ในวันที่โชว์ของปารีสแฟชั่นวีคถูกถ่ายทอดลงบนช่องทางดิจิตอลผ่านหน้าจอแล็ปท็อปหรือ
สมาร์ทโฟนให้ผู้คนทั่วโลกชมได้พร้อมกันจากที่บ้านโดยไม่มีคำว่าแถวหน้าหรือแถวหลัง แต่ปารีสก็ยังรักษาความเป็นปารีสได้ไว้ไม่เสื่อมมนต์ขลังโดยแม้ว่าจะไม่มีเต็นท์แฟชั่นโชว์ขนาดใหญ่ เซเลบริตี้ในชุดทอทัลลุคเด่นประจำซีซั่นของแบรนด์มาเรียกเสียงแฟลชจากช่างภาพ นางแบบเดินขวักไขว่หลังจบโชว์ในลุค street style หรือบรรณาธิการสำนักข่าวแฟชั่นจากทั่วโลกที่วิ่งอย่างชุลมุนหลังจบโชว์เพื่อให้ทันโชว์ต่อไปตามตารางที่แน่นเอี๊ยดของเมืองนี้
ปัญหาที่ทุกคนมาร่วมชมโชว์ไม่ได้ ไม่ได้เป็นอุปสรรคของห้องเสื้อที่พร้อมจะนำเสนอเสื้อผ้า แนวคิด และแรงบันดาลใจแห่งฤดูกาลหน้า ทุกแบรนด์ยังคงมุ่งหน้าพาพวกเราไปสู่ภาพฝันที่ใหญ่ขึ้น ตื่นตาตื่นใจขึ้น ฝันของโลกแฟชั่นไม่ได้มีทีท่าที่จะหยุดลง มีแต่ทีท่าว่าจะรุนแรงขึ้นและพาเราไปเปิดมุมมองการชมแฟชั่นโชว์ในแบบที่เรายังไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน
Louis Vuitton
นี่คือหนึ่งในโชว์ที่สำคัญที่สุดของสัปดาห์แฟชั่นแห่งกรุงปารีส ฤดูกาลนี้ Nicolas Ghesquière พาพวกเรากลับมาที่พิพิธภัณฑ์ Louvre สถานที่ประจำของ Louis Vuittonในการจัดแสดงแฟชั่นโชว์ตลอดหลายฤดูกาลกันอีกครั้ง ภายใต้ความยิ่งใหญ่ของห้อง Michelangelo and Daru Galleries ที่จัดแสดงรูปสลักและประติมากรรมชิ้นสำคัญจากอารยธรรม กรีก โรมัน และอิทรัสคัน ความงามของงานศิลปะโบราณเหล่านี้เอง ที่เป็นแรงบันดาลใจ สำคัญในการสร้างสรรค์ผลงานคอลเลคชั่นนี้
โดยความพิเศษของคอลเลคชั่นนี้คือการที่ Ghesquière ร่วมมือกับ Fornasetti แบรนด์เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านชื่อดังจากกรุงมิลาน ที่ก่อตั้งโดยนักออกแบบแนว เซอร์เรียลลิสม์ชื่อก้องโลก Piero Fornasetti กับผลงานภาพวาดลายเส้นที่ได้รับแรงบันดาลใจจากรูปสลักยุคโรมัน ภาพลายเส้นสถาปัตยกรรม โดย Ghesquière ได้หยิบผลงานอันหลากหลายที่สร้างสรรค์ไว้ในอดีตของ Fornasetti มาชุบชีวิตใหม่ ผ่านกระเป๋า เสื้อผ้าและเครื่องประดับในคอลเลคชั่นด้วยมุมมองที่โมเดิร์นและสดใหม่

Miu Miu
มาดาม Miuccia พาพวกเรามุ่งสู่ดินแดนที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของยุโรป เมืองสกีรีสอร์ทอันเลื่องชื่อ Cortina d’Ampezzo ใจกลางเทือกเขา Dolomites นางแบบในชุดเดรสที่ถูกนำมาสวมคู่กับหมวกผ้านิตรวมถึงชุดสกี รองเท้าบู๊ทและกระเป๋าที่ทำจากขนเฟอร์ พาเหรดกันออกมาโดยมีฉากหลังอันยิ่งใหญ่ของภูเขาหินปูนที่ขาวโพลนด้วยหิมะ นี่คือการบอกเล่าตัวตนของผู้หญิงแบบ Miu Miu ที่มีหลายคาแรคเตอร์ผ่านเสื้อผ้าหลายสไตล์ที่ถูกรวมไว้ในโชว์นี้
Chanel
เราคงคุ้นเคยกันดีกับสถานที่จะแสดงแฟชั่นโชว์ที่โออ่าของ Grand Palais ที่จะถูก Chanel เนรมิตอย่างยิ่งใหญ่ให้เป็นไปตามธีมของฤดูกาลนั้นๆ แต่สำหรับฤดูใบไม้ร่วง-ฤดูหนาว 2021 Virginie Viard พาเราไปสถานที่จัดแสดงที่เล็กลงและเป็นส่วนตัวมากขึ้น แต่ดูอบอุ่นและมีชีวิตชีวาจากเสียงดนตรี ในคลับไปรเวทชื่อดังของกรุงปารีส Castel ที่ไม่ใช่ทุกคนจะได้รับสิทธิ์ให้เข้าไป ในบรรยากาศการจัดแฟชั่นโชว์เล็กๆสมัยก่อนที่นางแบบต้องแต่งหน้าและเปลี่ยนเสื้อผ้ากันเอง โดยแรงบันดาลใจหลักของคอลเล็กชั่นเกิดจากการปะทะกันระหว่าง สไตล์ของการผักผ่อนเล่นสกี และสไตล์ของสาวปารีเซียนชิคจากยุค 70s จนถึงปัจจุบัน ออกมาเป็นเสื้อผ้าที่สง่างาม คลาสสิกแต่มีความเปรี้ยวในแบบ Chanel โดย Virginie Viard


Dior
Maria Grazia Chiuri จัดแสดงคอลเลคชั่น ฤดูใบไม้ร่วง-ฤดูหนาว 2021 ณ ห้องกระจกอันเลื่องชื่อของพระราชวังแวร์ซายในยามค่ำคืนชานกรุงปารีส ที่สร้างบรรยากาศลึกลับแต่สวยงามน่าค้นหาให้กับโชว์นี้ได้เป็นอย่างดี ครั้งนี้ Chiuri ยังคงสานต่อแนวคิดแบบเฟมินิสต์ โดยนำแรงบันดาลใจจากผลงานประพันธ์ของกวีสตรีที่มีชื่อเสียงในอดีตกับเรื่องราวแบบแฟรี่เทล สู่การตีความออกมาเป็นเสื้อผ้าที่ถอดคาแรคเตอร์มาจากเทพนิยาย ที่พูดถึงชุดเด็กสาวแสนบริสุทธิ์ในช่วงแรกของโชว์จนถึงชุดราตรียาวแบบเจ้าหญิงในช่วงท้าย

Loewe
“The Loewe show has been canceled” พาดหัวข่าวใหญ่ บนหนังสือพิมพ์ที่ถูกผลิตออกมาเป็นการเชื้อเชิญสู่โชว์ในฤดูกาลนี้ของ Jonathan Anderson ซึ่งก็ทั้งจริงและไม่จริง ที่ว่าจริงเพราะเราไม่มีนางแบบเดินออกมาให้เราชมแบบใกล้ชิด พร้อมผู้คนบนฟร้อนท์โรวสุดเก๋ แต่อย่างไรก็ตามเสื้อผ้าก็ถูกนำเสนอผ่านภาพถ่ายใน 3 สถานที่ แห่งแรกภัตตาคาร Le Train Bleu ที่ถูกปูด้วยพรมสีเหลือง แห่งที่สองภายในสำนักงานของแบรนด์ Loewe และที่สุดท้ายคลับหรูสุดไปรเวทสำหรับสมาชิกเท่านั้นบนถนน Champs-Élysées รวมไปถึงการนำเสนอภาพยนตร์สั้นๆที่มี Anderson มาบอกเล่าเรื่องราวแรงบันดาลใจของ Collection นี้ ที่ใช้ซิลูเอตที่ bold สีสันที่สดใสของเหลือง น้ำเงิน ส้ม เขียว จากแนวคิด color therapy ที่เชื่อว่าถ้าเราสวมใส่สีที่สดใสขึ้นเราจะรู้สึกดีกับตัวเองมากขึ้นด้วย รองเท้ารูปทรงใหม่ที่ได้แรงบันดาลใจจากรองเท้าผู้ชายและรองเท้าในคริสศตวรรษที่ 18 รวมถึงการปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งของกระเป๋าสุดคลาสสิค Amazona

