เชื่อได้เลยว่าใครหลาย ๆ คนที่ชื่นชอบการดูหนังเป็นชีวิตจิตใจจะต้องไม่เคยพลาดกับหนังรักไฮสคูล โดยเฉพาะยุค 2000s ที่อุตสาหกรรมภาพยนตร์ได้ผลิตและสรรค์สร้างหนังรักไฮสคูลสู่สายตาผู้ชมทั่วโลกอย่างมากมาย จนเรียกได้ว่าเป็นดั่งยุคทองเลยก็ว่าได้ ไล่มาตั้งแต่ 10 Things I Hate About You ยาวไปจนถึง The Perks of Being a Wallflower และวันจันทร์แบบนี้เราจึงอยากจะพาทุกคนย้อนกลับไประลึกถึงวันวานกันอีกครั้งกับ 7 หนังรักวัยไฮสคูลที่คอหนังตัวยงต้องไม่พลาดเพราะแต่ละเรื่องที่คัดสรรมาแนะนำกันนั้น ขอบอกเลยว่ามีครบทุกอรรถรส แถมยังมอบข้อคิดดี ๆ อีกด้วย
ต้อนรับวันจันทร์อันสดใสกับ 7 หนังยุค 2000s ที่น่าดูที่สุด แต่หากใครที่ไม่มีเวลารับชมกอยากจะให้เก็บไว้ใน My List สำหรับวันหยุดพักผ่อนเพราะหลังจากฝ่าฟันการทำงานอันแสนยาวนานมาตลอดหลายวัน คงจะไม่มีอะไรดีไปกว่าการได้นอนพักผ่อนอยู่บ้านเฉย ๆ แต่จะไม่ทำอะไรเลยก็ดูเหมือนจะสูญเวลาไปเปล่า ๆ สุดท้ายจบลงด้วยการนั่งดูหนังเรื่องโปรดบนโซฟาตัวนุ่มพร้อมกับแอร์เย็นฉ่ำคงจะดีไม่น้อย รับรองว่าเพลินจนไม่อยากจะลุกไปไหน
10 Things I Hate About You (1999)
สุดยอดหนังสูตรสำเร็จสไตล์วัยรุ่นไฮสคูล ที่ได้บอกเล่าเรื่องราวของเด็กวัยหนุ่มสาวที่กำลังค้นหาความหมายของคำว่ารัก แถมยังต้องมาเจอกับกฎเกณฑ์จอมโหดของครอบครัวที่ต้องฝ่าฟันไปให้ได้ ซึ่งถือว่าภาพยนตร์อย่าง 10 Things I hate about you นั้นประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในหมู่วัยรุ่นอเมริกัน ถึงขั้นนำกลับมาสร้างใหม่ในเวอร์ชั่นซีรี่ย์อีกด้วย เพราะฉะนั้นตลอดทั้งเรื่องที่คุณได้รับชม มั่นใจได้เลยว่าจะเต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะอย่างแน่นอน
A Cinderella Story (2004)
จากเทพนิยายในฝันสุดตระการตาที่ถูกปรุงแต่งให้กลายเป็นภาพยนตร์ขวัญใจวัยรุ่นสุดหรรษา แม้ A Cinderella Story จะไม่ได้ถอดแบบออกมาเป๊ะ ๆ แบบในอนิเมชั่นของสตูดิโอดิสนีย์ แต่ภาพยนตร์ก็ได้ถ่ายทอดเรื่องราวของเด็กสาวไฮสคูลที่มีชีวิตประหนึ่งเหมือนซิลเดอเรลลาจริง ๆ แถมยังมีแม่เลี้ยงใจร้ายพร้อมแก๊งลูกสาวตัวป่วนมากวนใจตลอดเรื่อง และแน่นอนจะขาดไม่ได้เลยคือเจ้าชายรูปงามในฝันที่ใคร ๆ ก็อยากได้มาครอบครอง ซึ่งดูแล้วพูดเลยว่าอดไม่ได้ที่จะเผลอยิ้มออกมาเพราะตลอดทั้งเรื่องช่างแฝงไปด้วยข้อคิดดี ๆ ทั้งนั้น
