เนื่องในวาระพิเศษฉลองครบรอบ 15 ปีของแบรนด์ SIRIVANNAVARI คอลเลคชั่นทรงออกแบบล่าสุดโดยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ประจำฤดูกาลสปริง–ซัมเมอร์ 2020 จึงเป็นการนำเสนอเอกลักษณ์และรายละเอียดจากงานดีไซน์สำคัญต่างๆ ตลอดระยะเวลา 15 ปีของแบรนด์ นำมาปรับให้ดูโมเดิร์นและโดดเด่นด้วยโครงสร้าง ผสานความเป็นเฟมินีนเข้ากับสไตล์แห่งดีไซน์อันล้ำยุค งานปักชั้นครูระดับกูตูร์ ไปจนถึงลายกราฟิกทรงออกแบบอันเป็นเอกลักษณ์ รวมถึงชิ้นงานใหม่ๆ อันตื่นตาตื่นใจ ตลอดทั้งคอลเลคชั่น

และเพื่อให้สมกับการเริ่มต้นฉลองครบรอบ 15 ปีของแบรนด์ในปีนี้ องค์ดีไซเนอร์ได้ทรงรังสรรค์ชุดสุดตระการตาสำหรับเปิดและปิดท้ายโชว์ นั่นคือ ชุดค็อกเทลรูปหัวใจสีชมพูตัดเย็บจากผ้าบุหงาเลเยอร์ทับด้วยลูกไม้ ที่สร้างความงดงามตระการตายิ่งขึ้นด้วยแขนเสื้อพองใหญ่โตโอเว่อร์ไซส์ โดยชุดสีชมพูนคือชุดเปิดโชว์สำหรับคอลเลคชั่นนี้ ปิดท้ายก่อนฟินาเล่และชุดเจ้าสาวด้วยชุดราตรีไหล่เดี่ยวหางปลายาวตัดเย็บจากผ้าบุหงาสีดำที่เพิ่มความอลังการด้วยการจับเดรปเป็นโบขนาดยักษ์

คอลเลคชั่นทรงออกแบบในคราวนี้มีทั้งสิ้น 67 ลุค แบ่งเป็นเสื้อผ้าสุภาพสตรี SIRIVANNAVARI 59 ลุค และเสื้อผ้าสุภาพบุรุษ S’HOMME 8 ลุค


นอกจากการนำโครงเสื้อเอกลักษณ์ในอดีตมาตีความใหม่แล้ว สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ได้ทรงสร้างสรรค์ลุคและสไตล์ใหม่ๆ ขึ้นมาอีกหลากหลาย ตั้งแต่ชุดค็อกเท็ลแบบเทพธิดากรีก ที่ตัดเย็บด้วยผ้าไหมชีฟองพิมพ์ลายกราฟิกฝีพระหัตถ์อัดพลีต และคาดทับด้วยเข็มขัดประจาซีซั่นที่ทาจากโลหะฉลุชื่อแบรนด์ ชุดค็อกเทลมิดริฟที่ตัดเย็บจากผ้าไหมราเฟียร์สีธรรมชาติ ปักทับด้วยลูกไม้สีฟ้าบลูไอวี่ ลายดอกลิลลี่ ออฟ เดอะ วัลเลย์ อีกทั้งยังรวมไปถึงเทคนิคการตัดเย็บผ้าลูกไม้ฝรั่งเศสอันหลากหลายในลุคเดียวกัน ดังจะเห็นได้จาก เสื้อกั๊กที่เลเยอร์ซ้อนด้วยการตัดต่อผ้าลูกไม้สองเฉดสีและปักทับด้วยลูกไม้ Appliqué หรือเทคนิคการปักแบบสามมิติ


สิ่งพิเศษอีกหนึ่งอย่างในคอลเลคชั่นนี้ก็คือ งานปักระดับกูตูร์จาก SIRIVANNAVARI Atelier and Academy โดยซีซั่นนี้ ได้นำเสนองานปักหลายรูปแบบบนเสื้อผ้าหลากสไตล์ อาทิ การปักขนนกเป็นชายระบายสองเฉดสีขาวและด้านบนชุดราตรีหางปลายาวสีขาว งานปักลูกไม้ Appliqué ซ้อนทับบนผ้าลูกไม้ ไปจนถึงการปักเลื่อมและลูกปัดคริสตัลลงบนเสื้อที่ตัดเย็บจากผ้าบุหงา


