ช่างจะเริ่มจาการประกอบส่วนหูหิ้วทั้งสองกับส่วนหน้าและส่วนหลังของกระเป๋าด้วยการเย็บมืออันแน่นหนา ความยาวของหูหิ้วกระเป๋าสามารถใช้ได้ทั้งแบบถือหรือสะพายคล้องไหล่ และด้วยรูปทรงโค้งมนของหูหิ้วนั้นทำให้รู้สึกนุ่มสายไม่ว่าจะถือหรือสะพาย เอกลักษณ์ของกระเป๋าอย่างคำว่า Christian Dior Paris, Made In Italy นั้นปักด้วยริบบิ้นสีทองลายนูนบนหนังอยู่ด้านในโดยจักรเย็บ จากนั้นช่างก็จะประกอบชิ้นส่วนด้านข้างและด้านข้างของกระเป๋าต่อไป
กระเป๋าใบนี้นำเสนอครั้งแรกในโชว์คอลเลกชั่นฤดูใบไม้ 2018 โดยนางแบบบนรันเวย์ระดับท็อปอย่าง Sasha Pivovarova ซึ่งเดินเปิดโชว์ และยังปรากฏต่อมาในคอลเลกชั่นฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาว 2018-19 อีกด้วย เพราะคือคือกระเป๋า Must Have ใบใหม่ในโลกแฟชั่นจาก Christian Dior
เริ่มต้นจากภาพสเก็ตช์ที่ มาเรีย กราเซีย คิอูรี ได้แรงบันดาลใจมาจากคลังผลงานและเอกสารของ Dior ผ้าแคนวาสลาย Dior Oblique ซึ่งออกแบบโดย มาร์ค โบออง ในปี ค.ศ.1967 จึงนำมาใช้ในการออกแบบกระเป๋า Dior Book Tote ลาย Dior Oblique ใบนี้
หลังจากที่ได้ปักพื้นหลังสีเทาทั้งหมดแล้ว ตามมาด้วยการสร้างแพตเทิร์นสีเบจและตัวอักษรสีน้ำเงินเข้มของคำว่า Dior ก็ค่อยๆ ปรากฏขึ้น
ในขณะกำลังปักผ้าแคนวาส Dior Oblique ช่างฝีมือก็เริ่มปักลายซ้อนลายให้เป็นลายเดียวเพื่อเน้นลายปักท้ังด้านข้างด้านหน้า และด้านหลังของผ้า
การปักลวดลาย Dior Oblique จะใช้ด้ายถึงสามสีเพื่อสร้างมิติในการมองเห็นที่เด่นชัดมากขึ้น เช่นเดียวกันกับด้านหลัง กับการปักลวดลายคำว่า Christian Dior Paris โดยใช้ด้ายสีน้ำเงินเข้มซึ่งใช้เวลาถึง 4 ชั่วโมงเลยทีเดียว
กระเป๋า Dior Book Tote เพียงหน่ึงใบ ใช้เวลาในการทำมากกว่า 37 ชั่ว โมง และมีการปักมากกว่า 1,500,000 จุด
กระเป๋า Dior Book Tote นี้จะมีส่วนประกอบ 5 ส่วนด้วยกัน ซึ่งหลักจากแต่ละส่วนปักลวดลายเรียบร้อยแล้ว ทั้ง 5 ส่วนนี้ก็จะถูกส่งไปประกอบเป็นตัวกระเป๋าที่เฮาส์เครื่องหนังของแบรนด์ดิออร์ ซึ่งตั้งอยู่ที่เมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี
ช่างจะเริ่มจาการประกอบส่วนหูหิ้วทั้งสองกับส่วนหน้าและส่วนหลังของกระเป๋าด้วยการเย็บมืออันแน่นหนา ความยาวของหูหิ้วกระเป๋าสามารถใช้ได้ทั้งแบบถือหรือสะพายคล้องไหล่
เอกลักษณ์ของกระเป๋าอย่างคำว่า Christian Dior Paris, Made In Italy นั้นปักด้วยริบบิ้นสีทองลายนูนบนหนังอยู่ด้านในโดยจักรเย็บ จากนั้นช่างก็จะประกอบชิ้นส่วนด้านข้างและด้านข้างของกระเป๋าต่อไป