ณ ตอนนี้ในหลายประเทศได้กลับมาคลายมาตรการล็อกดาวน์เป็นที่เรียบร้อย เพื่อให้ผู้คนสามารถดำเนินกิจกรรมต่างๆได้เหมือนเคย อย่างในประเทศอังกฤษที่สถานการณ์ได้เริ่มดีขึ้น ผู้ป่วยใหม่มีแนวโน้มลดลง อัตราการเสียชีวิตก็ลดลง แต่อย่างไรก็ตามทางด้านเศรษฐกิจก็ยังมีทิศทางที่น่าเป็นห่วง จึงทำให้แบรนด์สัญชาติอังกฤษอย่าง Burberry ที่แม้ว่าตัวเลขยอดขายภายในปีนี้จะยังอยู่ในเกณฑ์ที่ได้คาดการณ์ไว้ แต่ภายใต้ความไม่แน่นอนของสถานการณ์ จึงทำให้แบรนด์กำลังมองหามาตรการรูปแบบใหม่ที่จะทำให้ธุรกิจยังดำเนินต่อไปได้
แม้ว่ายอดขายสำหรับไตรมาสประจำฤดูใบไม้ผลิ (เดือนมีนาคม-เดือนมิถุนายน) ที่ผ่านมาผลลัพธ์ไม่ได้เกินไปกว่าที่แบรนด์คาดการณ์ไว้ โดยรายได้ทั้งหมดได้ลดเป็นจำนวนเกือบครึ่งหนึ่ง แต่อย่างไรก็ตามตัวเลขค่อยๆพัฒนาขึ้น โดยในเดือนมิถุนายนรายได้ทั้งหมดลดลงเพียง 20% เมื่อเทียบจากปีที่แล้ว และในยอดทางฝั่งของเอเชียก็มีแนวโน้มที่เจริญเติบโตไปในทิศทางที่ดีขึ้นจากประเทศจีน ที่ทำให้ฟื้นตัวขึ้นด้วยยอดที่โตขึ้น 30%โดยทางบริษัทได้กล่าวว่าเป็นสัญญานที่ดีของแบรนด์ที่จะมุ่งเน้นการขายต่อกลุ่มบริโภครุ่นใหม่ทั้งในประเทศจีนและประเทศเกาหลี

สำหรับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในปีนี้ แม้ว่าจะเป็นตัวเลขที่อยู่ภายใต้การควบคุมของแบรนด์ได้ แต่อย่างไรก็ตามทางแบรนด์ก็ยังออกมาตรการที่จะรับมือกับการขาดทุนทั้งหมดที่เกิดขึ้น โดยมาตรการของแบรนด์นั้นคือการลดจำนวนพนักงานทั้งสิ้นจำนวน 500 คนทั่วโลก ถึงแม้ว่าจะดูเป็นจำนวนเยอะ แต่เมื่อเทียบกับจำนวนพนักงาน 10,000 คน ก็คิดเพียงแค่ 5%จากจำนวนทั้งหมด

ซึ่งจากสถานการณ์ที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้ ทำให้แต่ละแบรนด์ก็ต่างมีมาตรการที่แตกต่างกันออกไป เช่น หลายแบรนด์ต่างประกาศขยับราคาสินค้าขึ้นจากเดิม 8-15% ประกาศแยกตัวออกจากตารางแฟชั่นวีค หรือลดจำนวนพนักงาน โดยทั้งหมดนั้นก็เพื่อการรับมือกับเศรษฐกิจโลกที่เข้าขั้นเกือบจะวิกฤต

