รู้จักกับ Clare Waight Keller ดีไซเนอร์หญิงแกร่งที่พึ่งอำลาตำแหน่งจากแบรนด์ Givenchy

ด้วยประวัติผลงานอันน่าทึ่ง ที่ทำให้วงการแฟชั่นต้องจับตามองถึงก้าวต่อไปของเธอ
หากจะพูดถึงบรรดาดีไซเนอร์หญิงที่สร้างปรากฏการณ์แก่โลกแฟชั่น หนึ่งในรายชื่อนั้นต้องมี Clare Waight Keller ปรากฏอยู่บนอันดับต้นๆอย่างแน่นอน เพราะไม่เพียงแต่ประวัติการทำงานอันน่าทึ่งที่เธอเคยได้ร่วมงานกับแบรนด์ใหญ่อย่าง Calvin Klein, Ralph Lauren, Gucci และ Chloé จนเมื่อล่าสุดได้ประกาศยุติสัญญาจากตำแหน่งอาร์ทิสติกไดเร็กเตอร์ของเฮ้าส์แก่แก่อย่าง Givenchy จากที่ร่วมงานเป็นระยะเวลาเพียง 3 ปี แต่ก็ไม่ต้องห่วงว่าดีไซเนอร์คนนี้จะหายไปไหน เพราะเธอทิ้งคำใบ้ถึงก้าวต่อไปลงในอินสตาแกรมส่วนตัว ซึ่งในระหว่างที่จับตารอความเคลื่อนไหวของดีไซเนอร์สาวคนนี้ บาซาร์ได้รวบรวมประวัติผลงานและโมเม้นต์อันน่าจดจำของเธอมาให้อ่านไปพรางๆ
แคลร์ เวท เคลเลอร์ เกิดเมื่อ 19 สิงหาคม ปี 1970 ที่เมืองเบอร์มิ่งแฮม ประเทศอังกฤษ โดยจบการศึกษาจาก Ravensbourne College of Art และได้ศึกษาต่อปริญญาโททางด้านแฟชั่นนิตแวร์ที่ Royal College of Art ด้วยความเก่งกล้าสามารถจึงทำให้ผลงานของเธอนั้นได้ไปสะดุดตาแก่แบรนด์อเมริกันอย่าง Calvin Klein (ซึ่งเป็นที่โด่งดังอย่างมากในยุค 90s) จนทำให้เธอได้ร่วมงานกับแบรนด์ในปี 1993 โดยเริ่มต้นในฐานะดีไซเนอร์ให้กับแบรนด์ลูกอย่าง CK Calvin Klein ก่อนเลื่อนมาเป็นดีไซเนอร์ให้กับไลน์เสื้อผ้าผู้หญิงอย่างเต็มตัว จนเมื่อ 4 ปีถัดมาเธอย้ายไป Ralph Lauren ในฐานะดีไซน์ไดเร็กเตอร์ฝั่งเมนส์แวร์ให้กับไลน์ Purple Label แต่ความก้าวหน้าบนสายอาชีพของเธอไม่ได้หยุดอยู่เพียงเท่านั้น เพราะเมื่อปี 2000 ในช่วงที่ Tom Ford เป็นหัวเรือใหญ่ให้กับ Gucci ได้เชื้อเชิญแคลร์มาร่วมในตำแหน่งซีเนียร์ดีไซเนอร์ประกบกับ Christopher Bailey และ Francisco Costa
เมื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์อย่างเต็มเปี่ยมเธอได้ก้าวสู่การเป็นครีเอทีฟไดเร็กเตอร์ครั้งแรกให้กับแบรนด์ Pringle of Scotland ในปี 2005 เธอได้ฟื้นฟูแบรนด์เก่าแก่ที่มีชื่อเสียงโด่งดังทางด้านนิตแวร์ตั้งแต่ปี 1815 ให้กลับมาเป็นจุดสนใจในวงการแฟชั่นอีกครั้ง จนเมื่อปี 2011 แคลร์ก็ได้ร่วมจอยกับ Chloé ในฐานะครีเอทีฟไดเร็กเตอร์ ที่นอกจากนำสไตล์เฟมินีนผสมเข้ากับโบฮีเมียนได้ลงตัว เธอยังได้ร่วมสร้างปรากฏการณ์ It Bag ไม่ว่าจะเป็นทั้งรุ่น Nile และ Drew ที่ในยุคหนึ่งเหล่าแฟชั่นนิสต้าต้องมีไว้ในครอบครอง
