ลายกระเป๋าสุดคลาสิก Dior Oblique ถูกนำมาร้อยเรียงใหม่บนกระเป๋า Dior Book Tote

ลวดลาย Dior Oblique ออกแบบโดย มาร์ค โบออง ในปี ค.ศ. 1967
หลังจากมีโอกาสเข้าไปค้นคว้าในคลังผลงานและข้อมูลของ คริสติยอง ดิออร์ (Christian Dior) มาเรีย กราเซีย คิอุรี ครีเอทีฟได-เร็กเตอร์ก็ได้ไอเดียในการสร้างสรรค์กระเป๋าใบใหม่ให้กับดิอออร์ โดยนำเอาแรงบันดาลใจจากลายกราฟิกผ้าแคนวาสซึ่งออกแบบโดยมาร์ค โบอองในปี ค.ศ.1967 มาใช้ในการออกแบบกระเป๋าสุดเก๋ที่สามารถใช้ได้ทุกวันในแบบแคชวลสไตล์ Dior Book Tote โดดเด่นด้วยการปักลวดลายซึ่งใช้ช่างฝีมือที่ครอบครัวบรรพบุรุษเชี่ยวชาญในการนี้ส่งต่อทักษะและความเชี่ยวชาญจากรุ่นสู่รุ่นในแคว้นออมบรี ประเทศอิตาลี หรือที่รู้จักกันในนาม ‘หัวใจสีเขียวแห่งอิตาลี’ โดยกระเป๋าแต่ละใบนั้นทำด้วยมือและต้องใช้เวลากว่า 37 ชั่วโมงกว่าจะเสร็จสมบูรณ์ และฝีปักกว่าหนึ่งล้านห้าแสนจุดเลยทีเดียว
หลังจากที่ได้ปักพื้นหลังสีเทาทั้งหมดแล้วโดยจักรเย็บภายใต้สายตาการทำงานอย่างละเอียดประณีตของช่างปักที่มากไปด้วยประสบการณ์ ตามมาด้วยการสร้างแพตเทิร์นสีเบจและตัวอักษรสีน้ำเงินเข้มของคำว่า Dior ก็ค่อยๆ ปรากฏขึ้น โดยในการปักลวดลาย Dior Oblique จะใช้ด้ายถึงสามสีเพื่อสร้างมิติในการมองเห็นที่เด่นชัดมากขึ้น เช่นเดียวกันกับด้านหลัง กับการปักลวดลายคำว่า Christian Dior Paris โดยใช้ด้ายสีน้ำเงินเข้มซึ่งใช้เวลาถึง 4  ชั่วโมงเลยทีเดียว

ด้ายส่วนที่เหลือจากการปักจะถูกตัดด้วยเลเซอร์และขอบจะถูกเย็บด้วยจักรเย็บเพื่อให้ได้ความแม่นยำและความแข็งแรงสูงสุด กระเป๋า Dior Book Tote นี้จะมีส่วนประกอบ 5 ส่วนด้วยกัน ซึ่งหลักจากแต่ละส่วนปักลวดลายเรียบร้อยแล้ว เมื่อตรวจดูคุณภาพเรียบร้อยแล้วทั้ง 5 ส่วนนี้ก็จะถูกส่งไปประกอบเป็นตัวกระเป๋าที่เฮาส์เครื่องหนังของ แบรนด์ดิออร์ ซึ่งตั้งอยู่ที่เมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี

ช่างจะเริ่มจาการประกอบส่วนหูหิ้วทั้งสองกับส่วนหน้าและส่วนหลังของกระเป๋าด้วยการเย็บมืออันแน่นหนา ความยาวของหูหิ้วกระเป๋าสามารถใช้ได้ทั้งแบบถือหรือสะพายคล้องไหล่ และด้วยรูปทรงโค้งมนของหูหิ้วนั้นทำให้รู้สึกนุ่มสายไม่ว่าจะถือหรือสะพาย เอกลักษณ์ของกระเป๋าอย่างคำว่า Christian Dior Paris, Made In Italy นั้นปักด้วยริบบิ้นสีทองลายนูนบนหนังอยู่ด้านในโดยจักรเย็บ จากนั้นช่างก็จะประกอบชิ้นส่วนด้านข้างและด้านข้างของกระเป๋าต่อไป

กระเป๋าใบนี้นำเสนอครั้งแรกในโชว์คอลเลกชั่นฤดูใบไม้ 2018 โดยนางแบบบนรันเวย์ระดับท็อปอย่าง Sasha Pivovarova ซึ่งเดินเปิดโชว์ และยังปรากฏต่อมาในคอลเลกชั่นฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาว 2018-19 อีกด้วย เพราะคือคือกระเป๋า Must Have ใบใหม่ในโลกแฟชั่นจาก Christian Dior
เริ่มต้นจากภาพสเก็ตช์ที่ มาเรีย กราเซีย คิอูรี ได้แรงบันดาลใจมาจากคลังผลงานและเอกสารของ Dior ผ้าแคนวาสลาย Dior Oblique ซึ่งออกแบบโดย มาร์ค โบออง ในปี ค.ศ.1967 จึงนำมาใช้ในการออกแบบกระเป๋า Dior Book Tote ลาย Dior Oblique ใบนี้
หลังจากที่ได้ปักพื้นหลังสีเทาทั้งหมดแล้ว ตามมาด้วยการสร้างแพตเทิร์นสีเบจและตัวอักษรสีน้ำเงินเข้มของคำว่า Dior ก็ค่อยๆ ปรากฏขึ้น
ในขณะกำลังปักผ้าแคนวาส Dior Oblique ช่างฝีมือก็เริ่มปักลายซ้อนลายให้เป็นลายเดียวเพื่อเน้นลายปักท้ังด้านข้างด้านหน้า และด้านหลังของผ้า
การปักลวดลาย Dior Oblique จะใช้ด้ายถึงสามสีเพื่อสร้างมิติในการมองเห็นที่เด่นชัดมากขึ้น เช่นเดียวกันกับด้านหลัง กับการปักลวดลายคำว่า Christian Dior Paris โดยใช้ด้ายสีน้ำเงินเข้มซึ่งใช้เวลาถึง 4 ชั่วโมงเลยทีเดียว
กระเป๋า Dior Book Tote เพียงหน่ึงใบ ใช้เวลาในการทำมากกว่า 37 ชั่ว โมง และมีการปักมากกว่า 1,500,000 จุด กระเป๋า Dior Book Tote นี้จะมีส่วนประกอบ 5 ส่วนด้วยกัน ซึ่งหลักจากแต่ละส่วนปักลวดลายเรียบร้อยแล้ว ทั้ง 5 ส่วนนี้ก็จะถูกส่งไปประกอบเป็นตัวกระเป๋าที่เฮาส์เครื่องหนังของแบรนด์ดิออร์ ซึ่งตั้งอยู่ที่เมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี
ช่างจะเริ่มจาการประกอบส่วนหูหิ้วทั้งสองกับส่วนหน้าและส่วนหลังของกระเป๋าด้วยการเย็บมืออันแน่นหนา ความยาวของหูหิ้วกระเป๋าสามารถใช้ได้ทั้งแบบถือหรือสะพายคล้องไหล่
เอกลักษณ์ของกระเป๋าอย่างคำว่า Christian Dior Paris, Made In Italy นั้นปักด้วยริบบิ้นสีทองลายนูนบนหนังอยู่ด้านในโดยจักรเย็บ จากนั้นช่างก็จะประกอบชิ้นส่วนด้านข้างและด้านข้างของกระเป๋าต่อไป 

TAG

Related Stories

Van Cleef & Arpels : Time, Nature, Love พาชมความงามของเครื่องประดับชั้นสูงผ่านนิทรรศการที่ถักทอไว้ด้วยเรื่องราวแห่งเวลา ธรรมชาติ และรัก
สร้อยทองคำขาวประดับอัญมณีรวม 964 เม็ด รังสรรค์ผ่านระยะเวลากว่า 450 ชั่วโมง
ปีใหม่นี้เตรียมฟังอัลบั้มเต็มชุดใหม่จากผู้ชายคนนี้ได้เลย
กระเป๋าจากวัสดุเดนิม ที่ผสมผสานความคลาสสิคเข้ากับความร่วมสมัยได้อย่างลงตัว
เดินทางสำรวจการสร้างสรรค์ผลงานของ Hermès กับงานฝีมือสุดประณีตที่ได้ถ่ายทอดผ่านเรื่องราวอันยาวนาน
สยามพารากอน ตอกย้ำความเป็นที่หนึ่งของ LUXURY DESTINATION
และถ้าถามว่าซอฟต์เพาเวอร์ของไทยคืออะไร คำตอบว่า Lisa ก็คงไม่ผิดเช่นกัน

Most Viewed

สร้อยทองคำขาวประดับอัญมณีรวม 964 เม็ด รังสรรค์ผ่านระยะเวลากว่า 450 ชั่วโมง
พร้อมทอดพระเนตรนิทรรศการทรงคุณค่า ประวัติศาสตร์ขององค์กรหกแผ่นดินยึดมั่นการทำธุรกิจที่เป็นมิตรต่อประชาสังคม
สร้อยทองคำขาวประดับอัญมณีรวม 964 เม็ด รังสรรค์ผ่านระยะเวลากว่า 450 ชั่วโมง
พร้อมทอดพระเนตรนิทรรศการทรงคุณค่า ประวัติศาสตร์ขององค์กรหกแผ่นดินยึดมั่นการทำธุรกิจที่เป็นมิตรต่อประชาสังคม

MORE FROM

Van Cleef & Arpels : Time, Nature, Love พาชมความงามของเครื่องประดับชั้นสูงผ่านนิทรรศการที่ถักทอไว้ด้วยเรื่องราวแห่งเวลา ธรรมชาติ และรัก
สร้อยทองคำขาวประดับอัญมณีรวม 964 เม็ด รังสรรค์ผ่านระยะเวลากว่า 450 ชั่วโมง

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว