นับเป็นเวลากว่าสองทศวรรษที่ J12 ได้ถือกำเนิดขึ้นในโลกแห่งเรือนเวลาสุดหรูหราและกลายเป็นไอคอนนาฬิกาสุดคลาสสิกแห่งศตวรรษที่ 21 ที่สะท้อนนิยามความสมดุลที่สมบูรณ์แบบระหว่างดีไซน์และประสิทธิภาพอันยอดเยี่ยม
https://youtube.com/embed/TWSm2ztqrDw?feature=share
โมเมนต์สุดเท่ของ “หมาก-ปริญ สุภารัตน์” ที่มาพร้อม J12 Caliber 12.1 นาฬิการุ่นไอคอนิกจาก CHANEL
ย้อนกลับไปในปี 2000 J12 เรือนแรกได้ถูกเผยโฉมภายใต้ฝีมือสร้างสรรค์โดย ฌัก เอลลู (Jacques Hellu) ผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์ของ CHANEL ในขณะนั้น ซึ่งเขาใช้เวลาในการออกแบบและศึกษาค้นคว้านานถึง 7 ปี โดยได้แรงบันดาลใจด้านดีไซน์มาจากเส้นสายอันโฉบเฉี่ยวของรถแข่งและเรือยอร์ชในการแข่งขัน America’s Cup ซึ่งขั้นตอนการสร้างสรรค์นาฬิกา J12 จะเริ่มตั้งแต่การออกแบบอย่างพิถีพิถันโดยสตูดิโอสร้างสรรค์นาฬิกาที่ PLACE VENDÔME ในกรุงปารีส จากนั้นจะถูกนำไปประกอบชิ้นส่วนโดย CHANEL Manufacture ที่เมือง LA CHAUX-DE-FONDS ประเทศสวิตเซอร์แลนด์

หัวใจสำคัญของนาฬิกา J12 ไม่ได้มีเพียงแค่ “ดีไซน์” ที่เต็มไปด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัวเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการเลือกใช้วัสดุ “เซรามิก” ซึ่งถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับวงการผลิตนาฬิกาสำหรับผู้หญิงไปอย่างสิ้นเชิง โดยกระบวนการผลิตเซรามิกชนิดพิเศษได้นำไปสู่ผลลัพธ์ของเซรามิกเนื้อเนียนที่มีความแข็งแรงกว่าเหล็กกล้าถึง 7 เท่า อีกทั้งยังมีความทนทานสูงและป้องกันการเกิดรอยขีดข่วนได้อย่างดีเยี่ยม แถมยังมีน้ำหนักเบาจนทำให้รู้สึกสบายในยามสวมใส่


ในปี 2019 อาร์โนด์ เชสแตงต์ (Arnaud Chastaingt) ผู้อำนวยการสตูดิโอสร้างสรรค์นาฬิกาของ CHANEL ได้นำเสนอความเที่ยงตรงของคาลิเบอร์ 12.1 ซึ่งเป็นกลไกที่ได้รับการรับรองโครโนมิเตอร์และสามารถสำรองพลังงานได้นานถึง 70 ชั่วโมง และยังผ่านการรับรองโดยสถาบันทดสอบความเที่ยงตรงอย่างเป็นทางการของสวิสหรือ COSC (Contrôle Officiel Suisse des Chronomètres) ซึ่งในปัจจุบัน CHANEL ก็ได้พัฒนาความล้ำสมัยไปอีกขั้นกับคาลิเบอร์ 12.2 กลไกไขลานอัตโนมัติที่แสดงให้เห็นถึงความเชี่ยวชาญในการย่อขนาดอย่างแท้จริง และผลิตโดย Swiss Manufacture Kenissi ซึ่งมี CHANEL เป็นเจ้าของร่วมด้วย

การสร้างสรรค์นาฬิกา J12 หนึ่งเรือน จำเป็นที่จะต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญถึง 50 คน ซึ่งหลายต่อหลายชั่วโมงจะถูกใช้ไปกับการค้นคว้าวิจัยเพื่อรังสรรค์ขอบตัวเรือนคุณภาพไร้ที่ติของ J12 และนาฬิกาทุกเรือนจะได้รับการตรวจสอบในขั้นตอนสุดท้ายอย่างพิถีพิถัน ก่อนจะบรรจุลงกล่องด้วยมือ ปัจจุบันคอลเลกชั่นนาฬิกา J12 มีดีไซน์ที่หลากหลายให้เลือกกว่า 30 รุ่น โดยมีให้เลือกทั้งขนาด 33 มม. และ 38 มม.
พบกับ J12 ในคอลเลกชั่นแคปซูล CHANEL INTERSTELLAR ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากโลกแห่งนิยายวิทยาศาสตร์ การเดินทางท่องอวกาศและกาลเวลา
ในงาน Watches & Wonders 2023 ที่จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ที่นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ CHANEL ได้เปิดตัวคอลเลกชั่นแคปซูล CHANEL INTERSTELLAR สำหรับปี 2023 ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากโลกแห่งนิยายวิทยาศาสตร์ การเดินทางท่องไปในอวกาศและกาลเวลาที่น่าตื่นตาตื่นใจ
ในส่วนของไฮไลต์ที่น่าสนใจของนาฬิกา J12 จากคอลเลกชั่นแคปซูล CHANEL INTERSTELLAR เริ่มกันที่นาฬิกา J12 X-RAY STAR ตัวเรือนกระจกแซฟไฟร์โฟรเซ่นและไวท์โกลด์ 18K ขอบตัวเรือนประดับเพชรเจียระไนทรงบาแก็ตต์ หน้าปัดแซฟไฟร์ประดับเพชรเจียระไนทรงบาแก็ตต์ เม็ดมะยมไวท์โกลด์ 18K ประดับเพชรเจียระไนทรงบริลเลียนท์ และสายรัดข้อมือกระจกแซฟไฟร์โฟรเซ่นและไวท์โกลด์ 18K ประดับเพชรเจียระไนทรงบาแก็ตต์


มาต่อกันที่นาฬิกา J12 DIAMOND TOURBILLION ตัวเรือนเซรามิกความทนทานสูงสีขาวกำมะหยี่ ด้านหลังตัวเรือนกระจกแซฟไฟร์พร้อมข้อความ “LIMITED TO 55” ขอบตัวเรือนไวท์โกลด์ 18K ประดับเพชรเจียระไนทรงบาแก็ตต์ เข็มนาฬิกาไวท์โกลด์ 18K ประดับเพชรเจียระไนทรงบริลเลียนท์ หน้าปัดเซรามิกสีขาวมันวาวแบบโปร่งใส กรงทูร์บิญงประดับเพชรเจียระไนทรงบริลเลียนท์ และเพชรเม็ดเดี่ยว 1 เม็ดที่ได้รับการเจียระไนแบบพิเศษ เม็ดมะยมไวท์โกลด์ 18K ประดับเพชรเจียระไนทรงบริลเลียนท์ พร้อมสายรัดข้อมือเซรามิกสีขาวกำมะหยี่และหัวล็อคไวท์โกลด์ 18K แบบพับสามทบ
ความพิเศษของ J12 DIAMOND TOURBILLION ยังอยู่ที่เพชรเม็ดเดี่ยวที่หมุนไปตามจังหวะของกลไกฟลายอิ้งทูร์บิญง ที่ออกแบบและประกอบโดยศูนย์ผลิตของชาเนล พร้อมเผยให้เห็นคอนทราสต์ที่แอบซ่อนอยู่ระหว่างประกายแวววาวของเพชรกับผิวสัมผัสกำมะหยี่ของเซรามิก


อีกหนึ่งรุ่นที่น่าสนใจไม่แพ้กันก็คือนาฬิกา J12 STAR LIGHT ตัวเรือนเซรามิกความทนทานสูงสีขาวและไวท์โกลด์ 18K ด้านหลังตัวเรือนกระจกแซฟไฟร์พร้อมข้อความ “LIMITED TO 20” ขอบตัวเรือนไวท์โกลด์ 18K ประดับเพชรเจียระไนทรงบาแก็ตต์ หน้าปัดไวท์โกลด์ 18K ประดับเพชรเจียระไนทรงบาแก็ตต์ เม็ดมะยมไวท์โกลด์ 18K ประดับเพชรเจียระไนทรงบริลเลียนท์ และสายรัดข้อมือเซรามิกสีขาวและหัวล็อคไวท์โกลด์ 18K แบบพับสามทบ


มาถึงความพิเศษของนาฬิกา J12 ECLIPSE BOX SET ซึ่งเป็นนาฬิกา J12 เซรามิกสีดำและสีขาวด้านที่ถูกนำมารวมไว้ในชุดนาฬิกา 7 เรือน โดยเรือนที่หนึ่งจะเป็นสีขาวล้วนอยู่ท่ามกลางแสงสว่าง เรือนที่สองคาดด้วยแถบสีดำราวกับกำลังเคลื่อนตัวเข้าไปในเงามืด เรือนที่สามคาดด้วยแถบที่กว้างขึ้น และไล่ไปจนถึง เรือนที่เจ็ดซึ่งเป็นสีดำล้วน ด้านหลังตัวเรือนกระจกแซฟไฟร์พร้อมข้อความ “PIECE UNIQUE” ขอบตัวเรือนสตีลและวงแหวนเซรามิกทรงบาแก็ตต์สีดำด้านและสีขาว หน้าปัดวงแหวนเซรามิกทรงบาแก็ตต์สีดำด้านและสีขาว เม็ดมะยมสตีลเคลือบสีดำ (มีเพียงหนึ่งเรือนที่ไม่ได้เคลือบสีดำ) และสายรัดข้อมือเซรามิกสีดำด้านและสีขาวพร้อมหัวล็อคสตีลแบบพับสามทบ


สำหรับนาฬิกา J12 CYBERNETIC มาพร้อมความโดดเด่นของดีไซน์ลวดลายพิกเซลสีขาวที่แยกออกมาจากเซรามิกของตัวเรือน ซึ่งสร้างคอนทราสต์กับขอบตัวเรือนและหน้าปัดเคลือบแลคเกอร์สีดำได้อย่างลงตัว ตัวเรือนเซรามิกความทนทานสูงสีดำและสตีล พร้อมแผ่นเซรามิกความทนทานสูงสีขาวที่ทำเป็นลายพิกเซล ด้านหลังตัวเรือนกระจกแซฟไฟร์พร้อมข้อความ “LIMITED EDITION” ขอบตัวเรือนทำจากสตีลและกระจกแซฟไฟร์เคลือบเงาสีขาวและดำ หน้าปัดเคลือบแลคเกอร์สีดำพร้อมลวดลายพิกเซลเคลือบเงาสีขาวด้าน เม็ดมะยมสตีล พร้อมเซรามิกสีขาวทรงคาโบชง และสายรัดข้อมือเซรามิกสีดำและหัวล็อคสตีลแบบพับสามทบ

อีกหนึ่งรุ่นที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือ นาฬิกา J12 SPATIOTEMPORAL สองผลงานสร้างสรรค์สุดพิเศษที่จับคู่ระหว่างกราฟิกสีดำกับสีขาว พร้อมขับเน้นด้วยไวท์โกลด์และเพชร ภายใต้เส้นสายที่เรียบง่ายสะอาดตาซ่อนไว้ซึ่งความซับซ้อนทางเทคนิคและทักษะชำนาญการของศูนย์ผลิตนาฬิกาของ CHANEL ที่ไม่มีใครเทียบชั้นได้ ตัวเรือนเซรามิกความทนทานสูงทั้งสีขาวและสีดำด้าน ด้านหลังตัวเรือนกระจกแซฟไฟร์พร้อมข้อความ “LIMITED TO 12” ขอบตัวเรือนไวท์โกลด์ 18K ประดับเพชรเจียระไนทรงบาแก็ตต์ และวงแหวนเซรามิกทรงบาแก็ตต์สีดำ หน้าปัดไวท์โกลด์ 18K ประดับเพชรเจียระไนทรงบาแก็ตต์ และวงแหวนเซรามิกทรงบาแก็ตต์สีดำ เม็ดมะยมไวท์โกลด์ 18K ประดับเพชรเจียระไนทรงบริลเลียนท์ พร้อมสายรัดข้อมือเซรามิกสีขาวและสีดำด้านและหัวล็อคไวท์โกลด์ 18K แบบพับสามทบ

