นิทรรศการพิเศษ Cartier and Women พาย้อนประวัติศาสตร์พร้อมยลโฉมคลังผลงานล้ำค่าของ Cartier จากศตวรรษ 19

และนี่ถือเป็นครั้งแรกของโลกที่นำเสนอบทบาทและอิทธิพลของผู้หญิงตลอดประวัติศาสตร์อันยาวนานของ Cartier

ครั้งนี้บาซาร์ขอพาเยือนนิทรรศการใหญ่ และเป็นครั้งแรกของโลกที่นำเสนอบทบาทและอิทธิพลของผู้หญิงตลอดประวัติศาสตร์อันยาวนานของคาร์เทียร์ พร้อมสะท้อนสุนทรียศาสตร์แบบจีนที่มีอิทธิพลต่อไลฟ์สไตล์ผู้หญิงและแฟชั่นทั่วโลก โดยเป็นการร่วมมือกันระหว่าง Hong Kong Palace Museum: HKPM จัดแสดงนิทรรศการสุดพิเศษ Cartier Collection Exhibition: Cartier and Women ที่ว่าด้วยบทบาทและอิทธิพลอันเป็นเอกลักษณ์ของผู้หญิงในประวัติศาสตร์คาร์เทียร์ โดยได้นำผลงานล้ำค่าจากการรังสรรค์ของคาร์เทียร์ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องประดับจิวเวลรี่ เรือนเวลา ศิลปวัตถุ หรือของตกแต่ง รวมทั้งบันทึกจากคลังผลงานตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 จนถึงปัจจุบันมาจัดแสดง
ท่องสู่ “Cartier and Women” กับการเผยเรื่องราวอันน่าหลงใหลเกี่ยวกับความสัมพันธ์อันใกล้ชิดของผู้หญิงกับจิวเวลรี่ พร้อมทั้งชูความเด่นของศิลปะจีนและศิลปะจากภูมิภาคอื่นๆ ของโลก ที่สร้างแรงบันดาลใจให้คาร์เทียร์ทั้งในด้านสไตล์การสร้างสรรค์ เทคนิคและวัสดุ ตลอดจนสุนทรียศาสตร์แบบจีนที่ส่งอิทธิพลต่อไลฟ์สไตล์ของผู้หญิงและแฟชั่นทั่วโลก และยังแสดงให้เห็นแนวทางการทำงานของพิพิธภัณฑ์พระราชวังฮ่องกง ที่เน้นนวัตกรรมในการภัณฑารักษ์นิทรรศการ และเป็นเครื่องพิสูจน์พันธกิจของพิพิธภัณฑ์ในอันที่จะอำนวยให้เกิดความร่วมมือระหว่างสาขา รวมทั้งส่งเสริมให้เกิดบทสนทนาเชิงศิลปวัฒนธรรมระหว่างประเทศจีนกับดินแดนอื่นๆ ของโลก

เชิดชูบทบาทและอิทธิพลของผู้หญิงตลอดประวัติศาสตร์อันยาวนานของคาร์เทียร์

Cartier Collection Exhibition: Cartier and Women พาผู้ชมไปสำรวจความผูกพันระหว่างผู้หญิงกับจิวเวลรี่ ผ่านชุดเรื่องเล่าที่ตราตรึงใจ และสะท้อนให้เห็นความผูกพันลึกซึ้งระหว่างคาร์เทียร์กับสตรีผู้ทรงอิทธิพลหลายต่อหลายคนทั้งในอดีตและปัจจุบัน โดยหนึ่งในไฮไลต์ของนิทรรศการ คือเรื่องราวของ Jeanne Toussaint, 1887-1976 สตรีผู้บุกเบิกในสังคมชายเป็นใหญ่สมัยต้นศตวรรษที่ 20 และเป็นหนึ่งในสตรีที่ปฏิวัติวงการจิวเวลรี่สมัยใหม่ 
Louis Cartier, 1875-1942 ผู้นำรุ่นที่ 3 ของคาร์เทียร์ แต่งตั้ง Toussaint เป็นผู้อำนวยการสร้างสรรค์ในปี 1933 โดยเธอเป็นสตรีคนแรกที่ได้รับตำแหน่งนี้ เข็มกลัด Panthère ที่ Toussaint ออกแบบไว้เมื่อปี 1949 ซึ่งดัชเชสแห่งวินด์เซอร์ (1896-1986) ได้ซื้อไปครอบครอง คือผลงานที่กำหนดนิยามใหม่ว่าจิวเวลรี่มีความหมายอย่างไรต่อผู้หญิง นี่เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งของมรดกที่ Jeanne Toussaint ได้สร้างไว้ และนับแต่ผลงานชิ้นนี้ถือกำเนิดขึ้น เสือแพนเตอร์สัญลักษณ์ของความองอาจ ความเป็นอิสระและอำนาจ ก็กลายมาเป็นแม่แบบและสัญลักษณ์ของ คาร์เทียร์

และ Toussaint ไม่เพียงสนับสนุนการให้อำนาจแก่ผู้หญิงผ่านการออกแบบจิวเวลรี่เท่านั้น แต่เธอยังเป็นตัวแทนที่เป็นรูปธรรมและเป็นผู้ส่งเสริมให้เกิดเสรีภาพใหม่เชิงทัศนคติ ที่โดดเด่นด้วยความเป็นหญิง จิตวิญญาณเสรี และอิสรภาพ การทำงานของเธอเปิดทางให้ผู้หญิงอีกหลายคนได้เข้ามาทำให้จิวเวลรี่ก้าวข้ามการเป็นแค่เครื่องประดับ แต่เป็นสัญลักษณ์ที่บ่งบอกถึงเอกลักษณ์ตัวตนและจิตวิญญาณที่ซ่อนอยู่ภายใน

Cartier Collection Exhibition: Cartier and Women แบ่งเป็น 4 ส่วน โดยแต่ละส่วนมีแนวคิดที่ต่างกัน

“Royal and Aristocratic Women: Elegance and Prestige



นิทรรศการส่วนแรก “Royal and Aristocratic Women: Elegance and Prestige” ความสง่างามและเกียรติภูมิเชื้อพระวงศ์และสตรีชั้นสูง เชิดชูบทบาทสำคัญของเชื้อพระวงศ์ฝ่ายหญิงและสตรีชั้นสูงในยุคแรกของคาร์เทียร์ ช่วงศตวรรษที่ 19

New Women: Breaking with Tradition
นิทรรศการส่วนที่ 2 “New Women: Breaking with Tradition” หญิงยุคใหม่ที่ไม่ยึดติดกับม่านประเพณีเดิมๆ เป็นการสำรวจความก้าวหน้าในงานออกแบบจิวเวลรี่ ที่สะท้อนถึงการปลดแอกสตรี

Inquisitive Women: Cross-cultural Inspirations
นิทรรศการส่วนที่ 3 “Inquisitive Women: Cross-cultural Inspirations” ผู้หญิงที่แสวงหาความรู้รอบตัวอยู่เสมอ แรงบันดาลใจข้ามวัฒนธรรม ซึ่งจะนำพาไปชมอิทธิพลของศิลปะจากประเทศจีนและภูมิภาคอื่นๆ ของโลก ที่สร้างชีวิตชีวาให้กับผลงานที่คาร์เทียร์รังสรรค์ขึ้นเพื่อผู้หญิง และสนองความใคร่รู้สิ่งแปลกใหม่อันเป็นปรากฏการณ์สากล

Influential Women: Glamorous Legends
นิทรรศการส่วนสุดท้าย “Influential Women: Glamorous Legends” สตรีผู้ทรงอิทธิพล: ตำนานอันเจิดจรัส เป็นการสำรวจความสัมพันธ์ใกล้ชิดระหว่างเครื่องประดับคาร์เทียร์กับสตรีสมัยใหม่และสตรีร่วมสมัยผู้เป็นไอคอน โดยผลงานชิ้นเด่นส่วนหนึ่งมาจากคอลเลคชั่นส่วนตัวของสตรีระดับบุคคลสำคัญและสตรีที่มีชื่อเสียง เช่น เกรซ เคลลี่ หรือเจ้าหญิงเกรซแห่งโมนาโก (1929-1982) สามนักแสดงชื่อดัง Elizabeth Taylor, (1932-2011) Brigitte Lin, Carina Lau และนักธุรกิจหญิง Pansy Ho

สุนทรียศาสตร์แบบจีนส่งอิทธิพลอย่างสูงต่อไลฟ์สไตล์ของผู้หญิงและแฟชั่นทั่วโลก

โดยการเข้าชมนิทรรศการนี้ จะพาเราไปย้อนสู่ศิลปวัฒนธรรมจีน ที่ได้ให้แรงบันดาลใจต่อการรังสรรค์ผลงานของคาร์เทียร์อย่างไรบ้าง ทั้งในแง่สไตล์การออกแบบรวมถึงวัสดุและฝีมือช่าง ผลงานบางชิ้นที่นำออกแสดงสะท้อนให้เห็นผลกระทบที่ศิลปะจีนมีต่อการพัฒนาไลฟ์สไตล์ของผู้หญิงตลอดจนแฟชั่นทั่วโลก ตัวอย่างหนึ่งคือกระเป๋าเครื่องสำอางหรือกระเป๋าใส่ของชิ้นเล็กๆ สไตล์จีนที่ทำขึ้นเมื่อปี 1928 โดยอ้างอิงชามกระเบื้องสมัยคังซีในคอลเลคชั่นส่วนตัวของมิสเตอร์และมิสซิสหลุยส์ คาร์เทียร์ (1895-1952) 
หรือจะเป็นการที่คาร์เทียร์ทำจี้ หยิน-หยางขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อปี 1919 โดยได้แรงบันดาลใจจากสัญลักษณ์ของลัทธิเต๋า ซึ่งเป็นปรัชญาและศาสนาเก่าแก่ของจีน ส่วนเข็มกลัด “มังกรคู่ไล่ไข่มุก” ที่นำลวดลายยอดนิยมในศิลปะจีนมาใช้นั้น ถูกซื้อไปโดย Jeanne Paquin ในปี 1869-1936 หรือจะเป็นช่างเสื้อสตรีคนสำคัญคนแรกของฝรั่งเศส ขณะที่หยกเจไดท์ อัญมณีที่ชาวจีนนิยมมาปรากฏบนสร้อยคอที่ Barbara Hutton ในช่วงปี 1912-1979 โดยสาวสังคมและสไตล์ไอคอนชาวอเมริกัน ได้รับเป็นของขวัญวันแต่งงานเมื่อปี 1933

Louis Ng ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์พระราชวังฮ่องกงกล่าวว่า “นิทรรศการพิเศษครั้งนี้ตอกย้ำว่าฮ่องกงคือศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนเชิงวัฒนธรรมนานาชาติระหว่างภูมิภาคตะวันออกกับตะวันตก และยังชูวิสัยทัศน์ระดับโลก รวมทั้งแนวทางภัณฑารักษ์เชิงนวัตกรรมของพิพิธภัณฑ์ ที่เน้นการศึกษาค้นคว้าที่เข้มข้นและคุณภาพเชิงวิชาการ ด้วยเรื่องราวที่น่าหลงใหลของสตรีผู้อยู่เบื้องหลังผลงานตั้งแสดงระดับสุดยอดเหล่านี้ เราหวังจะสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้เข้าชมนิทรรศการได้สำรวจบทบาทและอิทธิพลของผู้หญิงผ่านกาลเวลา รวมทั้งเพิ่มความเข้าใจที่ผู้ชมมีต่อผลงานที่ผสมผสานสุนทรียศาสตร์แบบตะวันออกและตะวันตกเข้าด้วยกัน”

 

Cartier Collection

คือตัวแทนของแก่นแท้ที่เป็นรูปธรรมของวัฒนธรรมตะวันออกและตะวันตก และได้เป็นพยานรับรู้ความเปลี่ยนแปลงเชิงสังคมรวมทั้งเทรนด์แฟชั่นในสมัยต่างๆ ตลอดสามทศวรรษที่ผ่านมามีการนำ Cartier Collection ไปแสดง ณ สถาบันวัฒนธรรมที่ทรงเกียรติสูงสุดของโลกกว่า 30 สถาบัน รวมทั้งพิพิธภัณฑ์พระราชวัง ซึ่งมีการจัดแสดงมาแล้ว 2 ครั้ง ในปี 2009 และ 2019
ทางพิพิธภัณฑ์พระราชวังฮ่องกง จะจัดรายการด้านการศึกษาหลายรายการควบคู่ไปกับนิทรรศการ “Cartier and Women” ไม่ว่าจะเป็นการบรรยายทางวิชาการ การฉายภาพยนตร์ การแสดงดนตรีนาฏศิลป์ และเวิร์กช็อปงานศิลปะ โดยคาร์เทียร์สนับสนุนบัตรเข้าชมนิทรรศการแก่ผู้ด้อยโอกาสจำนวน 5,000 ใบ

นิทรรศการพิเศษครั้งนี้เปิดแสดง ณ Gallery 8 ที่พิพิธภัณฑ์พระราชวังฮ่องกง ตั้งแต่วันที่ 18 เมษายน – 14 สิงหาคม 2023 บัตรเข้าชมนิทรรศการสำหรับผู้ใหญ่ ราคา 120 เหรียญฮ่องกง บัตรสำหรับผู้มีสิทธิ์ได้รับส่วนลด ราคา 60 เหรียญฮ่องกง ผู้ถือบัตรสามารถเข้าชมได้ทุกห้องนิทรรศการภายในพิพิธภัณฑ์ เปิดจำหน่ายบัตรบนแพลตฟอร์มจำหน่ายบัตรของ West Kowloon Cultural District (เขตวัฒนธรรมเวสต์เกาลูน) และตัวแทนจำหน่ายบัตร

TAG

Related Stories

Personal Layered ธีมหลักของเสื้อผ้าและแฟชั่นไอเท็มในคอลเลกชั่น Spring/Summer 2024
พร้อมด้วยเหล่าเซเลบริตี้มากมาย ที่มาร่วมงานเปิดไฟต้นคริสต์มาส ณ ลาน พาร์ค พารากอน
เมื่อ Balenciaga city bag ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นกระเป๋าที่มีทุกบ้านกำลังจะกลับมา
Van Cleef & Arpels : Time, Nature, Love พาชมความงามของเครื่องประดับชั้นสูงผ่านนิทรรศการที่ถักทอไว้ด้วยเรื่องราวแห่งเวลา ธรรมชาติ และรัก
สร้อยทองคำขาวประดับอัญมณีรวม 964 เม็ด รังสรรค์ผ่านระยะเวลากว่า 450 ชั่วโมง

Most Viewed

สร้อยทองคำขาวประดับอัญมณีรวม 964 เม็ด รังสรรค์ผ่านระยะเวลากว่า 450 ชั่วโมง
จิตวิญญาณของดินแดนอินโดจีนผ่านผู้คน ชุมชน อาหาร และโบราณสถานอันงดงาม ผ่านการเชื่อมโยงของสองรีสอร์ทหรู Amantaka หลวงพระบาง และ Amansara ในเสียมเรียบ
สร้อยทองคำขาวประดับอัญมณีรวม 964 เม็ด รังสรรค์ผ่านระยะเวลากว่า 450 ชั่วโมง
จิตวิญญาณของดินแดนอินโดจีนผ่านผู้คน ชุมชน อาหาร และโบราณสถานอันงดงาม ผ่านการเชื่อมโยงของสองรีสอร์ทหรู Amantaka หลวงพระบาง และ Amansara ในเสียมเรียบ

MORE FROM

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว