ย้อนรอยแรงบันดาลใจจาก Tank สู่ Tank Louis Cartier เวอร์ชั่นล่าสุดที่เป็นมากกว่าแค่เรือนเวลาสุดคลาสสิก

และนี่คือเรือนเวลาที่สร้างพลังและเรื่องราวประทับใจจากรุ่นสู่รุ่น
Cartier แบรนด์เครื่องประดับและนาฬิกาสัญชาติฝรั่งเศส มอบสัมผัสประสบการณ์ข้ามกาลเวลา จาก Tank เรือนเวลาสุดคลาสสิกที่สร้างพลังและเรื่องราวประทับใจจากรุ่นสู่รุ่น ผ่าน Tank Louis Cartier เวอร์ชั่นล่าสุดที่โดดเด่นด้วยหน้าปัดสี่เหลี่ยมลายกราฟิกซ้อนกรอบ และความเข้มขลังของหน้าปัดโมโนโครมในเฉดสีแดง สีประจำเมซง และสีเทาแอนทราไซต์ รวมไปถึงเรือนเวลารุ่น Tank Must ที่ตอกย้ำความอมตะด้วยหน้าปัดดำสนิท เรียบขรึมไร้กาลเวลา

Tank Louis Cartier

แรงบันดาลใจในการรังสรรค์เรือนเวลาของ Cartier คือแนวคิดที่ว่าเวลาอยู่กับเราทุกที่ ทุกขณะ เรือนเวลา Cartier จึงมีเอกลักษณ์เด่นล้ำข้ามกาลเวลา ด้วยเส้นสายอันพิสุทธิ์ รูปทรงไร้ที่ติ และสัดส่วนที่ลงตัวทุกองศา แต่ละเรือนโดดเด่นอย่างไรในยุคของตน ก็จะเป็นเช่นนั้นต่อไปในอนาคต และ Cartier Tank ก็เป็นตัวอย่างอันดีเลิศของความไร้กาลเวลา

ย้อนสัมผัสแรงบันดาลใจ จาก Tank สู่ Tank Louis Cartier

Tank Louis Cartier มาพร้อมหน้าปัดสี่เหลี่ยมซ้อนกรอบ ซึ่งเป็นดีไซน์ที่ปรากฏครั้งแรกบนเรือนเวลา Must de Cartier เรือนเด่นจากยุค 1980 ด้วยตัวเรือนสี่เหลี่ยมผืนผ้าโดดเด่นตัดกับสายนาฬิกา และคานประกบตัวเรือนในแนวดิ่งซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของ Cartier Tank ที่ถือกำเนิดในปี 1917 และเป็นสไตล์เอกลักษณ์ที่หวงแหนจากรุ่นสู่รุ่น Cartier Tank ก็เปรียบเหมือนแนวคิดฐานรากที่ปูทางไปสู่เวอร์ชั่นต่อๆ มา และแตกแขนงออกไปได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด และในปี 1922 Cartier Tank ได้รับการปรับดีไซน์ใหม่หมด ทั้งเพิ่มความยาวของตัวเรือน เกลาคานประกบตัวเรือนให้บางลง และเพิ่มความโค้งมน ผลลัพธ์คือเรือนเวลา Tank Louis Cartier ซึ่งในเวลาต่อมาได้เปลี่ยนมาใช้หน้าปัดโมโนโครมเช่นเดียวกับ Tank และ Tank Must ที่ถือกำเนิดในปี 1977 และต่อมา Cartier ก็ได้เปิดตัว Tank Louis Cartier ในเวอร์ชั่นล่าสุดนี้

นวัตกรรมเชิงเทคนิคในโทนโมโนโครมซ่อนเซอร์ไพรส์

โดยในปีนี้ Tank Louis Cartier มาพร้อมความภูมิฐานสุดขั้ว โดดเด่นกว่าที่เคยด้วยความเข้มขลังของหน้าปัดโมโนโครมในเฉดสีแดง ซึ่งเป็นสีประจำเมซง และสีเทาแอนทราไซต์ ซึ่งเป็นสีเฉพาะที่ Cartier ใช้ในการรังสรรค์เรือนเวลา นอกจากนี้ Tank Louis Cartier ในเวอร์ชั่นล่าสุดยังได้รับการปรับเกลาอย่างละเมียดละไม ลดตัวเลขบอกชั่วโมงสุดคลาสสิกลงเหลือเพียง 4 ตำแหน่ง และตัดสเกลนาทีรูปรางรถไฟออก รูปลักษณ์ของ Tank Louis Cartier รุ่นนี้ มองเผินๆ จะเห็นเป็นนาฬิกาโมโนโครมแต่เมื่อแสงตกกระทบในบางมุม ความแพรวพราวในเฉดสีอันลึกล้ำบรรเจิดจะปรากฏต่อสายตา นี่คือผลงานการรังสรรค์ของช่างฝีมือ Cartier ที่นำการแกะลายด้วยเทคนิคไฟฟ้าเคมีมาใช้เป็นครั้งแรก เพื่อความแม่นยำขั้นสูงในการรังสรรค์ลายที่ละเอียดจนแทบมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า สลักเสลาจากหลายทิศทางจนเกิดลายเป็นกลุ่มบนพื้นหน้าปัด จำลองลายกราฟิกบนหน้าปัดเรือนเวลา Cartier Must จากทศวรรษ 1980 และยังใช้กรรมวิธีที่ต่างกันในการทำสี โดยหน้าปัดสีแดงใช้วิธีเคลือบแลคเกอร์ ส่วนหน้าปัดสีเทาใช้เทคนิคชุบกัลวาไนซ์ จากนั้นเพิ่มความเงางามด้วยเทคนิคการเคลือบซ้อนกันหลายเลเยอร์ ขับเน้นความเด่นของเลขโรมันทั้ง 4 ตำแหน่ง ซึ่งการแกะลายด้วยเทคนิคนี้ทำให้เกิดเงาสะท้อนและแปรผันไปตามแสง ช่วยให้เรารับรู้สีสันได้หลากหลายยิ่งขึ้น

Tank Must ในเฉดสีดำอมตะ

Tank Louis Cartier เวอร์ชั่นที่ 3 มาเติมความครบครันให้รุ่นพี่ทั้งสอง และเพิ่มความเข้มขลังฉีกแนวไปจากเดิมด้วยหน้าปัดดำสนิทเคลือบแลกเกอร์มันวาว ตัดกับตัวเรือนสีทอง ด้วยความเป็นพี่น้องร่วมตระกูลที่ต่างก็มีคาแรคเตอร์ชัดเจน Tank Must ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยจิตวิญญาณของยุค 1970 และ 80 ได้นำเอกลักษณ์ด้านสไตล์ของ Tank Louis Cartier ยุคแรกมาประยุกต์ใช้กับสตีล เกิดเป็นศักยภาพเชิงสุนทรียะที่ยิ่งใหญ่ สร้างแรงบันดาลใจให้ช่างผู้เชี่ยวชาญด้านนาฬิกา Cartier และเป็นพลังขับเคลื่อนการสำรวจเชิงสร้างสรรค์ให้เดินหน้าต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง ต่อมาในปี 2021  Cartier ได้เปลี่ยนดีไซน์ของ Tank Must ทั้งเรือน เพื่อให้ใกล้เคียงกับ Tank Louis Cartier มากที่สุด และ Tank Must รุ่นปี 2022 ก็มาพร้อมหน้าปัดสีดำล้วน เรียบขรึมไร้กาลเวลา บนตัวเรือนสตีล เปี่ยมด้วยคาแรกเตอร์ที่แน่วแน่ ไร้การประนีประนอม และมีให้เลือกทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่

Tank Louis Cartier

ขนาดใหญ่ ความหนา 6.6 มม. (ตัวเรือน) เยลโลว์ โกลด์ 750/1000 เม็ดมะยมฝังแซฟไฟร์ทรงหลังเบี้ย 
สายหนังอัลลิเกเตอร์สีแดง กลไกจักรกลคาร์เทียร์ คาลิเบอร์ 1917 MC  ไขลานด้วยมือ 
เส้นผ่าศูนย์กลางชุดจักร: 7 1/4 x 5 3/4 เส้น
มิติ: 16 มม.
ความหนา: 2.9 มม.
จำนวนอัญมณี: 19 เม็ด
อัตราความถี่: 21,600 ครั้ง/ชั่วโมง 
พลังงานสำรอง: 38 ชั่วโมง
ขนาดใหญ่ 6.6 มม. (ตัวเรือน) โรสโกลด์ 750/1000 เม็ดมะยมฝังแซฟไฟร์ทรงหลังเบี้ย 
สายหนังอัลลิเกเตอร์สีเทา กลไกจักรกลคาร์เทียร์ คาลิเบอร์ 1917 MC  ไขลานด้วยมือ 
เส้นผ่าศูนย์กลางชุดจักร: 7 1/4 x 5 3/4 เส้น
มิติ: 16 มม.
ความหนา: 2.9 มม.
จำนวนอัญมณี: 19 เม็ด
อัตราความถี่: 21,600 ครั้ง/ชั่วโมง
พลังงานสำรอง: 38 ชั่วโมง
ขนาดใหญ่ หนา: 6.6 มม. (ตัวเรือน) เยลโลว์ โกลด์ 750/1000 เม็ดมะยมฝังแซฟไฟร์ทรงหลังเบี้ย 
สายหนังอัลลิเกเตอร์สีดำ กลไกจักรกลคาร์เทียร์ คาลิเบอร์ 1917 MC  ไขลานด้วยมือ 
เส้นผ่าศูนย์กลางชุดจักร: 7 1/4 x 5 3/4 เส้น
มิติ: 16 มม.
ความหนา: 2.9 มม.
จำนวนอัญมณี: 19 เม็ด
อัตราความถี่: 21,600 ครั้ง/ชั่วโมง
พลังงานสำรอง: 38 ชั่วโมง

Tank Must

ขนาดใหญ่ หนา 6.6 มม. (ตัวเรือน) สตีล เม็ดมะยมสตีล ฝังพลอยสปิเนลสังเคราะห์ทรงหลังเบี้ยสีน้ำเงิน 
สายหนังอัลลิเกเตอร์สีดำ
กลไกควอตซ์

TAG

Related Stories

พร้อมด้วยเหล่าเซเลบริตี้มากมาย ที่มาร่วมงานเปิดไฟต้นคริสต์มาส ณ ลาน พาร์ค พารากอน
เมื่อ Balenciaga city bag ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นกระเป๋าที่มีทุกบ้านกำลังจะกลับมา
Van Cleef & Arpels : Time, Nature, Love พาชมความงามของเครื่องประดับชั้นสูงผ่านนิทรรศการที่ถักทอไว้ด้วยเรื่องราวแห่งเวลา ธรรมชาติ และรัก
สร้อยทองคำขาวประดับอัญมณีรวม 964 เม็ด รังสรรค์ผ่านระยะเวลากว่า 450 ชั่วโมง
ปีใหม่นี้เตรียมฟังอัลบั้มเต็มชุดใหม่จากผู้ชายคนนี้ได้เลย
กระเป๋าจากวัสดุเดนิม ที่ผสมผสานความคลาสสิคเข้ากับความร่วมสมัยได้อย่างลงตัว
เดินทางสำรวจการสร้างสรรค์ผลงานของ Hermès กับงานฝีมือสุดประณีตที่ได้ถ่ายทอดผ่านเรื่องราวอันยาวนาน

Most Viewed

สร้อยทองคำขาวประดับอัญมณีรวม 964 เม็ด รังสรรค์ผ่านระยะเวลากว่า 450 ชั่วโมง
รีสอร์ทหรูแห่งใหม่ที่พร้อมมอบประสบการณ์การพักผ่อนระดับอัลตร้าลักชูรีท่ามกลางธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์
สร้อยทองคำขาวประดับอัญมณีรวม 964 เม็ด รังสรรค์ผ่านระยะเวลากว่า 450 ชั่วโมง
รีสอร์ทหรูแห่งใหม่ที่พร้อมมอบประสบการณ์การพักผ่อนระดับอัลตร้าลักชูรีท่ามกลางธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์
เหมือนกับเป็นการตอกย้ำอีกครั้งว่านี่คือยุคของ BLACKPINK อย่างแท้จริง

MORE FROM

พร้อมด้วยเหล่าเซเลบริตี้มากมาย ที่มาร่วมงานเปิดไฟต้นคริสต์มาส ณ ลาน พาร์ค พารากอน
เมื่อ Balenciaga city bag ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นกระเป๋าที่มีทุกบ้านกำลังจะกลับมา
Van Cleef & Arpels : Time, Nature, Love พาชมความงามของเครื่องประดับชั้นสูงผ่านนิทรรศการที่ถักทอไว้ด้วยเรื่องราวแห่งเวลา ธรรมชาติ และรัก

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว