อาจจะเพราะด้วยหลายแฟชั่นแบรนด์ชั้นนำพร้อมใจกันส่งเสื้อนิตถัก มาให้เราสายแฟ (ชั่น) ได้ชมกันตลอดซีซั่นที่ผ่านมา ‘เสื้อไหมพรม’ หรือ Knitwear ในวันนี้ จึงได้ขึ้นแท่นเป็นหนึ่งในเทรนด์ฮอตที่สุดประจำฤดูกาล แต่นอกเหนือมากกว่าคำว่าเทรนด์ มีอะไรแฝงอยู่มากกว่านั้น และนี่คือ 4 เหตุผล ที่ทำให้ ‘Knitting is becoming to be Cool’



จริงอยู่ที่ก่อนหน้านี้ ‘ไหมพรม’ ดูเหมือนจะเป็นตัวแทนของขั้วตรงข้ามกับกำคำว่าแฟชั่น ภาพจำเก่าครั้งคุณยายนั่งเก้าอี้โยกถักเสื้อตัวหนาเพื่อลูกหลายวันคริสมาสต์ได้หมดไปแล้ว ไม่ใช่เพราะแบรนด์ใหญ่หันมาเล่นเทรนด์นี้ในช่วงนี้เท่านั้น แบรนด์เก๋หลายๆ แบรนด์ใน IG ก็ส่ง Knitwear มาเสิร์ฟด้วยเช่นกัน อย่าง Ýr Jóhannsdóttir จากสวีเดน

ถึงเวลาแล้วหรือยัง? ที่เราเหล่าคนเก๋ควรแคร์โลกให้มากขึ้นกว่าที่เดิม

1. Knitting คือตัวแทนของคำว่าเก๋ตัวจริง
‘คุณไม่สามารถเดินไปที่ร้านผ้าแล้วก็เลือกผ้าที่คุณต้องการได้เสมอไป ไม่ใช่กับผ้าไหมพรมแน่ ถ้าคุณอยากได้ คุณต้องถักมันขึ้นมา’ Katya Zelentsova ดีไซเนอร์ศิษย์เก่า Saint Martin ที่โดดเด่นในเรื่องของงานถักเคยให้สัมภาษณ์ไว้ที่ BBC และความพิเศษนี้เองที่ทำให้ผืนผ้าที่ได้จากการถักเองนี้ มีความยูนีคไม่เหมือนใคร ซึ่งมันสะท้อน ‘ความเหนือ’ ในใจของคนคนนั้นได้นั่นเอง
2. Knitting ช่วยคลายเครียดได้อย่างไม่น่าเชื่อ
โดยเฉพาะในช่วงโควิด 19 มีรายงานว่า We Are Knitters ทำรายได้เพิ่มขึ้นกว่าก่อนถึง 75% ต่อสัปดาห์! นั่นอาจเรียกได้ว่าเป็นต้นแบบโมเดลธุรกิจให้กับบริษัทไหมพรมรายย่อยอื่นๆ โดยเฉพาะในจีนและไทย ที่หัวใสหยิบมาเป็นไอเดีย ‘ขายอุปกรณ์ซื้อกลับไปถักเองที่บ้าน’ ในช่วงโควิดแบบนี้
3. Knitting ได้รับการพิสูจน์แล้วว่า…ไม่ได้แก่เก่าอีกต่อไป
จริงอยู่ที่ก่อนหน้านี้ ‘ไหมพรม’ ดูเหมือนจะเป็นตัวแทนของขั้วตรงข้ามกับกำคำว่าแฟชั่น ภาพจำเก่าครั้งคุณยายนั่งเก้าอี้โยกถักเสื้อตัวหนาเพื่อลูกหลายวันคริสมาสต์ได้หมดไปแล้ว ไม่ใช่เพราะแบรนด์ใหญ่หันมาเล่นเทรนด์นี้ในช่วงนี้เท่านั้น แบรนด์เก๋หลายๆ แบรนด์ใน IG ก็ส่ง Knitwear มาเสิร์ฟด้วยเช่นกัน อย่าง Ýr Jóhannsdóttir จากสวีเดน

4. Knitting คือจุดยืนของความยั่งยืน
หนึ่งในแบรนด์ที่ยืดหยัด (และทำได้ดีมากๆ) คือ @GimmeKaya เธอไม่เพียงทำให้ไหมพรมของเธอทุกชิ้นมีชีวิตชีวา แต่เธอได้สร้างรากฐานของคำว่ายั่งยืนให้เกิดขึ้นในหมู่คนรุ่นใหม่ๆ อีกด้วย ‘ฉันคิดว่าผู้คนเริ่มตระหนักรู้แล้วว่า Fast Fashion นั้น จริงๆ ส่งผลเสียต่อทั้งคนทำงานและสิ่งแวดล้อม! ตอนนี้ผู้คนเริ่มหันมาทำเสื้อผ้าเอง (อย่างไหมพรม) และก็ซื้อสินค้าจากแบรนด์ sustainable ซึ่งมันถึงเวลาแล้วที่เราต้องหันหลังหรือเดินออกจากระบบเดิมๆ เพื่อชีวิตที่ดีกว่า’ Lizzie Morgan ให้สัมภาษณ์ไว้กับ BBC