้มข้นของเนื้อเรื่องหลัก           ใช่แล้ว หากคุณไม่คุ้นหูกับนิยายเรื่องนี้มาก่อน เราต้องแจ้งให้ทราบก่อนเลยว่า Dune เป็นนวนิยาย (และภาพยนตร์) ปรัชญาการเมืองข้มข้นที่มีฉากหลังเป็นอารยธรรมในอนาคตที่มนุษย์ออกแม่แผ่พันธุ์ย้ายจากโลกไปอยู่ดวงดาวอื่นๆ แล้วก็เกิดการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกันขึ้นในมหาจักรวาลแห่งนี้ เมื่อเราดู Dune 2021 เราก็อาจมองเห็นภาพการล่าอาณานิคมของชาติตะวันตก นึกภาพสงครามเย็นในยุค 1980s นึกภาพอากาศอันหนาวเหน็บของสหภาพโซเวียตที่ทำให้ทหารนาซีหนาวตายจนยึดโซเวียตไม่สำเร็จในสมัยสงครามโลกครั้งที่สองซ้อนทับอยู่ในภาพหนอนทะเลทรายประจำถิ่น ซ้อนทับการรุกรานดาวอื่นๆ ซ้อนทับการแสวงหาทรัพยากรธรรมชาติเพื่อการค้ากำไรได้อย่างไม่ยากนัก นั้นก็เพราะตัวของ Frank Herbert ผู้เขียนนิยายนั้นเคยทำงานเป็นนักข่าวมาก่อนจะประสบความสำเร็จกับการเขียนนิยายนั้นเอง และนั้นคือความน่ากลัวของ Dune 2021           Dune 2021 ยังคงเต็มไปด้วยเกมการเมืองและปรัชญาอย่างเข้มข้นจนทำให้ใครที่ไม่ได้เตรียมตัวหาข้อมูลมาก่อนเข้าไปดูหนังคงเกิดคำถามอยู่ตลอดเวลาว่าอะไร? ยังไง? ทำไม? การเฉลี่ยบทให้ตัวละครในเรื่องไม่ได้เป็นปัญหานัก แทบทุกตัวทำหน้าที่ได้อย่างดี โดยเฉพาะกับสาว Rebecca Ferguson (รีเบคก้า เฟอร์กูสัน) ที่มารับบท Lady Jessica แม่ของ Paul Atreides (ทิโมธี) ซึ่งเธอแสดงได้ดีเยี่ยมไม่โดนรัศมี American Sweetheart กลบเลยสักนิด แต่จะติดอยู่ที่เธอดูสาวและสวยเกินกว่าจะเป็นแม่จนเหมือนพี่สาวพระเอกของเรานี่สิ