Matthieu Blazyครีเอทีฟไดเรคเตอร์ปิดฉากการแสดงไตรภาค ‘อิตาลี’ ของเขาลงอย่างงดงาม โดยยังคงเฉลิมฉลองและเชื่อมโยงอดีต ปัจจุบัน และอนาคตของประเทศเอาไว้กับ craft in motion หรือการเดินทางที่ขับเคลื่อนงานฝีมือซึ่งในพาเหรดนี้ เทคนิค ใจความสำคัญ ตัวละครและสิ่งมีชีวิตของผู้สร้างในอดีตได้เดินทางข้ามอวกาศและกาลเวลาเพื่อที่จะกล่าวถึงปัจจุบันและอนาคต เสียงที่ผสมปนเป และ อิทธิพลระหว่างสิ่งมีชีวิตและไม่มีชีวิตกลับกลายเป็นโพลีโฟนี (Polyphony) ซึ่งสอดประสานความหลากหลายเข้ากันได้อย่างกลมกลืนและโดดเด่น โดยแต่ละคนมีสถานที่ล้วนเป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งของการดำเนินการ ไม่ว่าจะเป็นจาก ancient Roman bronze runners หรือ นักวิ่งสำริดโรมันโบราณในยุคสมัยหนึ่งปีก่อนคริสต์กาล (1BC) จนนำไปสู่ ‘Unique Forms of Continuity in Space’ หรือ ‘รูปแบบเฉพาะของความต่อเนื่องในอวกาศ’ ของ Boccioni สีบรอนซ์ (ค.ศ. 1913) แสดงให้เห็นถึงการแสดงออกของการเคลื่อนไหวและความลื่นไหล จนนำมาสู่คอลเลกชั่นปัจจุบัน Winter 2023 ที่กาลเวลาได้นำเสนอตำนานแห่งยุคโบราณและรูปร่างของสิ่งต่าง ๆ ของลัทธิฟิวเจอร์ลิสม์ (Futurism) ซึ่งแท้ที่จริงแล้วการแยกตัวจากโครงสร้างของ ‘Boccioni’ นำเสนอคอลเลกชั่นพื้นฐานของ Blazyและ ถูกขยายอย่างละเอียดที่นี่
อย่างไรก็ตาม การผจญภัยของเหล่านักแสดงยังคงดำเนินต่อไป และนักผจญภัยเหล่านั้นได้เป็นต้นแบบของการเปลี่ยนแปลง ความไม่แน่นอน การเคลื่อนไหวและการท่องเที่ยว จากความธรรมดาจนนำไปสู่ความน่ามหัศจรรย์ ซึ่งเกิดการตั้งคำถามว่า ความหมายของคำว่าทันสมัยหรือ ชิค (chic) มีจุดเริ่มต้นตั้งแต่เมื่อใด ตั้งแต่พิธีการยามเช้าของสาวงามในชุดคลุมสีขาวโปร่งแสงและถุงเท้าเข้านอน (โดยชุดนั้นแสดงให้เห็นถึงความขัดแย้งในความซับซ้อนของวัสดุ ขณะที่ถุงเท้าที่พูดถึงคือรองเท้าหนังถัก) ไปจนถึงนักอุตสาหกรรมผู้คลั่งไคล้การแต่งตัวผู้ชายในชุดเสื้อนอนลายทางหรือชุดนอน ‘ผ้าสักหลาดสีเทา’ (ทั้งหมดทำมาจากหนังแนปป้า) ซึ่งมีการสำรวจแนวคิดเรื่อง ‘การเปลี่ยนแปลง’ จากความหมายในชีวิตประจำวันด้วยโครงสร้างในยุคแรก จนนำไปสู่คำสัญญาที่น่าอัศจรรย์ใจยิ่งขึ้นในภายหลัง โดยตำนานบทใหม่เริ่มเป็นรูปเป็นร่าง ในพาเหรดนี้เป็นสถานที่สำหรับนักบวชและหนุ่มเจ้าสำราญ (playboys) คนเดินละเมอ (sleepwalker) และผู้หญิงกลางคืน ตลอดจนทะเลที่มีความเก่าแก่ นอกเหนือจากนั้น สถานที่นี้คือสถานที่ที่มีความสนุกสนาน สะเทือนอารมณ์ และแสดงให้เห็นถึงความสุขส่วนตัวในการแต่งตัว เพื่อเพิ่มความมั่นใจที่จะเป็นใครก็ได้ตามที่ผู้สวมใส่ปรารถนาผ่านเสื้อผ้า ที่นี่ งานฝีมือได้ถูกกำหนดคุณค่าขึ้นใหม่เฉกเช่นนวัตกรรม ด้วยการผสานโครงสร้างแห่งประวัติศาสตร์ที่ได้รับการฟื้นฟูและประดิษฐ์ขึ้นมา อาทิ การคว้านเสื้อผ้าให้ลึกขึ้นเพื่อเผยสรีระ การสร้างโครงสร้างด้วยเทคนิค boned รัดตัว การเพิ่มรอยผ่าเป็นทางยาว และ การใช้เทคนิค suspended เพื่อเพิ่มเลเยอร์ให้กับชั้นของเสื้อผ้า อีกทั้งยังตอกย้ำกลิ่นอายของ Botticelli’s Chloris และ Flora จาก ‘Primavera’ (c1482) ที่ได้รังสรรค์ขึ้นมาใหม่ในเวลานี้ ด้วยงานปักที่มีความประณีตบรรจงลงบนผ้าไหมได้ถูกยกระดับขึ้นและถูกจัดเรียงขึ้นมาใหม่ซึ่งถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่ของงานปักนี้เช่นกัน
คอลเลกชั่นและการแสดงได้รับการปฏิบัติเหมือนเกมของ Exquisite Corpse ซึ่งสามารถตีความหมายออกมาได้มากมายหลายรูปแบบคิเมร่าหรือไคเมร่า (Chimerica) คือสิ่งมีชีวิตในจินตนาการที่ปรากฏขึ้น พร้อมการแปลงร่างผ่านการตัดเย็บและงานฝีมือชั้นสูง โดยการนำมาประกอบกันด้วยการใช้หลักเกณฑ์ของวอลลุ่มและเทคนิคชั้นสูง แจ็กการ์ดแบบ fil coupe ที่มาพร้อมความซับซ้อน และ การสานอันเป็นเอกลักษณ์อย่าง Intreccioมาในรูปแบบของพื้นผิวสัมผัสใหม่ ซึ่งกลายเป็นเกล็ดและขนนกเรียงซ้อนกันอย่างสวยงามการค้นหาและการกำหนดค่าใหม่ในเสื้อผ้าและเครื่องหนัง อีกทั้งยังนำแก้วมูราโน่ (Murano glass) ที่มีความอ่อนตัว สามารถยืดหยุ่นและตีออกเป็นรูปทรงต่างๆได้ นำมาเป็นสิ่งที่ถูกยึดไว้ระหว่างกลางเมื่อนำไปใช้เป็นที่จับโปร่งแสงของกระเป๋าSardineโดยเน้นย้ำไปที่จุดสิ้นสุดส่วนหนึ่งของเรื่องราว Bottega Veneta และจุดเริ่มต้นของตำนานบทใหม่อีกเรื่องหนึ่ง
“ผมชอบแนวคิดของขบวนพาเหรดในประเทศอิตาลี ไม่ว่าจะเป็นขบวนแห่ตามพิธีการต่างๆ งานรื่นเริงที่มีความแปลกใหม่ หรือผู้คนมากมายที่มาจากทุกหนแห่ง และไม่ว่าจะด้วยวิธีการใด พวกเขาล้วนสอดคล้องและไปในทิศทางเดียวกัน ผมต้องการดูว่าอะไรทำให้ผู้คนรวมตัวกันในสถานที่เดียวกัน โดยไม่มีลำดับชั้น และทุกคนได้ถูกรับเชิญ” Matthieu Blazyกล่าว
คอลเลกชั่นและการแสดงได้รับการปฏิบัติเหมือนเกมของ Exquisite Corpse ซึ่งสามารถตีความหมายออกมาได้มากมายหลายรูปแบบคิเมร่าหรือไคเมร่า (Chimerica) คือสิ่งมีชีวิตในจินตนาการที่ปรากฏขึ้น พร้อมการแปลงร่างผ่านการตัดเย็บและงานฝีมือชั้นสูง โดยการนำมาประกอบกันด้วยการใช้หลักเกณฑ์ของวอลลุ่มและเทคนิคชั้นสูง แจ็กการ์ดแบบ fil coupe ที่มาพร้อมความซับซ้อน และ การสานอันเป็นเอกลักษณ์อย่าง Intreccioมาในรูปแบบของพื้นผิวสัมผัสใหม่ ซึ่งกลายเป็นเกล็ดและขนนกเรียงซ้อนกันอย่างสวยงามการค้นหาและการกำหนดค่าใหม่ในเสื้อผ้าและเครื่องหนัง อีกทั้งยังนำแก้วมูราโน่ (Murano glass) ที่มีความอ่อนตัว สามารถยืดหยุ่นและตีออกเป็นรูปทรงต่างๆได้ นำมาเป็นสิ่งที่ถูกยึดไว้ระหว่างกลางเมื่อนำไปใช้เป็นที่จับโปร่งแสงของกระเป๋าSardineโดยเน้นย้ำไปที่จุดสิ้นสุดส่วนหนึ่งของเรื่องราว Bottega Veneta และจุดเริ่มต้นของตำนานบทใหม่อีกเรื่องหนึ่ง
“ผมชอบแนวคิดของขบวนพาเหรดในประเทศอิตาลี ไม่ว่าจะเป็นขบวนแห่ตามพิธีการต่างๆ งานรื่นเริงที่มีความแปลกใหม่ หรือผู้คนมากมายที่มาจากทุกหนแห่ง และไม่ว่าจะด้วยวิธีการใด พวกเขาล้วนสอดคล้องและไปในทิศทางเดียวกัน ผมต้องการดูว่าอะไรทำให้ผู้คนรวมตัวกันในสถานที่เดียวกัน โดยไม่มีลำดับชั้น และทุกคนได้ถูกรับเชิญ” Matthieu Blazyกล่าว