เอกลักษณ์อย่างหนึ่งที่โดดเด่นของแบรนด์ SIRIVANNAVARI ก็คือลายพิมพ์ภาพกราฟิกฝีพระหัตถ์ ซึ่งลายพิมพ์ภาพกราฟิกทรงออกแบบประจำซีซั่นนี้ องค์ดีไซเนอร์ได้ทรงออกแบบลายพิมพ์โดยนาเอาภาพวาดฝีพระหัตถ์รูปสัญลักษณ์ต่างๆ อาทิ สัญลักษณ์จักรราศี และลายกราฟิกแบบหนังสือพิมพ์ที่พิมพ์ทับซ้อนบนบทความในหนังสือ โดยลายกราฟิกฝีพระหัตถ์นี้ได้ปรากฏให้เห็นตลอดทั้งคอลเลคชั่น เช่นบนกางเกงเอวสูง กางเกงขากระดิ่ง ชุดค็อกเทลคัดเอ้าท์แบบไม่สมมาตร ไปจนถึงคอลเลคชั่นผ้าพันคอ

สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์แห่งแบรนด์ SIRIVANNAVARI ทรงมีพระดำรัสว่า “ปีนี้ก็นับว่าเป็นปีที่แบรนด์ SIRIVANNAVARI มีอายุครบ 15 ปี ซึ่งตลอดทั้งปีนี้ ข้าพเจ้าคงจะได้ทำโปรเจ็กต์พิเศษหลากหลายรูปแบบเพื่อเป็นการฉลองครบรอบ 15 ปีของแบรนด์ แน่นอนว่าข้าพเจ้าคงต้องเริ่มต้นที่คอลเลคชั่นสปริง–ซัมเมอร์ 2020 ซึ่งสำหรับคอลเลคชั่นนี้ คงต้องบอกว่ามีแรงบันดาลใจในการออกแบบที่ซับซ้อนหลากหลายมาก จึงต้องมีการเรียบเรียงความคิดให้เป็นขั้นเป็นตอนอย่างละเอียด
โดยเริ่มแรก การออกแบบของข้าพเจ้าเริ่มจากความคิดและเรื่องราวที่มาจากบทกวีทั้ง 5 บทที่ข้าพเจ้าแต่งขึ้นมา ซึ่งเป็นเรื่องราวที่ค่อนข้างใช้จินตนาการเยอะมาก เพราะเป็นเรื่องราวของการพบรักกันของหนุ่มสาวคู่หนึ่งในพิพิธภัณฑ์ ที่ความสัมพันธ์ดูแฟนซีราวกับความฝัน ส่วนเรื่องราวจะจบอย่างไร ทุกท่านสามารถตีความกันเองได้ ขณะที่คิดถึงคอนเซ็ปต์คอลเลคชั่นนั้น ข้าพเจ้ามีความตั้งใจที่จะให้คอลเลคชั่นนี้บอกเล่าเรื่องราวการเดินทางของแบรนด์ SIRIVANNAVARI ตลอดระยะเวลา 15 ปีด้วย ซึ่งจริงๆ แล้วข้าพเจ้าได้นำเอาทั้งงานดีไซน์และเอกลักษณ์ของหลายๆ คอลเลคชั่นที่ทำไปแล้วมาต่อยอดและปรับให้โมเดิร์นขึ้น และยังนำงานในอดีตที่เคยคิดไว้แต่ไม่เคยได้ทำออกมาจริงๆ รวมไปถึงงานดีไซน์ที่ทำจัดแสดงตอนเรียนจบที่ปารีสแต่ไม่เคยเผยแพร่ที่ไหน มาผสมผสานเข้าไว้ด้วยกัน โดยอยู่ภายใต้ธีมของคอลเลคชั่นล่าสุดนี้”
สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ทรงมีพระดำรัสต่ออีกว่า “ในซีซั่นนี้ โครงสร้างของเสื้อผ้าจะมีทั้งทรงเอกลักษณ์ในอดีตที่นำมาปรับใหม่ และสิ่งที่สร้างสรรค์ขึ้นมาใหม่เลย ผสมผสานกันไป อาทิ แขนเสื้อทรงพองและกางเกงทรงโจงกระเบนที่เป็นคีย์ลุคจากคอลเลคชั่น Presence of The Past ในปี ค.ศ. 2008 ที่นำมาปรับใหม่โดยนำผ้าไหมชีฟองสีงาช้างมาตัดเย็บเป็นเสื้อตัวสั้นไหล่เฉลียงแขนพอง นำมาเข้าคู่กับกางเกงรูปทรงโจงกระเบนที่เพิ่มความเท่ด้วยรายละเอียดสไตล์ไบเกอร์ หรือจะเป็นเทคนิคการทำพู่ชายครุย ซึ่งเป็นรายละเอียดหลักของ คอลเลคชั่น Ethnic Rockในปี ค.ศ. 2009 มาดัดแปลงให้เป็นเสื้อแขนกุดทรงเพ็บลั่มสีงาช้างที่ตกแต่งด้วยชายพู่ชายครุย ทำให้ดูเป็นทรวดทรงนาฬิกาทราย
ส่วนของโครงเสื้อที่เป็นดีเอ็นเอของแบรนด์ก็ยังมีให้เห็นอยู่ โดยในคราวนี้ ข้าพเจ้านำเอาผ้าทวีดฝรั่งเศสที่เริ่มใช้ครั้งแรกในคอลเลคชั่นออทั่ม-วินเทอร์ 2019-20 มาตัดเย็บแล้วเพิ่มความเซ็กซี่ด้วยเทคนิคการตัดเย็บแบบคัทเอาท์บริเวณไหล่และลำตัว ในขณะที่เอกลักษณ์งานปักฝีมือประณีตบนผ้าบุหงาที่เริ่มมาตั้งแต่ คอลเลคชั่น Napoleonic ในปี ค.ศ. 2015 นั้น ก็นามาอยู่ในคอลเลคชั่นนี้ด้วย โดยปักในลวดลายใหม่แบบสามมิติซึ่งเป็นลายดอกลิลลี่ ออฟ เดอะ วัลเลย์”









โดยเริ่มแรก การออกแบบของข้าพเจ้าเริ่มจากความคิดและเรื่องราวที่มาจากบทกวีทั้ง 5 บทที่ข้าพเจ้าแต่งขึ้นมา ซึ่งเป็นเรื่องราวที่ค่อนข้างใช้จินตนาการเยอะมาก เพราะเป็นเรื่องราวของการพบรักกันของหนุ่มสาวคู่หนึ่งในพิพิธภัณฑ์ ที่ความสัมพันธ์ดูแฟนซีราวกับความฝัน ส่วนเรื่องราวจะจบอย่างไร ทุกท่านสามารถตีความกันเองได้ ขณะที่คิดถึงคอนเซ็ปต์คอลเลคชั่นนั้น ข้าพเจ้ามีความตั้งใจที่จะให้คอลเลคชั่นนี้บอกเล่าเรื่องราวการเดินทางของแบรนด์ SIRIVANNAVARI ตลอดระยะเวลา 15 ปีด้วย ซึ่งจริงๆ แล้วข้าพเจ้าได้นำเอาทั้งงานดีไซน์และเอกลักษณ์ของหลายๆ คอลเลคชั่นที่ทำไปแล้วมาต่อยอดและปรับให้โมเดิร์นขึ้น และยังนำงานในอดีตที่เคยคิดไว้แต่ไม่เคยได้ทำออกมาจริงๆ รวมไปถึงงานดีไซน์ที่ทำจัดแสดงตอนเรียนจบที่ปารีสแต่ไม่เคยเผยแพร่ที่ไหน มาผสมผสานเข้าไว้ด้วยกัน โดยอยู่ภายใต้ธีมของคอลเลคชั่นล่าสุดนี้”

ส่วนของโครงเสื้อที่เป็นดีเอ็นเอของแบรนด์ก็ยังมีให้เห็นอยู่ โดยในคราวนี้ ข้าพเจ้านำเอาผ้าทวีดฝรั่งเศสที่เริ่มใช้ครั้งแรกในคอลเลคชั่นออทั่ม-วินเทอร์ 2019-20 มาตัดเย็บแล้วเพิ่มความเซ็กซี่ด้วยเทคนิคการตัดเย็บแบบคัทเอาท์บริเวณไหล่และลำตัว ในขณะที่เอกลักษณ์งานปักฝีมือประณีตบนผ้าบุหงาที่เริ่มมาตั้งแต่ คอลเลคชั่น Napoleonic ในปี ค.ศ. 2015 นั้น ก็นามาอยู่ในคอลเลคชั่นนี้ด้วย โดยปักในลวดลายใหม่แบบสามมิติซึ่งเป็นลายดอกลิลลี่ ออฟ เดอะ วัลเลย์”