เป็นที่รู้กันว่า เสือ ม้าลาย ยีราฟ และจระเข้ คือสัตว์สี่ชนิดที่บ่งบอกคาแรกเตอร์ของสรรพสัตว์แห่ง คาร์เทียร์ (Cartier) ได้เป็นอย่างดี โดยทั้งหมดนี้อยู่ใต้อาณัติของสัตว์ที่เป็นดั่งสัญลักษณ์สูงสุดของเมซงคาร์เทียร์ ซึ่งก็คือเสือแพนเตอร์นั่นเอง และล่าสุด คาร์เทียร์ก็ได้เผยโฉมจิตวิญญาณของเหล่าสรรพสัตว์แห่งพงไพรอันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์อีกครั้ง ผ่านคอลเลกชั่นเครื่องประดับและเรือนเวลาที่มีชื่อว่า แองดอมตาบล์ เดอ คาร์เทียร์ (Indomptables de Cartier) ซึ่งนับเป็นหนึ่งในคอลเลกชั่นสุดตระการตาที่ผนวกรวมทั้งเทคนิคชั้นสูง งานหัตถศิลป์อันวิจิตร และความคิดสร้างสรรค์ของการรังสรรค์เครื่องประดับและนาฬิกาเข้าด้วยกัน


กำไลข้อมือทั้งหมดห้าแบบ มีให้เลือกทั้งแบบไวท์โกลด์ฝังเพชรหรือเยลโลโกลด์ล้วน สำหรับดีไซน์ไวท์โกลด์ประดับเพชรนั้น เสือจะเผชิญหน้ากับยีราฟ และจระเข้จะจ้องตากับม้าลาย ส่วนแบบเยลโลโกลด์ ม้าลายจะถูกจับคู่กับเสือแพนเตอร์หรือจระเข้ และเสือจะคู่กับยีราฟ

นอกจากนี้ ยังมีสร้อยคอชิ้นใหญ่ที่สามารถสวมใส่เป็นโชคเกอร์ซึ่งมีให้เลือกสองดีไซน์ แบบแรกคือสร้อยคอเยลโลโกลด์ที่มาพร้อมการประจันหน้าระหว่างม้าลายและเสือแพนเตอร์โดยสลับลายสีดำอันเป็นเอกลักษณ์ของกันและกัน และแบบฝังเพชรทั่วตัวเรือนที่นำยีราฟและเสือมาเผชิญหน้ากัน นอกจากนั้นยังมีเรือนเวลาอีกสามแบบที่มาพร้อมหน้าปัดฝังเพชรแบบลายจุดหนังชากรีน (Shagreen) ประดับบาร์สองข้าง ด้านหนึ่งเป็นเสือแพนเตอร์ และอีกด้านหนึ่งถูกประดับด้วยจระเข้ ม้าลาย หรือเสือ โดยส่วนหัวสัตว์ทั้งสามแบบสามารถถอดออกเพื่อสวมใส่บนข้อมือได้ด้วยกลไก Clasp System เทคนิคใหม่ล่าสุดจากคาร์เทียร์ที่อำพรางสลักของนาฬิกาไว้อย่างแยบยล




หนึ่งในนั้นคือวิธีการฝังเพชรแบบ Shagreen Setting ซึ่งเป็นเทคนิคที่ถูกเลือกใช้ในการแต่งแต้มลายให้กับเหล่าสัตว์ประจำคอลเลกชั่นนี้ โดยเป็นวิธีการฝังที่สามารถทำให้อัญมณียิ่งทวีความเปล่งประกายระยิบระยับ หรือจะเป็นการฝังเพชรแบบ Illusion Setting บนกำไลข้อมือจระเข้ที่ใช้วิธีการหักเหเหลี่ยมมุมของเนื้อทองเพื่อสร้างภาพลวงตาบริเวณที่ทองกับเพชรผสานกัน และสุดท้ายคือวิธีการฝังอัญมณีแบบ Fur Setting ซึ่งเป็นรูปแบบการฝังอัญมณีเฉพาะตัวของเมซงคาร์เทียร์สำหรับสัตว์แต่ละชนิด โดยการล้อมอัญมณีแต่ละเม็ดด้วยกรอบทองขนาดจิ๋วกดเป็นลายเรียงรายกัน เพื่อให้อัญมณีแต่ละเม็ดดูราวกับขนเฟอร์เสมือนจริง


ที่ผ่านมา คาร์เทียร์ได้นำบรรดาสัตว์นานาชนิดมาเผชิญหน้ากันอยู่หลายครั้ง โดยดีไซน์ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากยุคโบราณนี้ ได้ถูกเมซงคาร์เทียร์นำมาใช้และได้รับความนิยมภายในเวลาอันรวดเร็วในช่วงปี 1930 และหลังจาก 2 ทศวรรษผ่านไป ฌาน ตูแซงท์ (Jeanne Toussaint) ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ของคาร์เทียร์ในสมัยนั้นก็ได้ฟื้นคืนชีวิตให้ชิ้นงานนี้อีกครั้ง เธอได้ปลุกพลังแห่งการสร้างสรรค์เครื่องประดับให้สมจริงที่สุดและได้ท้าทายเหล่านักออกแบบและช่างฝีมือให้ระดมกำลังในการตีความสรรพสัตว์แห่งพงไพรให้สมจริงยิ่งกว่าที่เคย โดยมีเสือแพนเตอร์เป็นที่สุดแห่งสัญลักษณ์
คำว่า “ตูแซงท์เทสท์ (Toussaint Taste)” หรือรสนิยมตูแซงท์ ซึ่งเป็นคำจากปากของตูแซงท์เอง อันแปลได้ว่า รสนิยมอย่างล้ำลึก (Taste for Depth) ด้วยความหลงใหลอันแรงกล้าที่เธอมีต่องานประติมากรรมและสถาปัตยกรรม เธอจึงให้ความสำคัญกับการเน้นขนาดและมิติต่างๆ ให้โดดเด่น และกำไลข้อมือแบบสองหัวชิ้นนี้ก็นับเป็นตัวอย่างชั้นดีของแนวคิดดังกล่าว
ในทศวรรษที่ 1950 และ 1960 กำไลข้อมือสไตล์ Tête-à-Tête ที่มีสัตว์หลากชนิดและเสือแพนเตอร์ที่เผชิญหน้ากันนี้กลับมาเป็นที่นิยมอีกครั้ง เพราะบรรดากลุ่มคนผู้มากด้วยสไตล์ประจำยุคนำกลับมาสวมใส่ หลังจากนั้นในช่วงทศวรรษที่ 1980 และ 1990 คาร์เทียร์จึงได้ขยายอาณาเขตให้เหล่าสัตว์ป่าอื่น เช่น ม้าลายและยีราฟ ให้มาโลดแล่นอยู่บนกำไลข้อมือ โดยนำเสนอผ่านชิ้นงานตัวเรือนทองคำพร้อมเคลือบแลกเกอร์สีดำมันวาว แน่นอนว่าด้วยดีไซน์ที่เผยมิติใหม่ของสัตว์แห่งพงไพรเหล่านี้ยิ่งทวีความทรงพลังให้เครื่องประดับจากคาร์เทียร์แข็งแกร่งและโดดเด่นกว่าที่เคย
สามารถติดตามข่าวสารของ คาร์เทียร์ ได้ทาง Line Official: @CartierTH หรือ Website: www.cartier.com/th-th

Indomptables de Cartier ความสง่างามและความคิดสร้างสรรค์แห่งพงไพรภายใต้อาณาจักรคาร์เทียร์
สำหรับคอลเลกชั่น Indomptables de Cartier เมซงได้สะท้อนให้เราเห็นถึงพลังแห่งการสร้างสรรค์ที่ไร้ขีดจำกัด ภายใต้ผลลัพธ์ของเครื่องประดับที่ประยุกต์ใส่ได้หลากหลายโอกาส รวมถึงชิ้นงานเรียบโก้ทรงกราฟิกที่มาพร้อมคาแรกเตอร์อย่างเด่นชัด อาทิ กำไลข้อมือ นาฬิกา และสร้อยคอชิ้นใหญ่ที่แลดูทรงพลัง โดยมีโครงสร้างโดดเด่นไล่เรียงตั้งแต่หูถึงสันกราม ดวงตาและจมูกของสัตว์แต่ละชนิด นับเป็นความงามที่ขมวดเส้นสายเข้าด้วยกันอย่างลงตัว คอลเลกชั่นแสนวิจิตรนี้ถูกเนรมิตโดยสตูดิโอสร้างสรรค์เครื่องประดับและเรือนเวลาของคาร์เทียร์ให้มีคาแรคเตอร์ที่เหนือจินตนาการ เพื่อขับเน้นทุกมิติของทุกรายละเอียด ประกอบด้วยสิบชิ้นงานตระการตาที่ล้วนโอบอุ้มทุกความโดนเด่นอันเป็นอัตลักษณ์ของเมซง




ความท้าทายแห่งหัตถศิลป์ในงานสร้างสรรค์จิตวิญญาณของสรรพสัตว์
ความริเริ่มสร้างสรรค์ ความน่าอัศจรรย์ใจ และลูกเล่นอันน่าทึ่ง ล้วนเป็นบริบทของเครื่องประดับคอลเลกชั่น Indomptables de Cartier ซึ่งเป็นชิ้นงานที่กินเวลาชั่วโมงแล้วชั่วโมงเล่าในดีไซน์สตูดิโอของคาร์เทียร์ เสาะแสวงหาวิธีการใหม่ๆ ให้กับการประดับหินออนิกซ์ลงบนตัวยีราฟหรือจมูกของเสือแพนเตอร์เฉกเช่นเดียวกับหลากหลายเทคนิควิธีการฝังเพชรที่คาร์เทียร์ได้ค้นคว้าทุกความเป็นไปได้เพื่อรังสรรค์ผลงานออกมาให้งดงามเหนือความคาดหมาย

แต็ทอาแต็ท (Tête-à-Tête) แนวคิดอันเป็นหัวใจของคาร์เทียร์
“ด้วยรูปทรง สีสัน โครงสร้าง และ ผลลัพธ์แห่งมิติผนวกการสรรสร้างสไตล์กำไลข้อมือแต็ทอาแต็ท (Tête-à-Tête) คอลเลกชั่นนี้จึงเผยมิติที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนกับหมู่สรรพสัตว์แห่งคาร์เทียร์และขุมพลังทางสัญลักษณ์ เครื่องประดับรูปสัตว์มีสมรรถภาพอย่างยิ่งในการสะท้อนบุคลิกของผู้สวมใส่ เฉกเช่นเดียวกับห้วงอารมณ์ความรู้สึก ทัศนคติ และปัจเจกลักษณะต่างๆ ของพวกเขา นับเป็นโอกาสที่ดีในการสื่อสารตัวตนที่แท้จริงออกมา” ปิแอร์ ไรเนโร (Pierre Rainero) ผู้อำนวยการฝ่ายภาพลักษณ์, สไตล์ และเฮอริเทจ ของคาร์เทียร์
คำว่า “ตูแซงท์เทสท์ (Toussaint Taste)” หรือรสนิยมตูแซงท์ ซึ่งเป็นคำจากปากของตูแซงท์เอง อันแปลได้ว่า รสนิยมอย่างล้ำลึก (Taste for Depth) ด้วยความหลงใหลอันแรงกล้าที่เธอมีต่องานประติมากรรมและสถาปัตยกรรม เธอจึงให้ความสำคัญกับการเน้นขนาดและมิติต่างๆ ให้โดดเด่น และกำไลข้อมือแบบสองหัวชิ้นนี้ก็นับเป็นตัวอย่างชั้นดีของแนวคิดดังกล่าว

สามารถติดตามข่าวสารของ คาร์เทียร์ ได้ทาง Line Official: @CartierTH หรือ Website: www.cartier.com/th-th