Onitsuka Tiger (โอนิซึกะ ไทเกอร์) แบรนด์รองเท้าเสื้อผ้าและเครื่องประดับระดับโลกสัญชาติญี่ปุ่น ที่เราคุ้นเคยกันดีกับรองเท้าที่เป็นเอกลักษณ์ ได้จัดแสดงเสื้อผ้าและเครื่องประดับในคอลเล็กชั่น ฤดูใบไม้ร่วง/ฤดูหนาวปี 2021ภายใต้การออกแบบของ Andrea Pompilio นับเป็นครั้งแรกที่แบรนด์นำเสนอคอลเล็กชั่นที่สัปดาห์แฟชั่นแห่งกรุงมิลาน โดยความพิเศษในครั้งนี้คือการจัดแสดงคอลเล็กชั่นผ่านรูปแบบของภาพยนตร์ดิจิทัลที่มีชื่อว่า “UNFASHIONSHOW”

ภาพยนตร์ดิจิทัลความยาว 5 นาทีโดยการกำกับของ Giulia Achenza ที่ได้ร่วมกันวางคอนเซ็ปท์กับดีไซเนอร์ของแบรนด์ Andrea Pompilio โดยได้ใช้ศิลปินที่มีชื่อเสียงของอิตาลีที่แตกต่างกันใน 3 แขนง ได้แก่นักร้องแรปเปอร์ M¥SS KETA ที่เป็นตัวแทนของดนตรี นักเต้น Gabriele Esposito ที่เป็นตัวแทนของความเคลื่อนไหว และ wall artist OZMO ที่เป็นตัวแทนด้านศิลปะ 3 สิ่งนี้เป็นสิ่งที่สอดคล้องกับบุคลิกของแบรนด์ Onitsuka Tiger ถูกรวมไว้ในภาพยนตร์โดยเล่าผ่าน M¥SS KETA กับหน้ากากที่เป็นเอกลักษณ์ของเธอ สลับกับท่วงท่าการเต้นของ Gabriele Esposito และในช่วงท้ายของภาพยนตร์ M¥SS KETA ในชุดเดรสสีฟ้าของแบรนด์โพสท่าเป็นแบบให้กับ OZMO โชว์ฝีมือวาดภาพสดๆ
ถึงแม้ฤดูกาลนี้จะเป็นครั้งแรกของแบรนด์ Onitsuka Tiger ที่จัดแสดงที่ Milan Fashion Week แต่ไม่ใช่ครั้งแรกที่จัดขึ้นที่ประเทศอิตาลีโดยก่อนหน้านี้เมื่อปี 2013 และปี 2014 แบรนด์ได้จัดแสดงผลงานที่งาน Pitti Uomo ของเมืองฟลอเรนซ์ ก่อนที่จะย้ายไปจัดโชว์ที่โตเกียวแฟชั่นวีค ซึ่งโตเกียวถือเป็นสำนักงานใหญ่ของแบรนด์ ดังนั้นการที่ย้ายสถานที่จัดแสดงมาที่มิลาน คงทำให้ผู้อ่านหลายท่านเกิดคำถามว่าทำไมต้องเป็น มิลาน คำตอบนั่นก็เป็นเพราะว่ามิลานเป็นบ้านและเป็นสตูดิโอที่ใช้ในการทำงานของ Andrea Pompilio ที่เริ่มออกแบบให้กับแบรนด์มาตั้งแต่ปี 2011 การจัดแสดงที่มิลานในครั้งนี้ก็คือการจัดแสดงในบ้านของตัวดีไซเนอร์เองและเพิ่มความรู้จักจากแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น รวมถึงเป็นการตอกย้ำแนวคิดในการออกแบบของแบรนด์แบบ”East meets West” ให้เด่นชัดมากยิ่งขึ้น
การออกแบบเสื้อผ้าและเครื่องประดับ คอลเล็กชั่น Fall/Winter 2021 นี้ยังให้ความสำคัญกับการออกแบบสไตล์มินิมอลแต่ซับซ้อนด้วยดีเทลและรายละเอียดของงานฝีมือที่ซ่อนอยู่ในเสื้อผ้าแต่ละชิ้น วัสดุและสีหลักในคอลเล็กชั่นนี้คือผ้าไนลอน radzimir สีดำและสีเทาตะกั่วที่ถูกออกแบบในหลายรูปทรง ทั้งโอเวอร์โค้ทที่ถูกเพิ่มฟังก์ชั่นของกระเป๋าด้านหน้าหลายใบ เสื้อแจ๊คเก็ตที่มาพร้อมกับกางเกงขาสั้นเข้าชุดในผ้าและสีเดียวกัน ทั้งหมดถูกสวมใส่กับหมวกและรองเท้าบู๊ทที่ได้แรงบันดาลใจจากความนิยมในการปีนเทือกเขาหิมาลัยและกระแสการเดินป่า หันหน้าเข้าสู่ธรรมชาติของวัยรุ่นในยุค 1970 ในส่วนของลุคที่เป็นแนวชุดกีฬาที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ ก็ได้ย้อนกลับไปหาดีไซน์แบบงานวินเทจที่ใช้การกุ๊นขอบเสื้อตกแต่งเป็นแถบสี โดยคอลเล็คชั่นนี้ keyword is “neon colors” สีส้ม สีเหลือง สีเขียว และสีน้ำเงินนีออนเป็นการเพิ่มความสนุกให้กับคอลเล็คชั่นนี้ได้มากเลยทีเดียว
อีกชิ้นพิเศษของคอลเล็คชั่นนี้คือลวดลายดอกไม้กราฟฟิกแบบ 70s ที่เป็นการร่วมงานกันระหว่าง Toyoki Adachi นักออกแบบชาวญี่ปุ่นและผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์ของแบรนด์กราฟิกสิ่งทอ “nowartt” กับ Andrea Pompilio โดยพิมพ์ลงบนผ้าที่ใช้สำหรับทำเป็นเสื้อดาวน์แจ็คเก็ต กางเกงขาสั้น และกระเป๋าเป้สะพายหลัง เป็นการร่วมงานระหว่างดีไซเนอร์จากสองซีกโลกที่น่าสนใจและเป็นไปตามแนวคิด “East meets West” ของ Onitsuka Tiger อย่างแท้จริง



