เป็นอีกหนึ่งศิลปินที่ไม่เคยหยุดนิ่ง ก่อนหน้านี้เพิ่งออกแบรนด์กระเป๋าของตัวเอง ไปเดินแบบในงานโซล แฟชั่นวีค ล่าสุดกอล์ฟ-พิชญะ นิธิไพศาลกุล บินตรงไปนิวยอร์กเพื่อถ่ายแบบกับนิตยสารชื่อดังของที่นั่น งานนี้กอล์ฟเต็มที่สุด เพราะได้ประกบนางแบบถิ่น ช่างภาพมือโปร รวมทั้งทีมงานระดับอินเตอร์อีกเพียบ
บาซาร์เก็บทั้งภาพแฟชั่นสุดเอ็กซ์คลูซีฟและบทสัมภาษณ์ถึงเรื่องราวการทำงานของกอล์ฟมาฝากกันด้วย

Q: อะไรทำให้กอล์ฟเริ่มสนใจแฟชั่นหรอคะ หรือสนใจมานานแล้ว?
A: ตอนเด็กๆกอล์ฟเรียนออกแบบมาบ้าง แล้วก็ชอบวาดรูป มันคงซึมซับมา และปกติเป็นคนชอบแต่งตัวแบบมีความเยอะอยู่แล้ว(หัวเราะ) แล้วเป็นคนชอบแฟชั่นหรือเสื้อผ้าอะไรที่แปลกๆไม่เหมือนใคร แต่ก็ไม่ถึงกับใส่ไม่ได้ในชีวิตประจำวัน ให้พอใส่แล้วดูมีอะไร เลยเป็นที่มาว่าเราชอบแต่งตัวชอบแมทช์ชุด ชอบออกแบบครับ แล้วยิ่งพอออกแบบเป็นแบรนด์ของตัวเอง ความเป็นเราก็เริ่มชัดเจนมากขึ้น มองดูแล้วสิ่งที่ชอบมันคือการออกแบบ ไม่ใช่แค่เรื่องของแฟชั่นอย่างเดียวครับ มันรวมไปถึงการออกแบบสตอรี่บอร์ด การตัดต่อวีดิโอ แล้วก็เรื่องการทำเบื้องหลังซึ่งกอล์ฟเริ่มทำมาสักพักนึงแล้ว
Q: อะไรที่โหดสุดในการไปถ่ายครั้งนี้?
A: ที่นู่นไม่เหมือนเมืองไทยเลยครับ จะไปถ่ายตรงไหน มันไม่มีรถตู้ ต้องลุยเอง ขึ้นรถไฟ แท็กซี่ บางที่ต้องเรียก Uber เพื่อไปถ่ายทำ วันแรกของกอล์ฟก็เป็นเรื่องเลย ปกติกอล์ฟตรงเวลามาก ถ้าจะสายอย่างมากก็ไม่เกินสิบถึงสิบห้านาที แต่คราวนี้ไป สายไปประมาณชั่วโมงครึ่ง! เพราะเราไม่เคยไปตรงจุดที่เขาบอก แล้วอินเทอร์เน็ตก็มีปัญหาเรียก Uber ไม่ได้ พอเรียกได้ก็มีการปิดถนนส่วนที่ต้องไปพอดี สุดท้ายก็ต้องลงไปขึ้นรถไฟแทนซึ่งค่อนข้างลำบากเพราะไม่คุ้นทาง บวกกับไม่มีสัญญาณในสถานีรถไฟด้วย พอถึงสถานีนั้นก็ต้องวิ่งพร้อมลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ที่เราใส่รองเท้า เสื้อผ้าและพร็อพส่วนตัวไปด้วย ไปถึงนี่แทบจะก้มกราบทีมงานทุกคนเลย
Q: ไปถ่ายแบบคราวนี้แล้วอะไรสนุกที่สุด
A: กอล์ฟว่ารวมๆแล้วเหมือนได้ผจญภัย เพราะเวลาอยู่ที่ไทยเราก็ไปถ่ายละครขึ้นรถตู้สบายๆ แต่ครั้งนี้เหมือนได้กลับไปลำบากอีกครั้ง เหมือนเริ่มต้นจากศูนย์ เริ่มต้นใหม่ ทำให้เราฮึดสู้ใหม่ ถ้าเราสนุกไปกับมันและยิ่งเป็นงานด้านแฟชั่นในอเมริกาซึ่งเป็นงานที่ท้าทายและน่าตื่นเต้น ก็ยิ่งอยากทำให้มันออกมาดีครับ
Q: แล้วไปทำงานที่นั่น รู้สึกว่าอะไรเป็นเรื่องใหม่สำหรับเรา?
A: กอล์ฟว่าโอกาสมันเปิดมากกว่าประเทศไทย คือเราต้องวิ่งเข้าไปหามัน ไปแคสติ้งบ่อยๆ ต้องลุยมากกว่าที่ไทย เพราะที่ไทยเราก็ค่อนข้างเป็นที่รู้จัก อย่างการแสดงละครถ้าในประเทศไทยก็จะเลือกตามผลงานที่เคยมีมา เห็นคนนี้เล่นดีก็ชวนมาเล่น แต่ที่นู่นคือถ้าจะได้เล่นก็ต้องแคสต์ ต่อให้มีชื่อเเสียงแค่ไหนก็ต้องแคสต์เพื่อให้ได้ตัวละครนั้นหรืองานชิ้นนั้นๆ อันนี้พูดในเชิงความเป็นนักแสดง รวมไปถึงวงการนางแบบนายแบบด้วย
Q: ถ้ามีโอกาสจะกลับไปลุยอีกไหม?
A: ก็อยากกลับไปนะครับ ถ้าไปๆกลับๆแบบนี้ก็ยังโอเคนะครับ เพราะถ้าอยู่นู้นตลอดเลย ก็ทิ้งทางนี้ไม่ได้ครับแต่ที่นู้นแอบเหนื่อยและต้องต่อสู้มากนะครับคนเก่งๆเยอะ แล้วเหมือนต้องนับหนึ่งใหม่ทุกงาน
Q: งานชิ้นต่อไปที่เราจะได้เห็นจากกอล์ฟคืออะไร
A: ตอนนี้มีถ่ายละครช่องวันเรื่องนางสาวไม่จำกัดนามสกุล ส่วนธุรกิจแบรนด์กระเป๋า ตอนนี้ก็เริ่มคุยกับทางห้างสรรพสินค้าบ้างตั้งใจจะเอาไปวางขาย เพิ่มจากปกติที่ขายเฉพาะออนไลน์ครับ แล้วก็กำลังจะปล่อยคอลเลคชั่นใหม่ เซ็ทที่เพิ่งไปถ่ายที่แอลเอ งานนั้นผมเป็นเบื้องหลังสุดๆเลยครับ ทั้งดีลกับนางแบบ ช่างภาพ ขนของ เป็นสไตลิสต์ ทำทุกอย่างเลย เหนื่อยกว่าเป็นนายแบบเอง อีก ยังไงก็ขอฝากด้วยนะครับ

A: ตอนเด็กๆกอล์ฟเรียนออกแบบมาบ้าง แล้วก็ชอบวาดรูป มันคงซึมซับมา และปกติเป็นคนชอบแต่งตัวแบบมีความเยอะอยู่แล้ว(หัวเราะ) แล้วเป็นคนชอบแฟชั่นหรือเสื้อผ้าอะไรที่แปลกๆไม่เหมือนใคร แต่ก็ไม่ถึงกับใส่ไม่ได้ในชีวิตประจำวัน ให้พอใส่แล้วดูมีอะไร เลยเป็นที่มาว่าเราชอบแต่งตัวชอบแมทช์ชุด ชอบออกแบบครับ แล้วยิ่งพอออกแบบเป็นแบรนด์ของตัวเอง ความเป็นเราก็เริ่มชัดเจนมากขึ้น มองดูแล้วสิ่งที่ชอบมันคือการออกแบบ ไม่ใช่แค่เรื่องของแฟชั่นอย่างเดียวครับ มันรวมไปถึงการออกแบบสตอรี่บอร์ด การตัดต่อวีดิโอ แล้วก็เรื่องการทำเบื้องหลังซึ่งกอล์ฟเริ่มทำมาสักพักนึงแล้ว

A: ที่นู่นไม่เหมือนเมืองไทยเลยครับ จะไปถ่ายตรงไหน มันไม่มีรถตู้ ต้องลุยเอง ขึ้นรถไฟ แท็กซี่ บางที่ต้องเรียก Uber เพื่อไปถ่ายทำ วันแรกของกอล์ฟก็เป็นเรื่องเลย ปกติกอล์ฟตรงเวลามาก ถ้าจะสายอย่างมากก็ไม่เกินสิบถึงสิบห้านาที แต่คราวนี้ไป สายไปประมาณชั่วโมงครึ่ง! เพราะเราไม่เคยไปตรงจุดที่เขาบอก แล้วอินเทอร์เน็ตก็มีปัญหาเรียก Uber ไม่ได้ พอเรียกได้ก็มีการปิดถนนส่วนที่ต้องไปพอดี สุดท้ายก็ต้องลงไปขึ้นรถไฟแทนซึ่งค่อนข้างลำบากเพราะไม่คุ้นทาง บวกกับไม่มีสัญญาณในสถานีรถไฟด้วย พอถึงสถานีนั้นก็ต้องวิ่งพร้อมลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ที่เราใส่รองเท้า เสื้อผ้าและพร็อพส่วนตัวไปด้วย ไปถึงนี่แทบจะก้มกราบทีมงานทุกคนเลย

A: กอล์ฟว่ารวมๆแล้วเหมือนได้ผจญภัย เพราะเวลาอยู่ที่ไทยเราก็ไปถ่ายละครขึ้นรถตู้สบายๆ แต่ครั้งนี้เหมือนได้กลับไปลำบากอีกครั้ง เหมือนเริ่มต้นจากศูนย์ เริ่มต้นใหม่ ทำให้เราฮึดสู้ใหม่ ถ้าเราสนุกไปกับมันและยิ่งเป็นงานด้านแฟชั่นในอเมริกาซึ่งเป็นงานที่ท้าทายและน่าตื่นเต้น ก็ยิ่งอยากทำให้มันออกมาดีครับ

A: กอล์ฟว่าโอกาสมันเปิดมากกว่าประเทศไทย คือเราต้องวิ่งเข้าไปหามัน ไปแคสติ้งบ่อยๆ ต้องลุยมากกว่าที่ไทย เพราะที่ไทยเราก็ค่อนข้างเป็นที่รู้จัก อย่างการแสดงละครถ้าในประเทศไทยก็จะเลือกตามผลงานที่เคยมีมา เห็นคนนี้เล่นดีก็ชวนมาเล่น แต่ที่นู่นคือถ้าจะได้เล่นก็ต้องแคสต์ ต่อให้มีชื่อเเสียงแค่ไหนก็ต้องแคสต์เพื่อให้ได้ตัวละครนั้นหรืองานชิ้นนั้นๆ อันนี้พูดในเชิงความเป็นนักแสดง รวมไปถึงวงการนางแบบนายแบบด้วย

A: ก็อยากกลับไปนะครับ ถ้าไปๆกลับๆแบบนี้ก็ยังโอเคนะครับ เพราะถ้าอยู่นู้นตลอดเลย ก็ทิ้งทางนี้ไม่ได้ครับแต่ที่นู้นแอบเหนื่อยและต้องต่อสู้มากนะครับคนเก่งๆเยอะ แล้วเหมือนต้องนับหนึ่งใหม่ทุกงาน

A: ตอนนี้มีถ่ายละครช่องวันเรื่องนางสาวไม่จำกัดนามสกุล ส่วนธุรกิจแบรนด์กระเป๋า ตอนนี้ก็เริ่มคุยกับทางห้างสรรพสินค้าบ้างตั้งใจจะเอาไปวางขาย เพิ่มจากปกติที่ขายเฉพาะออนไลน์ครับ แล้วก็กำลังจะปล่อยคอลเลคชั่นใหม่ เซ็ทที่เพิ่งไปถ่ายที่แอลเอ งานนั้นผมเป็นเบื้องหลังสุดๆเลยครับ ทั้งดีลกับนางแบบ ช่างภาพ ขนของ เป็นสไตลิสต์ ทำทุกอย่างเลย เหนื่อยกว่าเป็นนายแบบเอง อีก ยังไงก็ขอฝากด้วยนะครับ
