ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ายุค ’80s-’90s นับเป็นช่วงปีแห่งความสนุกสุดเหวี่ยงของวงการแฟชั่นยุคหนึ่งก็ว่าได้ แต่ก่อนที่จะมีแกงค์ซูเปอร์โมเดลสุดไอคอนิกอย่าง เนโอมิ แคมป์เบล, ลินดา อีแวนเจลิสต้า, คริสตี้ เทอร์ลิงตัน, ซินดี้ ครอว์ฟอร์ด ที่ทุกคนรู้จักกันดี ทว่าหนึ่งใน OG ที่มาก่อนกาลนั้นจะต้องมีนางแบบสาวที่มาพร้อมซิกเนเจอร์ลุคคิ้วหนาหน้าเก๋อย่าง เวโรนิก้า เว็บบ์ (Veronica Webb) อย่างแน่นอน เธอคือนางแบบสาวผิวดำเชื้อสายแอฟริกัน-อเมริกันคนแรกที่ได้เซ็นสัญญาเอ็กซ์คลูซีฟกับแบรนด์เครื่องสำอางชื่อดังของอเมริกา ขึ้นปกนิตยสารและเดินบนรันเวย์แบรนด์ดังมาแล้วนับไม่ถ้วน รวมถึงเป็นมิวส์ของ คาร์ล ลาเกอร์เฟลด์ และ อัซเซอดีน อาไลยา และสามทศวรรษหลังจากนั้น เวโรนิก้ายังคงปรากฏตัวบนรันเวย์ในปี 2023 สมคำร่ำลือว่าเธอนี่แหละคือตำนาน

เวโรนิก้าในวัย 58 ปี เฉิดฉายเจิดจรัสราวกับว่าการ aging ของเธอนั้นเปรียบได้กับการบ่มไวน์ เธอเอนจอยกับชีวิตและเดินทางไปรอบโลกโดยเฉพาะอย่างยิ่งในแถบเอเชีย และล่าสุดที่กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย “ฉันมากรุงเทพฯ ประมาณสี่วันค่ะ สามีฉันมีธุรกิจอยู่ในหลายประเทศทั้งในแถบอาหรับ และเอเชีย อย่างฮ่องกง และเกาหลีใต้ และโชคดีมากที่ฉันได้แวะมาประเทศไทย” เธอเล่าให้บาซาร์ฟังขณะกำลังเดินทางไปถ่ายแฟชั่นเซ็ตที่เยาวราช หนึ่งในฮอตสปอตของกรุงเทพฯ ที่วุ่นวายแต่มีสีสันและเสน่ห์ไม่เหมือนที่ไหน “ฉันได้ไปชมพระบรมมหาราชวังมาด้วยค่ะ เป็นสถานที่ที่สวยมากๆ แบบที่ครั้งหนึ่งในชีวิตต้องมาให้ได้ เหมือนพระราชวังแวร์ซายส์, โคลอสเซียม, เทพีเสรีภาพ ทำนองนั้นเลย นอกจากนี้ฉันได้ไปชมพิพิธภัณฑ์ผ้าในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ด้วยค่ะ มันน่าทึ่งมาก” เธอว่าพร้อมเสริมถึงความประทับใจที่มีต่อกรุงเทพมหานคร “จิตวิญญาณของผู้คนในเมืองนี้วิเศษสุดๆ ทุกคนใจดี ต้อนรับขับสู้ชาวต่างชาติ แต่สิ่งที่ชอบมากๆ เลยคืออาหารค่ะ ฉันรักอาหารไทยมาก ตอนอยู่นิวยอร์กครอบครัวฉันจะไปทานอาหารไทยที่ร้าน Thai72 เสมอ ฉันชอบต้มข่าไก่ของที่นั่นมาก” และเมื่อมาพักที่โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ แน่นอนเธอไม่พลาดที่จะเอนจอยกับอาหารไทย “ฉันทานข้าวกับไก่สับผัดใส่สมุนไพร เรียกว่าอะไรนะคะ ผัดกะเพราใช่ไหม นั่นแหละค่ะฉันทานเป็นมื้อเช้า มันอร่อยสุดๆ ฉันอยากทานเป็นอาหารเช้าทุกวันเลย”



การถูกขนานนามว่าเป็นตำนานที่ยังมีลมหายใจไม่ได้เกิดขึ้นเพราะโชคช่วยหรือเกิดในตระกูลคนดัง แต่มันถูกพิสูจน์ด้วยความสามารถอย่างที่ในวันนี้เราได้เห็นเป็นประจักษ์จากการทำงานอย่างเป็นมืออาชีพของเธอ เวโรนิก้าเติบโตมาในครอบครัวธรรมดาๆ แม่ของเธอทำงานเป็นนางพยาบาลและพ่อเป็นช่างไฟฟ้า เธอเริ่มอาชีพนางแบบเมื่ออายุได้ 19 ปีโดยที่แม่ของเธอไม่เห็นด้วยเท่าไรนัก เส้นทางอาชีพนางแบบของเธอไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเหมือนคนที่เกิดมาพร้อมพริวิเลจแต่เธอก็ได้พิสูจน์ให้ทุกคนเห็นถึงความสามารถและก้าวข้ามขีดจำกัดของนางแบบผิวดำ “ในยุคนั้นเขาพูดกันว่านางแบบผิวดำทำงานจำกัดได้แค่บางอย่าง แต่ Bethann Hardison เป็นเอเจนต์ให้ฉันตอนนั้นและเธอก็พยายามผลักดันหลายๆ อย่าง และมีสไตลิสต์ Elizabeth Saltman ที่เชื่อในตัวฉันและแนะนำฉันให้กับ Revlon” เวโรนิก้าเคยกล่าวไว้ในนิตยสาร Allure ถึงเรื่องราวเกี่ยวกับการเซ็นสัญญากับแบรนด์เครื่องสำอางระดับโลก และนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงทัศนคติที่ผู้คนมีต่อนางแบบผิวดำ อีกทั้งเธอยังผลักดันเรื่องการจ้างงานคนผิวดำในอาชีพที่เกี่ยวข้องกับแฟชั่นอย่าง ช่างแต่งหน้า ช่างทำผม ผู้ช่วยช่างภาพ และสไตลิสต์อีกด้วย เวโรนิก้ายังจำได้ดีถึงช่วงเวลาสนุกๆ ในช่วงเข้าวงการใหม่ๆ เธอเล่าให้ฟังถึงความโกลาหลของโชว์ ฌอง ปอล โกลทิเยร์ ในปี 1986 ว่า “โชว์นั้นทุกคนตื่นเต้นกับเสื้อผ้าของฌอง ปอล โกลทิเยร์ มาก แล้วอยู่ดีๆ พวกนักเรียนศิลปะก็แห่กันเข้ามาหลังเวทีหลังโชว์จบแล้วขโมยเสื้อผ้าไปหมดเลย แม้แต่เสื้อผ้าฉันเองด้วยซึ่งตอนนั้นมันเป็นแค่เสื้อยืดกับกางเกงยีนส์เอง ฉันถึงขั้นต้องเอาถุงขยะมาตัดทำเป็นเสื้อแล้วใส่มันกลับบ้าน” เธอว่าพลางหัวเราะและเล่าต่อว่าโชว์แรกในปารีสของเธอคือโชว์ของชาเนล “คุณก็รู้ว่าฉันเติบโตมาในครอบครัวธรรมดาๆ แต่ก็ฝันมาตั้งแต่เด็กว่าวันนึงอยากเข้าร้านชาเนล แต่นี่คือฉันได้เดินบนรันเวย์ชาเนลและมีคาร์ล ลาเกอร์เฟลด์มาแต่งตัวให้ ตอนนั้นฉันแทบจะไม่เชื่อเลยว่านี่มันเกิดขึ้นจริงๆ เหรอ”



นอกจากนี้เวโรนิก้ายังนึกย้อนไปถึงช่วงเวลาที่เธอจำไม่ลืมของโชว์ชาเนล “มีอยู่โชว์นึงตอนนั้นรองเท้าที่ต้องใส่เดินในโชว์เพิ่งจะส่งออกมาจากโรงงานโดยที่กาวเย็บติดรองเท้าแทบจะยังไม่แห้งเลย แต่ฉันต้องใส่มันออกไปเดิน แล้วจู่ๆ ฉันก็สะดุดล้มต่อหน้าแอนนา วินทัวร์ มันน่าอายมากแต่ฉันก็รีบลุกขึ้นแล้วเดินต่อ” อย่างไรก็ดีแม้จะเกิดเหตุการณ์นี้เวโรนิก้าก็ยังเป็นนางแบบที่คาร์ล ลาเกอร์เฟลด์ โปรดปราน เธอยังมีโอกาสได้ร่วมงานกับคนดังของวงการอีกมากมายไม่ว่าจะเป็น สตีเฟ่น ไมเซล, เควิน โอควอน, บรูซ เวเบอร์ และอื่นๆ อีกมากมาย รวมถึงเมคอัพอาร์ทิสต์ในตำนานอย่างลินดา เมสัน ที่เป็นคนสร้างซิกเนเจอร์ลุคคิ้วหนาให้กับเธอ “ฉันโตมาแบบเด็กทั่วไปที่ไม่ได้แต่งหน้าเลยค่ะ และตอนนั้นการแต่งหน้าก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะหารองพื้นที่เข้ากับสีผิวของคุณได้ยากมาก ฉันมีคิ้วหนาอยู่แล้วและลินดาก็มาแต่งเพิ่มให้มันหนาขึ้นไปอีก มันก็เลยกลายมาเป็นเทรดมาร์คของฉันนับแต่นั้นมา”



แม้เวโรนิก้าจะเป็นนางแบบระดับโลกและทำงานมากมายในวงการแฟชั่น แต่ตัวจริงของเธอเป็นคนที่ติดดินและเป็นกันเองกับทีมงานทุกคน เธอคือนางแบบที่ส่งอิทธิพลในวัฒนธรรมป๊อปมาตั้งแต่ยุค ’90s และยังเป็นนางแบบยุคบุกเบิกผู้กรุยทางให้กับคนผิวดำรุ่นต่อๆ มา และถึงแม้จะอยู่ในวงการมายาวนานสามสิบกว่าปี แต่เธอยังสามารถปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัยและยังคงส่งอิทธิพลต่อวงการแฟชั่นปัจจุบัน
เรียบเรียงโดย สริตา อุสาหพานิช ช่างภาพ: พันธ์สิริ สิริเวชชะพันธ์ Editor-in-Chief และครีเอทีฟไดเร็กเตอร์: ชำนัญ ภักดีสุข แฟชั่นเอดิเตอร์: ณิชกุล กิตยานุพงษ์ นางแบบ: Veronica Webb จาก IconicFocus แต่งหน้า: ณัฐดนัย บุณยรัตผลิน ทำผม: นิคม น้อยคำ ผู้ช่วยแต่งหน้า: นภัค กาญจนกุลนนท์ ผู้ช่วยแฟชั่น: ชนินทร์ ฝ่ายขันธ์ และ วลัยลักษณ์ วงศ์มั่น ผู้ช่วยช่างภาพ: ปิยวัฒน์ จรัญพงษ์, เมษภูมินทร์ พลอยชยภัสร์ และ สุรธรรม เทพสุต