มาต่อกันที่นาฬิกา J12 NIGHT STAR สองผลงานรังสรรค์ใหม่จาก CHANEL Haute Horlogerie ที่ประดับด้วยเพชร ตัวเรือนมีให้เลือก 2 ขนาดคือ 38 มม. และ 33 มม. โดยแต่ละรุ่นมาพร้อมหน้าปัดแวววาวสีดำที่มีดาวหางเคลื่อนผ่านตลอดเวลา ตัวเรือนเซรามิกความทนทานสูงสีดำและสตีลเคลือบสีดำ ด้านหลังตัวเรือนกระจกแซฟไฟร์พร้อมข้อความ “LIMITED TO 55” ขอบตัวเรือนสตีลเคลือบสีดำ ประดับเพชรเจียระไนทรงบาแก็ตต์ หน้าปัดสีดำแวววาวประดับเพชรเจียระไนทรงบาแก็ตต์ เม็ดมะยมสตีลเคลือบสีดำ ประดับเพชรเจียระไนทรงบริลเลียนท์ พร้อมสายรัดข้อมือเซรามิกสีดำและหัวล็อคสตีลเคลือบสีดำแบบพับสามทบ


นาฬิกา J12 INTERSTELLAR นำเสนอด้วยสีโมโนโครมและหน้าปัดระยิบระยับดั่งแสงดาวยามค่ำคืน ตัวเรือนเซรามิกความทนทานสูงสีดำและสตีล ด้านหลังตัวเรือนกระจกแซฟไฟร์พร้อมข้อความ “LIMITED EDITION” ขอบตัวเรือนทำจากสตีลเคลือบสีดำด้านพร้อมกระจกแซฟไฟร์เคลือบเงาสีดำทรงบาแก็ตต์ หน้าปัดเคลือบแลคเกอร์สีดำแวววาวแบบอเวนเจอรีน ประดับเพชร 6 เม็ด และแต่งด้วย SLN เม็ดมะยมสตีล พร้อมเซรามิกสีดำทรงคาโบชง และสายรัดข้อมือเซรามิกสีดำและหัวล็อคสตีลแบบพับสามทบ

ปิดท้ายด้วยนาฬิกา J12 COSMIC ที่ดูเรียบหรูด้วยสีขาวโมโนโครม ผลงานสร้างสรรค์ที่เน้นความแวววาวของเพชร 12 เม็ด พร้อมลวดลายจักรวาลที่เผยโฉมบนหน้าปัดเรืองแสง ตัวเรือนเซรามิกความทนทานสูงสีขาวและสตีล ด้านหลังตัวเรือนกระจกแซฟไฟร์พร้อมข้อความ “LIMITED EDITION” ขอบตัวเรือนสตีลพร้อมกระจกแซฟไฟร์เคลือบเงาสีขาวทรงบาแก็ตต์ หน้าปัดสีขาวพร้อม SLN, ประดับเพชร และสติกเกอร์ชุบโรเดียมขัดเงา เม็ดมะยมสตีล พร้อมเซรามิกสีขาวทรงคาโบชง และสายรัดข้อมือเซรามิกความทนทานสูงสีขาวและหัวล็อคสตีลแบบพับสามทบ

#J12 #CHANELWATCHES
#CHANELINTERSTELLAR #CHANELHAUTEHORLOGERIE