ในวันเศรษฐกิจทั่วโลกถูกกระทบผลกระทบจากโรคระบาด Covid-19 อย่างหนัก ทุกคนก็ต่างหาหนทางให้ธุรกิจอยู่รอด ในอุตสหกรรมแฟชั่นก็โดนกระทบหนักไม่แพ้กัน เนื่องจากอีเว้นท์ใหญ่ๆ อย่างแฟชั่นวีค และงานประกาศผลรางวัลต่างถูกแคนเซิลไปตามๆ กัน บาซาร์จึงได้มีโอกาส ช่างภาพแฟชั่นชื่อดังจากฝรั่งเศส Jacques Burga ถึงการทำงานในช่วงสถานการณ์ที่ทุกคนต้องกักตัว ไปจนถึงการทำงานแบบ “New Normal” ที่ทุกคนต้องปรับตัวเข้าหาในปัจจุบัน
Jacques Burga: เมื่อช่วงที่ผมเรียนอยู่คณะวิศวกรรมธุรกิจที่มหาลัย Universidad del Pacifico ในประเทศเปรู ผมก็ได้สร้างสรรค์ดิจิตัลแม็กกาซีนที่แรกในเปรูภายใต้ชื่อ “Lima Social Diary” ที่ทำให้ผมได้มีโอกาสถ่ายภาพ portraits และผู้คนที่งานอีเว้นต์ต่างๆ ผมจึงได้ค้นพบว่าตัวเองหลงใหลในการถ่ายภาพ และผมอยากที่จะถ่ายทอดภาพถ่ายในมุมของนิตยสารแฟชั่น ผมจึงได้ไปเรียนต่อคณะ ถ่ายภาพแลแฟชั่นที่มหาลัย Condé Nast College ณ กุรงลอนดอน
จากนั่นผมได้ร่วมฝึกงานกับนิตยสารชื่อดังแห่งหนึ่งที่กรุงปารีสและในช่วง Haute Couture Week ในเมืองแห่งแสงสี ซึ่งทำให้ผมยิ่งรู้สึกรักวงการภาพถ่ายแฟชั่นมายิ่งขึ้นไปอีก นั่นจึงทำให้ผมมุ่งหน้าเข้ามาทำงานในวงการนี้ครับ
HB: แรงบันดาลใจในการทำงานถ่ายภาพแฟชั่น
JB: ผมมักจะหลงใหลในงานอีเว้นต์ เพลง ลุคจากรันเวย์ และผมถ่ายทอดแรงบันดาลใจเหล่านี้โดยการนำบุคคลแบบหนึ่งมาอยู่ในโมเม้นท์อีกแบบ แต่ผมจะหาจุดกึ่งกลางที่มันพอดีกัน และป็อปคัลเจอร์ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งแหล่งแรงบันดาลใจหลักของผม ไม่ว่าจะเป็นช่วงยุคทองของ Lily Allen กับแคมเปญ “Inside Chanel” บนยูทูป หรือจะเป็นงานประกาศผลรางวัลอย่าง Oscars ที่ดารานักแสดงทุกตนต่างแต่งสวยแต่งหล่อกันมาประชันบนพรมแดงอย่างเต็มที่ ก็ทำให้ผมรู้สึกใจเต้นได้ทุกครั้งที่ผมดูสิ่งเหล่านี้เพื่อสร้างแรงบันดาลใจ HB: ในมุมมองของคุณ การแพร่ระบาดของโรค Covid-19 สร้างผลกระทบต่อวงการถ่ายภาพแฟชั่นและนิตยสารอย่างไรบ้าง
JB: ผลกระทบหลักๆ เลยก็คือการออกกองถ่ายไม่ได้ ผมจึงต้องพยายามค้นหาวิธีใหม่ๆ เพื่อจะงานสามารถขับเคลื่อนต่อไปได้ ผมอยากที่จะทำให้ภาพถ่ายแฟชั่นเหล่านี้เป็นมากกว่าแค่ถ่ายสวยงาม แต่อยากให้ภาพมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นมากยิ่งขึ้นไปอีก แต่ในขณะเดียวกันก็ยังเป็นสิ่งจรรโลงใจที่จะส่งต่อจินตนาการที่สามารถสื่อสาร และเชื่อมโยงเข้ากับชีวิตของผู้คนได้ในช่วงวิกฤติแบบนี้
HB: คุณมีวิธีการทำงานอย่างไรในช่วงกักตัว
JB: ผมใช้วิธีการถ่ายภาพผ่านออนไลน์แทนครับ ต้องกำกับนางแบบ และพยายามหามุมใหม่ๆ อาจจะต้องปรับตัวหน่อย แต่มันคือมิติใหม่ที่ผมไม่เคยคิดว่าจะสนุกมากขนาดนี้ ส่วนนอกนั้นก็คุยกับลูกค้าผ่านช่องทางออนไลน์ครับ
HB: การ work from home มีข้อดีและข้อเสียอย่างไรบ้าง?
JB: ผมกลับรู้สึกว่ามีข้อดีเยอะกว่านะครับ เพราะเราทุกคนได้มีโอกาสใช้เวลาอยู่บ้าน ทำตามเป้าหมายให้สำเร็จ ได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์อย่างเต็มที่ ผมได้สร้างโปรเจ็กต์ใหม่ขึ้นมากับเพื่อนรัก Lucia Picasso ที่เป็น มูลนิธิประมูลเพื่อการกุศลในออนไลน์ ภายใต้ชื่อว่า “Charity Fair” ที่เป็นการจัดแสดง ผลงานศิลปะ จิวเวลรี่ แฟชั่น และ อีกมากมายจากทั่วโลก ส่วนเงินทั้งหมดนั้นจะถูกนำไปบริจาคให้กับทาง UNICEF ประเทศเปรูเพื่อช่วยเหลือผู้ยากไร้ในช่วงวิกฤติ Covid-19 นี้ โดยเริ่มตั้งแต่เดือนมิถุนายนเป็นต้นไป
พวกเรายังได้ร่วมมือกับบริษัทและดีไซเนอร์จากหลายแบรนด์อย่าง Diane Von Furstenberg (เบลเยียม), Assouline, Tata Harper, Daniela Villegas, Moi & Sass by Sassa de Osma and Moira Laporta, Maria de la Orden, Destrée, Sandra Mansour และอีกมากมาย ซึ่งโปรเจ็กต์นี้ทำให้ผมรู้สึกอิ่มอกอื่มใจมาก ต้องขอบคุณทุกคนที่ช่วยทำให้โปรเจ็กต์นี้เกิดขึ้นครับ
HB: คิดว่า “New Normal” ของวงการถ่ายภาพแฟชั่นจะเป็นอย่างไร?
JB: พวกเราทุกคนต่างสร้างสรรค์ “New Normal” ในแบบของพวกเราเอง ทั้งในแง่การใช้ชีวิตและในแง่การทำงาน ผมพยายามใส่ความคิดในแง่บวกและความสุขเข้าไปในทุกภาพที่ผมถ่าย เพื่อให้ทุกคนเห็นอนาคตที่เปรียบดั่งแสงสว่างที่ปลายทาง นี่คือแนวคิดแบบ “New Normal” ในการถ่ายภาพของผม
ผมอยากจะถ่ายภาพผู้คนในวันที่พวกเขารู้สึกดูดีที่สุด ในมุมหน้าด้านโปรดพร้อมสวมชุดโปรดของเขาหรือเธอ และกล่าวว่า: “Jacques ว้าว! ภาพนี้ฉันดูเริ่ดมากเลย! คุณถ่ายภาพให้ฉันดีมาก!” ผมอยากที่จะทำให้ทุกคนรู้สึกดีเกี่ยวกับตัวเองยิ่งกว่าครั้งไหนๆ เลยครับ
HB: ในช่วงกักตัว คุณได้มีโอกาสทำงานกับคนเซเลบริตี้คนไหนบ้าง?