ถึงแม้ฤดูกาลนี้จะเป็นครั้งแรกของแบรนด์ Onitsuka Tiger ที่จัดแสดงที่ Milan Fashion Week แต่ไม่ใช่ครั้งแรกที่จัดขึ้นที่ประเทศอิตาลีโดยก่อนหน้านี้เมื่อปี 2013 และปี 2014 แบรนด์ได้จัดแสดงผลงานที่งาน Pitti Uomo ของเมืองฟลอเรนซ์ ก่อนที่จะย้ายไปจัดโชว์ที่โตเกียวแฟชั่นวีค ซึ่งโตเกียวถือเป็นสำนักงานใหญ่ของแบรนด์ ดังนั้นการที่ย้ายสถานที่จัดแสดงมาที่มิลาน คงทำให้ผู้อ่านหลายท่านเกิดคำถามว่าทำไมต้องเป็น มิลาน คำตอบนั่นก็เป็นเพราะว่ามิลานเป็นบ้านและเป็นสตูดิโอที่ใช้ในการทำงานของ Andrea Pompilio ที่เริ่มออกแบบให้กับแบรนด์มาตั้งแต่ปี 2011 การจัดแสดงที่มิลานในครั้งนี้ก็คือการจัดแสดงในบ้านของตัวดีไซเนอร์เองและเพิ่มความรู้จักจากแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น รวมถึงเป็นการตอกย้ำแนวคิดในการออกแบบของแบรนด์แบบ”East meets West” ให้เด่นชัดมากยิ่งขึ้น

อีกชิ้นพิเศษของคอลเล็คชั่นนี้คือลวดลายดอกไม้กราฟฟิกแบบ 70s ที่เป็นการร่วมงานกันระหว่าง Toyoki Adachi นักออกแบบชาวญี่ปุ่นและผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์ของแบรนด์กราฟิกสิ่งทอ “nowartt” กับ Andrea Pompilio โดยพิมพ์ลงบนผ้าที่ใช้สำหรับทำเป็นเสื้อดาวน์แจ็คเก็ต กางเกงขาสั้น และกระเป๋าเป้สะพายหลัง เป็นการร่วมงานระหว่างดีไซเนอร์จากสองซีกโลกที่น่าสนใจและเป็นไปตามแนวคิด “East meets West” ของ Onitsuka Tiger อย่างแท้จริง