Hermès
นี่คือที่สุดของนิยามของคำว่าเรียบง่ายแต่หรูหรา Collection นี้ Nadège Vanhée-Cybulski นำมหานครสำคัญสามแห่งของโลกมาไว้ในโชว์เดียว เปิดโชว์ด้วยคณะนักเต้นจากนครนิวยอร์ก และพาเราไปอีกทวีปด้วยกล่องส้มอันเป็นเอกลักษณ์ของ Hermès ที่เรียงรายอย่างยิ่งใหญ่เป็นฉากหลังของโชว์ที่จัดที่กรุงปารีส และจบด้วยการแสดงปิดจากมหานครเซี่ยงไฮ้ วัสดุที่ใช้ทำเสื้อผ้าล้วนเป็นวัสดุชั้นเยี่ยมที่สุดและคือไฮไลท์สำคัญของโชว์ เนื้อผ้าวูล ผ้าไหม ผ้ายีนส์ หนังถูกทำออกมาเสื้อผ้าในรูปทรงที่เรียบง่ายแต่ซับซ้อนด้วยั้นตอนการตัดเย็บ สีของผ้ายีนส์ สีน้ำตาล สีแดง ruby และดำคือสีหลักของฤดูกาล พร้อมบรรดา accessories แบบ Hermès ที่เหล่าสุภาพสตรีเห็นแล้วต้องอยากครอบครอง

นี่คือหนึ่งในโชว์ที่สำคัญที่สุดของสัปดาห์แฟชั่นแห่งกรุงปารีส ฤดูกาลนี้ Nicolas Ghesquière พาพวกเรากลับมาที่พิพิธภัณฑ์ Louvre สถานที่ประจำของ Louis Vuittonในการจัดแสดงแฟชั่นโชว์ตลอดหลายฤดูกาลกันอีกครั้ง ภายใต้ความยิ่งใหญ่ของห้อง Michelangelo and Daru Galleries ที่จัดแสดงรูปสลักและประติมากรรมชิ้นสำคัญจากอารยธรรม กรีก โรมัน และอิทรัสคัน ความงามของงานศิลปะโบราณเหล่านี้เอง ที่เป็นแรงบันดาลใจ สำคัญในการสร้างสรรค์ผลงานคอลเลคชั่นนี้
โดยความพิเศษของคอลเลคชั่นนี้คือการที่ Ghesquière ร่วมมือกับ Fornasetti แบรนด์เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านชื่อดังจากกรุงมิลาน ที่ก่อตั้งโดยนักออกแบบแนว เซอร์เรียลลิสม์ชื่อก้องโลก Piero Fornasetti กับผลงานภาพวาดลายเส้นที่ได้รับแรงบันดาลใจจากรูปสลักยุคโรมัน ภาพลายเส้นสถาปัตยกรรม โดย Ghesquière ได้หยิบผลงานอันหลากหลายที่สร้างสรรค์ไว้ในอดีตของ Fornasetti มาชุบชีวิตใหม่ ผ่านกระเป๋า เสื้อผ้าและเครื่องประดับในคอลเลคชั่นด้วยมุมมองที่โมเดิร์นและสดใหม่


มาดาม Miuccia พาพวกเรามุ่งสู่ดินแดนที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของยุโรป เมืองสกีรีสอร์ทอันเลื่องชื่อ Cortina d’Ampezzo ใจกลางเทือกเขา Dolomites นางแบบในชุดเดรสที่ถูกนำมาสวมคู่กับหมวกผ้านิตรวมถึงชุดสกี รองเท้าบู๊ทและกระเป๋าที่ทำจากขนเฟอร์ พาเหรดกันออกมาโดยมีฉากหลังอันยิ่งใหญ่ของภูเขาหินปูนที่ขาวโพลนด้วยหิมะ นี่คือการบอกเล่าตัวตนของผู้หญิงแบบ Miu Miu ที่มีหลายคาแรคเตอร์ผ่านเสื้อผ้าหลายสไตล์ที่ถูกรวมไว้ในโชว์นี้

เราคงคุ้นเคยกันดีกับสถานที่จะแสดงแฟชั่นโชว์ที่โออ่าของ Grand Palais ที่จะถูก Chanel เนรมิตอย่างยิ่งใหญ่ให้เป็นไปตามธีมของฤดูกาลนั้นๆ แต่สำหรับฤดูใบไม้ร่วง-ฤดูหนาว 2021 Virginie Viard พาเราไปสถานที่จัดแสดงที่เล็กลงและเป็นส่วนตัวมากขึ้น แต่ดูอบอุ่นและมีชีวิตชีวาจากเสียงดนตรี ในคลับไปรเวทชื่อดังของกรุงปารีส Castel ที่ไม่ใช่ทุกคนจะได้รับสิทธิ์ให้เข้าไป ในบรรยากาศการจัดแฟชั่นโชว์เล็กๆสมัยก่อนที่นางแบบต้องแต่งหน้าและเปลี่ยนเสื้อผ้ากันเอง โดยแรงบันดาลใจหลักของคอลเล็กชั่นเกิดจากการปะทะกันระหว่าง สไตล์ของการผักผ่อนเล่นสกี และสไตล์ของสาวปารีเซียนชิคจากยุค 70s จนถึงปัจจุบัน ออกมาเป็นเสื้อผ้าที่สง่างาม คลาสสิกแต่มีความเปรี้ยวในแบบ Chanel โดย Virginie Viard



Maria Grazia Chiuri จัดแสดงคอลเลคชั่น ฤดูใบไม้ร่วง-ฤดูหนาว 2021 ณ ห้องกระจกอันเลื่องชื่อของพระราชวังแวร์ซายในยามค่ำคืนชานกรุงปารีส ที่สร้างบรรยากาศลึกลับแต่สวยงามน่าค้นหาให้กับโชว์นี้ได้เป็นอย่างดี ครั้งนี้ Chiuri ยังคงสานต่อแนวคิดแบบเฟมินิสต์ โดยนำแรงบันดาลใจจากผลงานประพันธ์ของกวีสตรีที่มีชื่อเสียงในอดีตกับเรื่องราวแบบแฟรี่เทล สู่การตีความออกมาเป็นเสื้อผ้าที่ถอดคาแรคเตอร์มาจากเทพนิยาย ที่พูดถึงชุดเด็กสาวแสนบริสุทธิ์ในช่วงแรกของโชว์จนถึงชุดราตรียาวแบบเจ้าหญิงในช่วงท้าย


“The Loewe show has been canceled” พาดหัวข่าวใหญ่ บนหนังสือพิมพ์ที่ถูกผลิตออกมาเป็นการเชื้อเชิญสู่โชว์ในฤดูกาลนี้ของ Jonathan Anderson ซึ่งก็ทั้งจริงและไม่จริง ที่ว่าจริงเพราะเราไม่มีนางแบบเดินออกมาให้เราชมแบบใกล้ชิด พร้อมผู้คนบนฟร้อนท์โรวสุดเก๋ แต่อย่างไรก็ตามเสื้อผ้าก็ถูกนำเสนอผ่านภาพถ่ายใน 3 สถานที่ แห่งแรกภัตตาคาร Le Train Bleu ที่ถูกปูด้วยพรมสีเหลือง แห่งที่สองภายในสำนักงานของแบรนด์ Loewe และที่สุดท้ายคลับหรูสุดไปรเวทสำหรับสมาชิกเท่านั้นบนถนน Champs-Élysées รวมไปถึงการนำเสนอภาพยนตร์สั้นๆที่มี Anderson มาบอกเล่าเรื่องราวแรงบันดาลใจของ Collection นี้ ที่ใช้ซิลูเอตที่ bold สีสันที่สดใสของเหลือง น้ำเงิน ส้ม เขียว จากแนวคิด color therapy ที่เชื่อว่าถ้าเราสวมใส่สีที่สดใสขึ้นเราจะรู้สึกดีกับตัวเองมากขึ้นด้วย รองเท้ารูปทรงใหม่ที่ได้แรงบันดาลใจจากรองเท้าผู้ชายและรองเท้าในคริสศตวรรษที่ 18 รวมถึงการปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งของกระเป๋าสุดคลาสสิค Amazona


นี่คือที่สุดของนิยามของคำว่าเรียบง่ายแต่หรูหรา Collection นี้ Nadège Vanhée-Cybulski นำมหานครสำคัญสามแห่งของโลกมาไว้ในโชว์เดียว เปิดโชว์ด้วยคณะนักเต้นจากนครนิวยอร์ก และพาเราไปอีกทวีปด้วยกล่องส้มอันเป็นเอกลักษณ์ของ Hermès ที่เรียงรายอย่างยิ่งใหญ่เป็นฉากหลังของโชว์ที่จัดที่กรุงปารีส และจบด้วยการแสดงปิดจากมหานครเซี่ยงไฮ้ วัสดุที่ใช้ทำเสื้อผ้าล้วนเป็นวัสดุชั้นเยี่ยมที่สุดและคือไฮไลท์สำคัญของโชว์ เนื้อผ้าวูล ผ้าไหม ผ้ายีนส์ หนังถูกทำออกมาเสื้อผ้าในรูปทรงที่เรียบง่ายแต่ซับซ้อนด้วยั้นตอนการตัดเย็บ สีของผ้ายีนส์ สีน้ำตาล สีแดง ruby และดำคือสีหลักของฤดูกาล พร้อมบรรดา accessories แบบ Hermès ที่เหล่าสุภาพสตรีเห็นแล้วต้องอยากครอบครอง