JB: ในช่วงล็อกดาวน์ ผมได้มีโอกาสร่วมงานกับบุคคลมากความสามารถหลายคนอย่าง นางแบบ Elliot Meeten นักแสดง Mishel Prada และนางแบบที่เป็นเพื่อนรักของผมอย่าง Chiara Sampaio นอกจากนี้ผมกำลังจะมีโปรเจ็กต์ถ่ายภาพที่น่าตื่นเต้นกับบุคคลดังอีกหนึ่งท่านที่เคยร่วมงานกับ Madonna มาแล้ว แต่ตอนนี้ขอยังไม่เผยชื่อนะครับ ส่วนอีกท่านคือนักดนตรีชาวฝรั่งเศสชื่อดังที่ผมเคยเจอกับเธอเต้นอยู่กับ Karl Lagerfeld เมื่อตอนที่ไปอีเว้นต์งานหนึ่งที่คิวบาเมื่อปี 2016
JB: ผมเชื่อว่าทุกคนคงอยากจะจะออกมาใช้วิถีชีวิตแบบใหม่กันเต็มทีแล้ว แต่ในขณะเดียวกันทุกคนก็คนได้มีการตระเตรียมที่จะมาสร้างสรรค์ผลงานและไอเดียบรรเจิดใหม่ๆ ผมอยากที่จะเห็นแล้วว่าใครจะปล่อยของแบบไหนมาประชันกันบ้าง
HB: ดิจิตัลแพล็ตฟอร์มมีส่วนช่วยในด้านอาชีพของคุณอย่างไรบ้าง?
JB: โลกของดิจิตัลนับว่าเป็นตัวช่วยหลักของหลากหลายธุรกิจในยุคนี้ ในอาชีพของผมก็เช่นกันครับ เพราะนอกจากที่ผมจะามารถโชว์ผลงานของผมได้อย่างเต็มที่แล้ว ผมก็ยังได้ร่วมสร้างคอมมิวนิตี้ ได้พบปะผู้คนผ่านอินสตาแกรม และยังใช้มันเป็นตัวกลางเพื่อติดต่อ ลูกค้า เหล่าคนดัง เพื่อนฝูงและแม้แต่พบเจอเพื่อนใหม่ที่ชื่นชอบอะไรคล้ายๆ กันได้อีกด้วย
HB: ขอคำแนะนำสำหรับกับเด็กรุ่นใหม่ที่อยากมาทำงานในวงการถ่ายภาพแฟชั่น
JB: การสร้างสรรค์ผลงานด้วยแพสชั่นและความตั้งใจถือว่าเป็นหัวใจสำคัญมาก หนึ่งในมิวส์ของผมอย่าง Gabrielle Chanel เคยกล่าวไว้ว่า “ไม่มีอะไรมาแทนที่ผลงานได้ ไม่ว่าจะเป็นหัวโขน เอกลักษณ์ หรือโชคลาภ” นี่แหละคือคำแนะนำจากผม
Harper’s BAZAAR: คุณเริ่มทำงานในวงการถ่ายภาพแฟชั่นมาตั้งแต่เมื่อไร
Jacques Burga: เมื่อช่วงที่ผมเรียนอยู่คณะวิศวกรรมธุรกิจที่มหาลัย Universidad del Pacifico ในประเทศเปรู ผมก็ได้สร้างสรรค์ดิจิตัลแม็กกาซีนที่แรกในเปรูภายใต้ชื่อ “Lima Social Diary” ที่ทำให้ผมได้มีโอกาสถ่ายภาพ portraits และผู้คนที่งานอีเว้นต์ต่างๆ ผมจึงได้ค้นพบว่าตัวเองหลงใหลในการถ่ายภาพ และผมอยากที่จะถ่ายทอดภาพถ่ายในมุมของนิตยสารแฟชั่น ผมจึงได้ไปเรียนต่อคณะ ถ่ายภาพแลแฟชั่นที่มหาลัย Condé Nast College ณ กุรงลอนดอน
จากนั่นผมได้ร่วมฝึกงานกับนิตยสารชื่อดังแห่งหนึ่งที่กรุงปารีสและในช่วง Haute Couture Week ในเมืองแห่งแสงสี ซึ่งทำให้ผมยิ่งรู้สึกรักวงการภาพถ่ายแฟชั่นมายิ่งขึ้นไปอีก นั่นจึงทำให้ผมมุ่งหน้าเข้ามาทำงานในวงการนี้ครับ

JB: ผมมักจะหลงใหลในงานอีเว้นต์ เพลง ลุคจากรันเวย์ และผมถ่ายทอดแรงบันดาลใจเหล่านี้โดยการนำบุคคลแบบหนึ่งมาอยู่ในโมเม้นท์อีกแบบ แต่ผมจะหาจุดกึ่งกลางที่มันพอดีกัน และป็อปคัลเจอร์ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งแหล่งแรงบันดาลใจหลักของผม ไม่ว่าจะเป็นช่วงยุคทองของ Lily Allen กับแคมเปญ “Inside Chanel” บนยูทูป หรือจะเป็นงานประกาศผลรางวัลอย่าง Oscars ที่ดารานักแสดงทุกตนต่างแต่งสวยแต่งหล่อกันมาประชันบนพรมแดงอย่างเต็มที่ ก็ทำให้ผมรู้สึกใจเต้นได้ทุกครั้งที่ผมดูสิ่งเหล่านี้เพื่อสร้างแรงบันดาลใจ HB: ในมุมมองของคุณ การแพร่ระบาดของโรค Covid-19 สร้างผลกระทบต่อวงการถ่ายภาพแฟชั่นและนิตยสารอย่างไรบ้าง
JB: ผลกระทบหลักๆ เลยก็คือการออกกองถ่ายไม่ได้ ผมจึงต้องพยายามค้นหาวิธีใหม่ๆ เพื่อจะงานสามารถขับเคลื่อนต่อไปได้ ผมอยากที่จะทำให้ภาพถ่ายแฟชั่นเหล่านี้เป็นมากกว่าแค่ถ่ายสวยงาม แต่อยากให้ภาพมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นมากยิ่งขึ้นไปอีก แต่ในขณะเดียวกันก็ยังเป็นสิ่งจรรโลงใจที่จะส่งต่อจินตนาการที่สามารถสื่อสาร และเชื่อมโยงเข้ากับชีวิตของผู้คนได้ในช่วงวิกฤติแบบนี้
HB: คุณมีวิธีการทำงานอย่างไรในช่วงกักตัว
JB: ผมใช้วิธีการถ่ายภาพผ่านออนไลน์แทนครับ ต้องกำกับนางแบบ และพยายามหามุมใหม่ๆ อาจจะต้องปรับตัวหน่อย แต่มันคือมิติใหม่ที่ผมไม่เคยคิดว่าจะสนุกมากขนาดนี้ ส่วนนอกนั้นก็คุยกับลูกค้าผ่านช่องทางออนไลน์ครับ

JB: ผมกลับรู้สึกว่ามีข้อดีเยอะกว่านะครับ เพราะเราทุกคนได้มีโอกาสใช้เวลาอยู่บ้าน ทำตามเป้าหมายให้สำเร็จ ได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์อย่างเต็มที่ ผมได้สร้างโปรเจ็กต์ใหม่ขึ้นมากับเพื่อนรัก Lucia Picasso ที่เป็น มูลนิธิประมูลเพื่อการกุศลในออนไลน์ ภายใต้ชื่อว่า “Charity Fair” ที่เป็นการจัดแสดง ผลงานศิลปะ จิวเวลรี่ แฟชั่น และ อีกมากมายจากทั่วโลก ส่วนเงินทั้งหมดนั้นจะถูกนำไปบริจาคให้กับทาง UNICEF ประเทศเปรูเพื่อช่วยเหลือผู้ยากไร้ในช่วงวิกฤติ Covid-19 นี้ โดยเริ่มตั้งแต่เดือนมิถุนายนเป็นต้นไป
พวกเรายังได้ร่วมมือกับบริษัทและดีไซเนอร์จากหลายแบรนด์อย่าง Diane Von Furstenberg (เบลเยียม), Assouline, Tata Harper, Daniela Villegas, Moi & Sass by Sassa de Osma and Moira Laporta, Maria de la Orden, Destrée, Sandra Mansour และอีกมากมาย ซึ่งโปรเจ็กต์นี้ทำให้ผมรู้สึกอิ่มอกอื่มใจมาก ต้องขอบคุณทุกคนที่ช่วยทำให้โปรเจ็กต์นี้เกิดขึ้นครับ

JB: พวกเราทุกคนต่างสร้างสรรค์ “New Normal” ในแบบของพวกเราเอง ทั้งในแง่การใช้ชีวิตและในแง่การทำงาน ผมพยายามใส่ความคิดในแง่บวกและความสุขเข้าไปในทุกภาพที่ผมถ่าย เพื่อให้ทุกคนเห็นอนาคตที่เปรียบดั่งแสงสว่างที่ปลายทาง นี่คือแนวคิดแบบ “New Normal” ในการถ่ายภาพของผม
ผมอยากจะถ่ายภาพผู้คนในวันที่พวกเขารู้สึกดูดีที่สุด ในมุมหน้าด้านโปรดพร้อมสวมชุดโปรดของเขาหรือเธอ และกล่าวว่า: “Jacques ว้าว! ภาพนี้ฉันดูเริ่ดมากเลย! คุณถ่ายภาพให้ฉันดีมาก!” ผมอยากที่จะทำให้ทุกคนรู้สึกดีเกี่ยวกับตัวเองยิ่งกว่าครั้งไหนๆ เลยครับ
HB: ในช่วงกักตัว คุณได้มีโอกาสทำงานกับคนเซเลบริตี้คนไหนบ้าง?
JB: ในช่วงล็อกดาวน์ ผมได้มีโอกาสร่วมงานกับบุคคลมากความสามารถหลายคนอย่าง นางแบบ Elliot Meeten นักแสดง Mishel Prada และนางแบบที่เป็นเพื่อนรักของผมอย่าง Chiara Sampaio นอกจากนี้ผมกำลังจะมีโปรเจ็กต์ถ่ายภาพที่น่าตื่นเต้นกับบุคคลดังอีกหนึ่งท่านที่เคยร่วมงานกับ Madonna มาแล้ว แต่ตอนนี้ขอยังไม่เผยชื่อนะครับ ส่วนอีกท่านคือนักดนตรีชาวฝรั่งเศสชื่อดังที่ผมเคยเจอกับเธอเต้นอยู่กับ Karl Lagerfeld เมื่อตอนที่ไปอีเว้นต์งานหนึ่งที่คิวบาเมื่อปี 2016
HB: คุณคิดว่าวงการถ่ายภาพแฟชั่นจะเป็นอย่างไรหหลังจากที่ล็อกดาวน์ทั้งหมดถูกผ่อนปรน?
JB: ผมเชื่อว่าทุกคนคงอยากจะจะออกมาใช้วิถีชีวิตแบบใหม่กันเต็มทีแล้ว แต่ในขณะเดียวกันทุกคนก็คนได้มีการตระเตรียมที่จะมาสร้างสรรค์ผลงานและไอเดียบรรเจิดใหม่ๆ ผมอยากที่จะเห็นแล้วว่าใครจะปล่อยของแบบไหนมาประชันกันบ้าง
HB: ดิจิตัลแพล็ตฟอร์มมีส่วนช่วยในด้านอาชีพของคุณอย่างไรบ้าง?
JB: โลกของดิจิตัลนับว่าเป็นตัวช่วยหลักของหลากหลายธุรกิจในยุคนี้ ในอาชีพของผมก็เช่นกันครับ เพราะนอกจากที่ผมจะามารถโชว์ผลงานของผมได้อย่างเต็มที่แล้ว ผมก็ยังได้ร่วมสร้างคอมมิวนิตี้ ได้พบปะผู้คนผ่านอินสตาแกรม และยังใช้มันเป็นตัวกลางเพื่อติดต่อ ลูกค้า เหล่าคนดัง เพื่อนฝูงและแม้แต่พบเจอเพื่อนใหม่ที่ชื่นชอบอะไรคล้ายๆ กันได้อีกด้วย

JB: การสร้างสรรค์ผลงานด้วยแพสชั่นและความตั้งใจถือว่าเป็นหัวใจสำคัญมาก หนึ่งในมิวส์ของผมอย่าง Gabrielle Chanel เคยกล่าวไว้ว่า “ไม่มีอะไรมาแทนที่ผลงานได้ ไม่ว่าจะเป็นหัวโขน เอกลักษณ์ หรือโชคลาภ” นี่แหละคือคำแนะนำจากผม