นับเป็นเวลาหลายทศวรรษที่แบรนด์จิวเวลรี่ชั้นสูงชื่อก้องโลกอย่าง Van Cleef & Arpels ได้อาศัยแรงบันดาลใจอันไร้ขอบเขตของนาฏกรรมการเต้น ศิลปะแห่งระบำปลายเท้าหรือที่คนทั่วไปเรียกว่า “บัลเลต์” ในการสร้างสรรค์งานออกแบบเครื่องประดับอัญมณีชั้นสูงหลากหลายรูปแบบ ตลอดจนเครื่องประดับจำลองรูปร่างสตรีที่ล้วนเต็มไปด้วยความอ่อนช้อย บอบบาง น่าทะนุถนอมในหลากลีลาท่าเต้น ซึ่งต่างก็สะท้อนให้เห็นถึงการยกย่องคุณค่าความสำคัญของการใช้ความคิดสร้างสรรค์และการแบ่งปัน



ท่วงท่าที่ดูคล่องแคล่วและอ่อนช้อย ร่วมกับความงดงามของเครื่องแต่งกายบนเข็มกลัดนางระบำ คือสิ่งที่สะกดสายตาและจุดอารมณ์ปรารถนาให้ครอบครองของบรรดานักสะสมทั้งหลายในทันที ไม่ว่าจะเป็นวงหน้าที่เผยเนื้อทองของตัวเรือนหรือใช้เพชรเดี่ยวเจียระไนอย่างประณีต การเติมเต็มด้วยเครื่องประดับศีรษะอันเลอค่า เช่นเดียวกันกับรองเท้าหัวแหลมและกระโปรงบานฟูฟ่องของนางระบำที่ต่างรองรับความพิถีพิถันของงานฝังเพชรและอัญมณีหลากสี เกิดเป็นลีลาพลิ้วไหวตามอากัปการเคลื่อนกายไปตามจังหวะเพลง
นอกเหนือไปจากผลงานชิ้นไอคอนิกอย่างเข็มกลัดนางระบำ Van Cleef & Arpels ยังได้ส่งผ่านลีลาศิลปะของท่วงท่าการเคลื่อนไหวมาสู่สีสันอันเจิดจรัสบนหน้าปัดนาฬิกาข้อมือ 2 รุ่นใหม่จากคอลเลกชั่น Extraordinary Dials นั่นคือ เลดี ดองส์ (Lady Danse) และ เลดี ดองส์ ดูโอ (Lady Danse Duo) ซึ่งล้วนแต่ปลุกกลิ่นอายความตื่นเต้นและความสนุกสนานของงานแสดงบนเวทีบรอดเวย์ระหว่างทศวรรษ 1950 และ 1960 ในขณะเดียวกัน แต่ละหน้าปัดยังเป็นเสมือนเวทีย่อส่วนที่สะกดสายตาผู้พบเห็นด้วยการใช้อัญมณีเลอค่ามาประดับและมาพร้อมหมายเลขกำกับรุ่น

ภายใต้ตัวเรือนขนาด 33 มม. ของนาฬิการุ่น Lady Danse และ Lady Danse Duo ต่างถ่ายทอดช่วงเวลาอันเปี่ยมพลังอารมณ์ของศิลปินในสองรูปแบบ นั่นคือก่อนขึ้นเวทีและระหว่างดำเนินการแสดง

บนหน้าปัดนาฬิการุ่น Lady Danse นักบัลเลต์เจ้าของวงหน้าเพชรเดี่ยว กำลังเตรียมพร้อมก้าวออกไปสู่เวทีการแสดง ด้วยแรงบันดาลใจจากแฟชั่นในช่วงทศวรรษ 1950 ถึง 1960 ชุดเดรสที่เธอสวม ประดับด้วยทับทิมและใช้ทองคำเดินขอบขลิบริมกระโปรงเพื่อจำลองความพลิ้วไหวของน้ำหนักผ้าบางเบา พร้อมเผยให้เห็นงานจิตรกรรมย่อส่วนบนรองเท้าที่ช่วยเติมเต็มความงามอย่างสมบูรณ์แบบ ส่วนเรือนร่างประติมากรรมนูนต่ำของนักบัลเลต์ โดดเด่นตัดกับฉากหลังพื้นหน้าปัดที่อาศัยเทคนิคฝังแผ่นอัญมณีปูพื้นก่อทรวดทรงสามมิติ ไม่ว่าจะเป็นแผ่นมุก, หินเทอร์คอยซ์ และโมราสีเขียวคริโซเพรส ทั้งหมดนี้ล้วนผ่านการตัดเจียนเป็นแผ่นบางในขนาดซึ่งผ่านการคำนวณอย่างแม่นยำเพื่อให้สามารถนำมาวางเคียงกันได้อย่างสม่ำเสมอและไล่ระดับความกลมกลืนเพื่อให้เกิดมิติที่สร้างความโดดเด่นให้แก่อากัปการเคลื่อนไหวของนักบัลเลต์นั่นเอง

