สำหรับผู้ที่หลงใหลในความหรูหราผ่านเรือนเวลาดีไซน์โดดเด่นไม่เหมือนใครอย่าง แฟรงค์ มูลเลอร์ (Franck Muller) อาจจะเคยเห็นแคมเปญ My Franck Muller ผ่านตากับรูปถ่ายแฟชั่นของเซเลบริตี้ ทั้ง 12 เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์กันแล้วบ้าง ครั้งนี้บาซาร์ได้พูดคุยกับ Mr. Nicholas Rudaz ซีซีโอแฟรงค์ มูลเลอร์ ถึงภาคต่อของแคมเปญ ด้วยการสื่อสารผ่านเรือนเวลาของข้อมือของบุคคลหลายวงการ 60 ท่าน ที่กำลังจัดนิทรรศการในขณะนี้
BAZAAR: ในความคิดของคุณแล้ว คนที่ครอบครองนาฬิกาแฟรงค์ มูลเลอร์เป็นคนแบบไหน?
Nicholas Rudaz: ผมคิดว่าไม่ว่าใคร อายุเท่าไหร่ก็สามารถใส่นาฬิกาแฟรงค์ มูลเลอร์ได้ ซึ่งเป็นคนที่หลงใหลในความหรูหราและมองหาความโดดเด่นไม่เหมือนใคร เพราะเรามีความโดดเด่นไม่เหมือนใครและดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์สะดุดตา ไม่ว่าจะเป็นตัวเลข สี รูปทรง ความซับซ้อน ตอบโจทย์ทุกคนด้วยตัวเลือกที่หลากหลายครอบคลุมทุกความต้องการและวาระโอกาส BZ: แคมเปญ My Franck Muller ครั้งแรก กับครั้งนี้แตกต่างอย่างไรบ้าง?
NR: ตอนต้นเดือนกุมภาพันธ์ทาง Pendulum Thailand ได้จัดตั้งนิทรรศการนี้ขึ้นมาผ่านผู้ที่หลงรักนาฬิกาแฟรงค์ มูลเลอร์ทั้ง 12 คนที่เป็นตัวเเทนของชั่วโมงทั้ง 12 ที่ได้ช่างภาพอย่างคุณณัฐ ประกอบสันติสุข ถ่ายทอดภาพขาวดำที่เปี่ยมไปด้วยความสง่าและอารมณ์อย่างลึกซึ้ง แต่ครั้งนี้เป็นภาคต่อที่เราอยากเล่าต่อโดยได้รับเกียรติจากบุคคลหลายวงการถึง 60 คน ที่เป็นตัวแทนของ 60 วินาที ในการเล่าเรื่องราวความประทับใจต่อแฟรงค์ มูลเลอร์ในแบบฉบับของตัวเองเพียงเสี้ยวนาทีในรูปภาพเหล่านี้ ผมคิดว่าภาพถ่ายของครั้งนี้ที่ใส่ความเป็นตัวเอง จะทำให้คนเข้าถึงเรื่องราวของพวกเขาได้ง่ายขึ้น
BZ: แล้วใครคือช่างภาพที่อยู่เบื้องหลังของแคมเปญครั้งนี้?
NR: ครั้งนี้เราได้รับเกียรติจากช่างภาพถึง 2 คน ได้แก่ คุณอู๋ ธนากร โปษยานนท์ เขาเป็นนักแสดงและผู้กำกับ ถึงไม่ใช่ช่างภาพมืออาชีพ แต่เขาเคยถ่ายภาพเบื้องหลังของนักแสดงที่มีมุมมองที่น่าสนใจ ส่วนอีกคนก็คือ คุณบี เอกนรี วชิรบรรจง ลูกสาวของคุณอ๊อฟ พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง กับคุณธัญญา โสภณ ที่เพิ่งเรียนจบด้านถ่ายภาพมาหมาดๆ เธอยังเด็กและมีความสดใหม่ที่ไม่ธรรมดาเลย
BZ: นาฬิการุ่นเด่นของแคมเปญนี้คือรุ่นอะไร?
NR: ในครั้งแรกเรามี Crazy Hours รุ่นพิเศษฉลองครบครอบ 15 ปี แต่ครั้งนี้ดาวเด่นของแคมเปญนี้เป็นรุ่นขายดีในประเทศไทยที่มีถึง 4 รุ่นด้วยกันได้แก่ มาสเตอร์ สแควร์ (Master Square), ลอง ไอส์แลนด์ (Long Island), ซินทรี เคอร์เว็กซ์ (Cintree Curvex) และ แวงการ์ด (Vanguard) BZ: ดีเอ็นเอของแฟรงค์ มูลเลอร์คืออะไร?
NR: แฟรงค์ มูลเลอร์เป็นสุดยอดในการสร้างสรรค์ความสลับซับซ้อนทางเทคนิคจักรกลมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ตอนแรกเริ่มเรายังไม่โดดเด่นด้านดีไซน์เท่าไหร่ แต่มีภรรยาของนักสะสมมาสั่งทำนาฬิกาผู้หญิงที่จุดประกายให้เราออกแบบนาฬิกาที่ได้แรงบันดาลใจจากส่วนโค้งส่วนเว้าของผู้หญิง จึงเกิดเป็นรุ่นซินทรี เคอร์เว็กซ์ ที่มีความโดดเด่นกับความโค้งมนรอบด้าน 360 องศาของกระจก หน้าปัดและความเคลื่อนไหว ซึ่งมีหลายขนาดและเป็นนาฬิกาที่ใส่ได้ทุกเพศ ตัวเลขบนหน้าปัดที่มองเห็นจากระยะไกลแล้วสะดุดตา ซึ่งเราเป็นแบรนด์แรกที่กล้าใช้สีในตัวเลขบอกเวลา และแน่นอนว่าเพชรก็นับเป็นอีกดีเอ็นเอของแบรนด์ เพราะผู้ร่วมก่อตั้งแบรนด์ Mr. Vartan Sirmakes เขาเป็น diamond setter ที่เคยเซ็ตไดมอนด์ให้กับคาร์เทียร์ ดังนั้นทั้งหมดนี้คือดีเอ็นเออันเเข็งเเกร่งที่ยังคงยืนหยัดและเหนือกาลเวลา ถึงแม้คุณจะหยิบแฟรงค์ มูลเลอร์อายุ 20 มาใส่ก็ยังดูน่าสวมใสและทันสมัย BZ: คุณจะนิยาม “My Franck Muller is…” ว่าอะไร?
NR: สำหรับผมแล้ว ‘My Franck Muller is My Passion’ เพราะว่านี่คือชีวิตของผม ที่ผมใช้เวลาและพลังงานมากมายในการมีส่วนร่วมกับนาฬิกาไอคอนิกชิ้นงาม และผมชอบเลือกใส่แฟรงค์ มูลเลอร์แต่ละแบบในแต่ละโอกาส และเร็วๆ นี้ เราจะออกรุ่นเคอร์เว็กซ์รุ่นแรกที่ใส่ดำน้ำได้ที่กันน้ำได้ถึง 100 เมตร และคิดว่าน่าจะถูกใจนักประดาน้ำคอแฟชั่นเลยทีเดียว
นิทรรศการ My Franck Muller จัดขึ้นระหว่างวันที่ 22-30 กันยายน นี้ ณ Hall of Fame ชั้น M ศูนย์การค้าสยามพารากอน
Nicholas Rudaz: ผมคิดว่าไม่ว่าใคร อายุเท่าไหร่ก็สามารถใส่นาฬิกาแฟรงค์ มูลเลอร์ได้ ซึ่งเป็นคนที่หลงใหลในความหรูหราและมองหาความโดดเด่นไม่เหมือนใคร เพราะเรามีความโดดเด่นไม่เหมือนใครและดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์สะดุดตา ไม่ว่าจะเป็นตัวเลข สี รูปทรง ความซับซ้อน ตอบโจทย์ทุกคนด้วยตัวเลือกที่หลากหลายครอบคลุมทุกความต้องการและวาระโอกาส BZ: แคมเปญ My Franck Muller ครั้งแรก กับครั้งนี้แตกต่างอย่างไรบ้าง?
NR: ตอนต้นเดือนกุมภาพันธ์ทาง Pendulum Thailand ได้จัดตั้งนิทรรศการนี้ขึ้นมาผ่านผู้ที่หลงรักนาฬิกาแฟรงค์ มูลเลอร์ทั้ง 12 คนที่เป็นตัวเเทนของชั่วโมงทั้ง 12 ที่ได้ช่างภาพอย่างคุณณัฐ ประกอบสันติสุข ถ่ายทอดภาพขาวดำที่เปี่ยมไปด้วยความสง่าและอารมณ์อย่างลึกซึ้ง แต่ครั้งนี้เป็นภาคต่อที่เราอยากเล่าต่อโดยได้รับเกียรติจากบุคคลหลายวงการถึง 60 คน ที่เป็นตัวแทนของ 60 วินาที ในการเล่าเรื่องราวความประทับใจต่อแฟรงค์ มูลเลอร์ในแบบฉบับของตัวเองเพียงเสี้ยวนาทีในรูปภาพเหล่านี้ ผมคิดว่าภาพถ่ายของครั้งนี้ที่ใส่ความเป็นตัวเอง จะทำให้คนเข้าถึงเรื่องราวของพวกเขาได้ง่ายขึ้น

NR: ครั้งนี้เราได้รับเกียรติจากช่างภาพถึง 2 คน ได้แก่ คุณอู๋ ธนากร โปษยานนท์ เขาเป็นนักแสดงและผู้กำกับ ถึงไม่ใช่ช่างภาพมืออาชีพ แต่เขาเคยถ่ายภาพเบื้องหลังของนักแสดงที่มีมุมมองที่น่าสนใจ ส่วนอีกคนก็คือ คุณบี เอกนรี วชิรบรรจง ลูกสาวของคุณอ๊อฟ พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง กับคุณธัญญา โสภณ ที่เพิ่งเรียนจบด้านถ่ายภาพมาหมาดๆ เธอยังเด็กและมีความสดใหม่ที่ไม่ธรรมดาเลย

NR: ในครั้งแรกเรามี Crazy Hours รุ่นพิเศษฉลองครบครอบ 15 ปี แต่ครั้งนี้ดาวเด่นของแคมเปญนี้เป็นรุ่นขายดีในประเทศไทยที่มีถึง 4 รุ่นด้วยกันได้แก่ มาสเตอร์ สแควร์ (Master Square), ลอง ไอส์แลนด์ (Long Island), ซินทรี เคอร์เว็กซ์ (Cintree Curvex) และ แวงการ์ด (Vanguard) BZ: ดีเอ็นเอของแฟรงค์ มูลเลอร์คืออะไร?
NR: แฟรงค์ มูลเลอร์เป็นสุดยอดในการสร้างสรรค์ความสลับซับซ้อนทางเทคนิคจักรกลมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ตอนแรกเริ่มเรายังไม่โดดเด่นด้านดีไซน์เท่าไหร่ แต่มีภรรยาของนักสะสมมาสั่งทำนาฬิกาผู้หญิงที่จุดประกายให้เราออกแบบนาฬิกาที่ได้แรงบันดาลใจจากส่วนโค้งส่วนเว้าของผู้หญิง จึงเกิดเป็นรุ่นซินทรี เคอร์เว็กซ์ ที่มีความโดดเด่นกับความโค้งมนรอบด้าน 360 องศาของกระจก หน้าปัดและความเคลื่อนไหว ซึ่งมีหลายขนาดและเป็นนาฬิกาที่ใส่ได้ทุกเพศ ตัวเลขบนหน้าปัดที่มองเห็นจากระยะไกลแล้วสะดุดตา ซึ่งเราเป็นแบรนด์แรกที่กล้าใช้สีในตัวเลขบอกเวลา และแน่นอนว่าเพชรก็นับเป็นอีกดีเอ็นเอของแบรนด์ เพราะผู้ร่วมก่อตั้งแบรนด์ Mr. Vartan Sirmakes เขาเป็น diamond setter ที่เคยเซ็ตไดมอนด์ให้กับคาร์เทียร์ ดังนั้นทั้งหมดนี้คือดีเอ็นเออันเเข็งเเกร่งที่ยังคงยืนหยัดและเหนือกาลเวลา ถึงแม้คุณจะหยิบแฟรงค์ มูลเลอร์อายุ 20 มาใส่ก็ยังดูน่าสวมใสและทันสมัย BZ: คุณจะนิยาม “My Franck Muller is…” ว่าอะไร?
NR: สำหรับผมแล้ว ‘My Franck Muller is My Passion’ เพราะว่านี่คือชีวิตของผม ที่ผมใช้เวลาและพลังงานมากมายในการมีส่วนร่วมกับนาฬิกาไอคอนิกชิ้นงาม และผมชอบเลือกใส่แฟรงค์ มูลเลอร์แต่ละแบบในแต่ละโอกาส และเร็วๆ นี้ เราจะออกรุ่นเคอร์เว็กซ์รุ่นแรกที่ใส่ดำน้ำได้ที่กันน้ำได้ถึง 100 เมตร และคิดว่าน่าจะถูกใจนักประดาน้ำคอแฟชั่นเลยทีเดียว
นิทรรศการ My Franck Muller จัดขึ้นระหว่างวันที่ 22-30 กันยายน นี้ ณ Hall of Fame ชั้น M ศูนย์การค้าสยามพารากอน