Means Girls (2004)
ในยุคที่การศัลยกรรมยังไม่เฟื่องฟู Means Girls คือตัวอย่างหนังเรื่องหนึ่งที่กล้านำเสนอโลกของกลุ่มสาวพลาสติก ที่ต้องสวย ต้องเลิศ ต้องเชิดถึงจะอยู่ได้ในไฮสคูล ซึ่งบอกเลยว่าใครที่พลาดเรื่องนี้ที่ถือว่า Out สุด ๆ เพราะตัวละครหลักของเรื่องนั้นรับบทโดยนักแสดงสาวตัวแสบของวงการอย่าง Lindsay Lohan ที่ใครจะไปรู้ว่าอีกไม่กี่ปีต่อมาจะเป็นดาวฮอลลีวูดที่ดับแสง ส่วนตัวร้ายอย่าง Rachel McAdams กลับได้ขึ้นแท่นเป็นนางเอกหนังรักแถวหน้าของวงการ บอกเลยงานนี้แข่งอะไรแข่งได้แต่แข่งบุญแข่งวาสนาคงแข่งกันไม่ได้จริงๆ
High School Musical (2006)
สุดยอดตัวจริงเรื่องมิวสิคัล คงต้องยกนิ้วให้ยักใหญ่อย่างดิสนีย์ ที่ไม่ว่าจะผลิตเรื่องใหม่ ๆ มาอีกกี่เรื่องก็ดูเหมือนจะเป๊ะปังไม่เคยพร่อง เพราะทำหนังออกมาได้ถูกใจวัยทีนเป็นที่สุด จะร้อง จะเต้น มีครบรส โดยเฉพาะเรื่อง High School Musical ที่ไม่ได้มีดีแค่เรื่องเต้น เรื่องร้องเท่านั้น แต่ยังจัดได้ว่าเป็นหนังรักวัยใสที่ใคร ๆ ก็ชื่นชอบ แถมยังให้แง่คิดในเรื่องของการเดินทางตามความฝันของตัวเองอีกด้วย
She’s the Man (2006)
เป็นบทหนังที่คอนข้างแสนธรรมดาแต่แฝงไปด้วยคำสอนดี ๆ มากมาย She’s the man เรื่องราวของคู่ฝาแฝดชายหญิงที่น้องสาวต้องมาปลอมตัวมาเป็นพี่ชายแฝดคนละฝาเพราะต้องไปทำตามความฝันทางด้านดนตรีของตัวเอง โดยตัวเธอเองต้องมาใช้ชีวิตอยู่ในไฮสคูลแทนพี่ชายของเธอ ทั้งต้องนอนกับรูมเมทชายสุดฮอตแถมยังต้องเล่นกีฬาสุดฮิตอย่างอเมริกันฟุตบอลอีกด้วย และตลอดทั้งเรื่องได้สอดแทรกเรื่องราวของสิทธิความเท่าเทียมกันทางเพศได้เป็นอย่างดี ใครที่ชื่นชอบเจ้าฮะของไทยเรา นี่แหละคือหนึ่งในเจ้าฮะอเมริกันที่ดีที่สุดเรื่องนึงเลย
Easy A (2010)
หนังตลกร้ายสไตล์ไฮสคูลแห่งยุคที่การันตีด้วยนักแสดงนำเจ้าบทบาทอย่าง Emma Stone หญิงสาวไฮสคูลที่ถูกเพื่อน ๆ เข้าใจผิดจนถูกตราหน้าว่าเป็นอีตัวจากคนทั้งโรงเรียน กล้ารับประกันเลยว่าช่างเหมาะสมกับยุคที่ Social Media มีอิทธิพลกับผู้คนแบบนี้เป็นอย่างมาก เพราะหลาย ๆ เหตุกาณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันก็มักจะถูกสังคมประณามโดยไม่รู้สาเหตุที่แท้จริง จนหลายครั้งชะตากรรมของผู้ถูกกระทำมักจะดูโหดร้ายจนน่าเวทนา เรื่องราวจะแซ่บซ่านขนาดไหนอย่าลืมไปรับชมกัน
A Perks of Being a Wallflower (2012)