ในขณะที่นาฬิกาข้อมือรุ่น Lady Danse Duo คือบรรยากาศตระการตาของกลุ่มนักเต้น ซึ่งกำลังวาดลวดลายอยู่หน้าสถาปัตยกรรมอันชวนให้นึกถึงกลิ่นอายแห่งมหานครนิวยอร์ก หมู่ตึกหินไข่นกการเวกกับทองคำขาวฝังเพชร ก่อโครงสร้างรูปทรงนูนต่ำตัดกับฉากหลังที่ปูพื้นด้วยแผ่นมุกขาว ส่วนเครื่องแต่งกายของนักเต้นทั้งสามก็เต็มไปด้วยความงามของงานจิตรกรรมย่อส่วนที่จำลองท่วงท่าที่พร้อมเพรียง และอีกด้านของหน้าปัดตัวเรือน นักบัลเลต์ในชุดกระโปรงตูตูสีแดงสด กำลังก้าวตามจังหวะการนำของคู่เต้นไปบนเวทีสามมิติที่ปูพื้นด้วยแผ่นพลอยน้ำสมุทรลาพิซ ลาซูลิ ซึ่งก็คือแถบอัญมณีสีน้ำเงินเข้มต่างขนาดไล่ระดับเพื่อเน้นให้เห็นถึงมิติภาพความลึกเชิงรายละเอียดบนผืนหน้าปัด



ทั้งนี้ ช่างเจียระไนของ Van Cleef & Arpels ต้องใช้เทคนิคพิเศษเฉพาะกับแต่ละวัสดุเพื่อให้ได้แผ่นโมทิฟที่มีความหนาและน้ำหนักรูปทรงตามกำหนด จากนั้นจึงนำมาประกอบขึ้นชิ้นงานเข้าด้วยกัน ทั้งแบบประกบชิดขอบข้างและแบบเว้นระยะห่างหรือช่องไฟเพียงเล็กน้อยเพื่อก่อมิติความลึกขึ้นภายในตัวเรือน นับเป็นความซับซ้อนเชิงเทคนิคที่ต้องใช้ความชำนาญเป็นอย่างสูง เพราะแผ่นวัสดุปูพื้นหน้าปัดนี้ ยังต้องรองรับงานประติมากรรมตัวเรือนทองคำ งานฝังอัญมณี และจิตรกรรมย่อส่วน เพื่อมอบบรรยากาศการเคลื่อนไหวของพลังชีวิตอยู่ท่ามกลางโรงละครสามมิติ



สำหรับผู้ที่สนใจรายละเอียดเพิ่มเติมของโครงการ Dance Reflections by Van Cleef & Arpels สามารถคลิกเข้าไปชมได้ที่เว็บไซต์ www.dancereflections-vancleefarpels.com

Van Cleef & Arpels Ballerinas จากท่วงท่างามสง่าสู่ประกายเจิดจรัสแห่งอัญมณี
สายใยแห่งความผูกพันระหว่าง Van Cleef & Arpels กับศิลปะการเต้น เริ่มต้นขึ้นเมื่อทศวรรษที่ 1920 ในกรุงปารีส โดยในเวลานั้น “ลูอิส อารเปลส์” มักจะพา “โคลด อาร์เปลส์” หลานชายของเขาไปยังโรงอุปรากรการนิเยร์ ซึ่งอยู่ห่างจากบูติกที่จัตุรัสว็องโดมเพียงไม่กี่ก้าว ส่วนเข็มกลัดนางระบำหรือที่เรียกกันว่า “บัลเลรินา คลิป (ballerina clip)” ชุดแรกของเมซง ก็ได้รับการสร้างสรรค์ขึ้นในช่วงต้นทศวรรษ 1940 และกลายเป็นสัญลักษณ์ประจำของ Van Cleef & Arpels ในเวลาต่อมาอย่างรวดเร็ว

พบกับ Lady Danse และ Lady Danse Duo เสน่ห์แห่งเรือนเวลาจากศิลปะของท่วงท่าการเคลื่อนไหว
นอกเหนือไปจากผลงานชิ้นไอคอนิกอย่างเข็มกลัดนางระบำ Van Cleef & Arpels ยังได้ส่งผ่านลีลาศิลปะของท่วงท่าการเคลื่อนไหวมาสู่สีสันอันเจิดจรัสบนหน้าปัดนาฬิกาข้อมือ 2 รุ่นใหม่จากคอลเลกชั่น Extraordinary Dials นั่นคือ เลดี ดองส์ (Lady Danse) และ เลดี ดองส์ ดูโอ (Lady Danse Duo) ซึ่งล้วนแต่ปลุกกลิ่นอายความตื่นเต้นและความสนุกสนานของงานแสดงบนเวทีบรอดเวย์ระหว่างทศวรรษ 1950 และ 1960 ในขณะเดียวกัน แต่ละหน้าปัดยังเป็นเสมือนเวทีย่อส่วนที่สะกดสายตาผู้พบเห็นด้วยการใช้อัญมณีเลอค่ามาประดับและมาพร้อมหมายเลขกำกับรุ่น





เจาะลึกรายละเอียดงานสร้างสรรค์ลวดลายสามมิติบนหน้าปัดนาฬิกา Lady Danse และ Lady Danse Duo
อาจกล่าวได้ว่างานฝังแผ่นวัสดุเดินลวดลายสามมิติของ Van Cleef & Arpels เป็นงานที่ต้องอาศัยทักษะหัตถศิลป์ชั้นสูงของช่างฝีมือผู้ชำนาญ โดยองค์ประกอบส่วนต่างๆ อาทิ หินไข่นกการเวก, พลอยน้ำสมุทร, โมราสีเขียว และมุก จะถูกตัดเจียนด้วยมือทีละชิ้นๆ ก่อนนำไปเจียระไนและขัดผิวให้หมดจดเกลี้ยงเกลาจนขึ้นเงาทอประกายอย่างงดงาม

Dance Reflections by Van Cleef & Arpels
โลกแห่งนาฏกรรมศิลปะระบำปลายเท้าไม่เพียงแค่จะส่งต่อแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์เครื่องประดับอัญมณีให้กับ Van Cleef & Arpels เพียงเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการริเริ่มโครงการ Dance Reflections by Van Cleef & Arpels ซึ่งถือเป็นการจารึกบทใหม่ลงในหน้าประวัติศาสตร์ความผูกพันระหว่างเมซงกับโลกแห่งนาฏกรรม จากการเริ่มต้นขึ้นเมื่อปี 2020 โดยโปรแกรมการดำเนินงานของโครงการนี้ได้รับการออกแบบร่วมกับบรรดาศิลปินต่างแขนงระดับสากลเพื่อเป็นตัวแทนพันธกิจมุ่งมั่นของ Van Cleef & Arpels ในการให้ความสนับสนุนและส่งเสริมมรดกศิลปะทางการออกแบบท่าเต้น การมีส่วนร่วมในการพัฒนาผลงานร่วมสมัย และการสร้างความนิยมต่อศิลปะแขนงนี้ในหมู่ผู้รับชอบให้เป็นวงกว้างอย่างที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ โครงการ Dance Reflections by Van Cleef & Arpels ประกอบไปด้วยการดำเนินงานอันโดดเด่นถึงสองส่วน สำหรับส่วนแรกก็คือ การให้ความช่วยเหลือแก่กลุ่มศิลปินและสถาบันต่างๆ ซึ่งทำงานสร้างสรรค์และร่วมกันสานต่อมรดกศิลป์ทางการละคร รวมถึงงานแสดงร่วมสมัย นอกจากนั้น Dance Reflections by Van Cleef & Arpels ยังเป็นผู้จัดแสดงผลงานการออกแบบท่าเต้นอันโด่งดังจากการระดมความหลากหลายในรูปแบบงานสร้างสรรค์ ในขณะเดียวกันก็ยังดำเนินกิจกรรมเสริมสร้างและยกระดับความตระหนักรู้ในประเด็นของวัฒนธรรมและศิลปะการเต้นให้เกิดขึ้นแก่กลุ่มบุคคลทุกเชื้อชาติ สาขาอาชีพ และแม้กระทั่งมือสมัครเล่น