จนบทบาทครั้งสำคัญของเธอได้เริ่มขึ้นในเดือนมีนาคมปี 2017 เมื่อได้กุมบังเหียนให้กับเฮ้าส์ระดับตำนานอย่าง Givenchy ในฐานะอาร์ทิสติกไดเร็กเตอร์ที่ควบคุมดูแลทั้งฝั่งผู้หญิงและผู้ชาย เครื่องประดับ รวมไปถึงโอต์ กูตูร์ ซึ่งในคอลเลกชั่นแรก Spring/Summer 2018 แม้เสียงตอบรับจะไม่ดีเท่าที่ควร มีหลายคนเปรียบเทียบกับผลงานเชิงสมัยใหม่ของดีไซเนอร์คนก่อน Riccardo Tisci แต่ในต่อมาเธอได้พิสูจน์ให้เห็นผ่านทุกกระบวนการสร้างสรรค์ ภายใต้งานดีไซน์ที่นำเอาดีเอ็นเอของแบรนด์ในยุคก่อนมาผสมเข้ากับเฟนิมีนได้อย่างกลมกล่อม
ซึ่งเธอได้แสดงถึงศักยภาพที่แท้จริงเมื่อเริ่มทำคอลเลกชั่นโอต์ กูตูร์ หวนคืนภาพความสวยงามหรูหราราวกับผลงานที่ Hubert De Givenchy เคยได้ริเริ่มไว้ ไม่ว่าจะเป็นการเอาชิ้นงานอันน่าจดจำของแบรนด์กลับมาเล่าใหม่ อย่างในคอลเลกชั่น Haute Couture Fall/Winter 2018 ได้นำลุคสุดไอคอนิกที่มิสเตอร์จีวองชี่ได้ออกแบบให้กับนักแสดงชื่อดัง Audrey Hepburn อย่างชุด  Little Black Dress จากภาพยนตร์เรื่อง Breakfast at Tiffany’s หรือลุคเคปตัวยาวสีชมพูจากภาพยนตร์เรื่อง Funny Face
และอีกหนึ่งโมเม้นต์อันน่าจดจำ เมื่อเธอได้รับเลือกเป็นดีไซเนอร์เพื่อออกแบบชุดแต่งงานให้กับ Meghan Markle ในพระราชพิธีเสกสมรส โดยเธอได้ครีเอทชุดแต่งงานสไตล์มินิมอล ในเดรสปาดไหล่บนผ้าไหมเนื้อแวววาว ที่มองแล้วคลาสสิค สง่างามและทรงคุณค่า ซึ่งทำให้หลังจากนั้นความสัมพันธ์ของเธอกับเมแกนนั้นแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ถึงขนาดที่เมแกนขึ้นเวทีเพื่อมอบรางวัล British Designer of the Year สาขา Womenswear ให้ในปี 2018 นอกจากนั้นเธอยังรังสรรค์ชุดให้เซเลบริตี้ชั้นนำ อาทิ Lady Gaga, Cate Blanchett, Rihanna และอีกมากมาย ซึ่งคล้ายคลึงกับสิ่งที่มิสเตอร์จีวองซี่ได้ทำขณะยังมีชีวิต
อย่างไรก็ตามความสัมพันธ์ระหว่าง Givenchy ก็ได้สิ้นสุดลงเมื่อแบรนด์ประกาศยุติสัญญากับดีไซเนอร์สาวคนนี้ โดยคอลเลกชั่น Fall/Winter 2020 ที่พึ่งผ่านมาเมื่อเดือนมีนาคม จะเป็นผลงานครั้งสุดท้ายที่เธอได้ฝากไว้
View this post on Instagram

From the heart ♥️ After three truly wonderful years, the time has come to close my chapter at Givenchy. As the first woman to be the Artistic Director of this legendary Maison, I feel honoured to have been given the opportunity to cherish its legacy and bring it new life. Focusing on a world based on Haute Couture has been one of the highlights of my professional journey. I have shared so many incredible moments with the brilliant Givenchy ateliers and design teams : your exceptional talent and dedication will forever remain in my memories. My heartfelt thanks go out to each of the unsung heroes and heroines behind the scenes, for their contribution from product to communications and retail, and every global team member, partner and supplier in between. Without all of you, I could not have brought my vision for Givenchy to life in such a beautiful way. I am now looking forward to embarking on the next episode. Love and creativity remain central to what I do, and who I am, as does a heartfelt belief in kindness, and the courage to be true to your art. See you soon, and most importantly, stay safe ❤️ Love, Clare

A post shared by Clare Waight Keller (@clarewaightkeller) on

แต่ทว่า…ทีท่าของแคลร์นั้นดูเหมือนไม่จางหายไป เพราะได้ทิ้งท้ายคำใบ้ลงในอินสตาแกรมส่วนตัวของเธอว่า

“ในตอนนี้ฉันกำลังเตรียมตัวกับการก้าวขึ้นไปสู่อีกขั้น ความรักและความสร้างสรรค์จะยังอยู่ในสิ่งที่ฉันทำและสิ่งที่ฉันเป็น เหมือนกับการยึดมั่นในคุณงามความดี พร้อมกับความกล้าที่จะซื่อสัตย์ต่องานศิลปะของตนเอง

พบกันเร็วๆนี้ และที่สำคัญขอให้ปลอดภัย”

เมื่อได้ทราบเช่นนี้ก็คงต้องรอลุ้นกันต่อไปว่าบังเหียนอันใหม่ของเธอนั้นจะไปปรากฏอยู่ที่ใด

TAG

Related Stories

Personal Layered ธีมหลักของเสื้อผ้าและแฟชั่นไอเท็มในคอลเลกชั่น Spring/Summer 2024
พร้อมด้วยเหล่าเซเลบริตี้มากมาย ที่มาร่วมงานเปิดไฟต้นคริสต์มาส ณ ลาน พาร์ค พารากอน
เมื่อ Balenciaga city bag ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นกระเป๋าที่มีทุกบ้านกำลังจะกลับมา
Van Cleef & Arpels : Time, Nature, Love พาชมความงามของเครื่องประดับชั้นสูงผ่านนิทรรศการที่ถักทอไว้ด้วยเรื่องราวแห่งเวลา ธรรมชาติ และรัก
สร้อยทองคำขาวประดับอัญมณีรวม 964 เม็ด รังสรรค์ผ่านระยะเวลากว่า 450 ชั่วโมง

Most Viewed

สร้อยทองคำขาวประดับอัญมณีรวม 964 เม็ด รังสรรค์ผ่านระยะเวลากว่า 450 ชั่วโมง
จิตวิญญาณของดินแดนอินโดจีนผ่านผู้คน ชุมชน อาหาร และโบราณสถานอันงดงาม ผ่านการเชื่อมโยงของสองรีสอร์ทหรู Amantaka หลวงพระบาง และ Amansara ในเสียมเรียบ
สร้อยทองคำขาวประดับอัญมณีรวม 964 เม็ด รังสรรค์ผ่านระยะเวลากว่า 450 ชั่วโมง
จิตวิญญาณของดินแดนอินโดจีนผ่านผู้คน ชุมชน อาหาร และโบราณสถานอันงดงาม ผ่านการเชื่อมโยงของสองรีสอร์ทหรู Amantaka หลวงพระบาง และ Amansara ในเสียมเรียบ

MORE FROM

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว