หนังรักกุ๊กกิ๊กมีอยู่มากมายหลายเรื่อง แต่ที่ครบทุกมิติ ทั้งเสน่ห์ของตัวละคร บทที่ลงตัวกับส่วนผสมของเรื่องรักและเรื่องฮา เจือความอบอุ่นตามประสาหนังฟีลกู๊ดมีอยู่ไม่มากนัก เราเลยรวบรวบ 10 สุดยอดหนังโรแมนติกคอเมดี้ที่สนุกครบรสและโดนใจตลอดกาลมาให้เลือกไปชมกันอีกสักหลายรอบ
1. When Harry Met Sally
When Harry Met Sally คือชื่อแรกๆที่ป๊อปอัพขึ้นมาในใจหลายคน เมื่อได้รับคำถามว่าหนังโรแมนติกคอเมดี้เรื่องโปรดคือเรื่องอะไร และหลังจากนั้นก็มาถกกันตามเนื้อเรื่องว่า หญิงชายเป็นเพื่อนกันไม่ได้ จริงหรือ เม็ก ไรอัน และ บิลลี่ คริสตัล กับบทของเพื่อนที่ตกหลุมรักแบบไม่รู้ตัว เพราะตั้งป้อมกันไปแล้วนี่ว่าแค่เพื่อนนะจ๊ะ จนลืมไปว่า บางคราวความรักก็เริ่มที่คำว่าเพื่อนนี่แหละ ความสนุกอีกอย่างคือบทของ นอร่า เอฟรอน ที่สร้างให้หนังทั้งเรื่องมีไดอะล็อกคมๆแฝงอารมณ์ขัน ที่ยังคลาสสิคมาจนถึงทุกวันนี้
2. Four Weddings and a Funeral
หนังที่ทำให้ ริชาร์ด เคอร์ติสกลายเป็นราชาหนังรัก และส่งให้ฮิวห์ แกรนท์กลายเป็นตัวพ่อของหนังรอมคอมในพริบตา และทำให้หนังรักในแบบอังกิ๊ดอังกฤษกลายเป็นหนังแถวหน้า เรื่องของชาร์ลสหนุ่มอังกฤษเจ้าสำราญ ที่แม้จะไปยินดีกับงานแต่งมาหลายงาน แต่ก็ยังไม่คิดจะตกร่องปล่องชิ้นกับใคร แต่แล้วเขาก็ไปปิ๊งกับแคร์รี่สาวอเมริกัน ที่เขานี่แหละจะต้องไปงานแต่งของเธอเป็นครั้งที่ 4 นอกจากมีรักโรแมนติกให้ได้อมยิ้ม เป็นเส้นเรื่องหลักแล้ว ความสัมพันธ์ในกลุ่มเพื่อนฝูงของชาวอังกฤษที่เรียกทั้งเสียงหัวเราะและสร้างรอยน้ำตา ก็เป็นอีกจุดเด่นในการเขียนบทของเคอร์ติสให้จดจำกันมาถึงบัดนี้
3. Philadelphia Story
หนังถ้าเคมีลงตัวทั้งบทดีและนักแสดงเด่นคือเครื่องหมายของสุดยอดหนังโรแมนติก Philadelphia Story ต้องติดอยู่ในระดับท็อป แคทธาลีน เฮปเบิร์น จิมมี สจวร์ตและแครี่ แกรนท์ คือส่วนผสมที่ลงตัวของรักสามเส้าเราสามคน เมื่อเทรซี่ ลอร์ดที่รับบทโดยเฮปเบิร์น กำลังจะแต่งงานใหม่ แค่สามีเก่าขี้เหล้าก็อยากจะป่วนงานแต่งครั้งนี้ของเธอด้วยการให้นักข่าวมาทำข่าวของเธออย่างใกล้ชิด แล้วเรื่องราวก็กลายเป็นปม เมื่อเทรซี่เกิดลังเลว่าในรายชื่อทั้งสามชายเธอรักใครกันแน่
4. As Good As It Gets
มาสเตอร์พีซอีกเรื่องของริชาร์ด เคอร์ติส เรื่องราวความรักของซูเปอร์สตาร์สาวแอนนา สก็อต กับหนุ่มขี้อายเจ้าของร้านหนังสือแสนจะธรรมดาอย่างวิลเลียม แธคเกอร์ ที่ไม่น่าเชื่อว่าจะมารักกันได้ เพราะชีวิตต่างกันสุดขั้ว แต่กลับสร้างความซาบซึ้งแอบแทรกอารมณ์ขัน ชวนให้ช่วยลุ้นไปกับความรักของคนทั้งคู่ บทยังคงมีไดอะล็อตโดนๆเช่นเคย ก็แปะเครื่องหมายการค้าของเคอร์ติสมาแล้วนี่นะ จะน้อยกว่านี้ได้ไง
6. 500 Days of Summer
ไม่ใครก็ใคร ต้องมีชีวิตเหมือนสักมุมใน 500 Days of Summer บ้างแหละน่า ด้วยเรื่องราวของทอม นักเขียนคำในการ์ดอวยพร ผู้แสนจะเชื่อในพรหมลิขิตและรักแท้ แต่กลับโดน ซัมเมอร์ แฟนสาวทิ้งไปหลังจากคบกัน 500 วัน ด้วยข้อหาคนไม่ใช่ทำอะไรก็ผิด และเมื่อความรักไม่ช่วยอะไร ทอมจึงทิ้งทุกอย่างไว้เบื้องหลังแล้วลุกขึ้นมาเลือกทางเดินชีวิตใหม่อีกครั้ง ที่อาจจะนำพาคนที่ใช่มาให้เขาด้วย
7. Sleepless in Seattle
อีกหนึ่งงานชิ้นเอกของนอร่า เอฟรอน ที่ครบรสทั้งสนุกสนานเฮฮาและอบอุ่นปนซึ้ง ทอม แฮงค์ รับบทเป็นชายผู้สูญเสียภรรยาไป แต่ด้วยความที่รักมาก เลยไม่ยอมมีคนใหม่เสียที ในขณะเดียวกันเต้าลูกชายก็อยากได้แม่ใหม่กับเขาซะนี่ เลยโทรไปปรึกษาดีเจพี่ฉอดแห่งซีแอตเติล ไปเล่าให้ฟังถึงความรักและความเดียวดายของพ่อ แถมยังให้ช่วยประกาศหาคู่ใจคนใหม่ให้พ่ออีกด้วย เม็ก ไรอัน-นักข่าวสาวที่ฟังรายการนี้อยู่ในอีกฟากหนึ่งของประเทศ ก็เกิดแอบปิ๊งและประทับใจในความรักอันมั่นคง จนต้องบินไปทำข่าวของสองพ่อลูก แต่ถ้าได้เจอกันง่ายๆหนังก็ไม่สนุกสิ เราเลยต้องตามช่วยลุ้นให้ทั้งคู่ที่เฉียดกันไปมาได้เจอกันเสียที แล้วพอฉากนั้นมาถึง การพบกันครั้งแรกของพระ-นางบนตึกเอมไพร์สเตทนั้นจึงตราตรึงมาถึงทุกวันนี้
8. 10 Things I Hate About You
ฮีธ เลดเจอร์และจูเลีย สไตลส์ จับมือกันรับบทใน Taming of the Shrew บทประพันธ์ของเชคสเปียร์ฉบับโมเดิร์น ที่ตีความใหม่ให้ออกมาเป็นความรักกุ๊กกิ๊กของหน่มสาววัยไฮสคูล ที่น้องสาวนางเอกผู้อยากมีรักแท้ แต่ติดตรงพ่อห้ามมีแฟนจนกว่าพี่สาวจะมี เลยต้องเดือดร้อนไปพึ่งพาแบ็ดบอยอย่างพระเอกให้มาช่วยหน่อย ไม่เพียงแค่บทที่ลงตัวและมุขตลกที่แทรกมาอย่างแพรวพราว แต่เพลงประกอบของหนังเรื่องนี้คือที่สุดของรวมฮิตยุค 70-80 ที่อัดแน่นไว้เพียบ เพลงอมตะอย่าง Can’t Take My Eyes Off You ของ Frankie Valli and The Four Seasons ที่พระเอกมาร้องจีบหญิงเสียงหลงนั้น คือฉากในในความทรงจำของใครหลายๆคนเลยทีดียว
9. Bridesmaids