South Royal Mail Centre อาคารเก่าในย่าน Vauxhall ของกรุงลอนดอน คือสถานที่แห่งใหม่ที่ Riccardo Tisci เลือกจัดโชว์ครั้งแรกของเขากับ Burberry แบรนด์ประวัติศาสตร์เก่าแก่ของอังกฤษอายุ 162 ปี
รันเวย์ฮอลล์ในห้องสี่เหลี่ยมจัตุรัสถูกแบ่งเป็นส่วนๆ อย่างกลมกลืนด้วยผ้าม่านจับเดรปสีเบจรายรอบ เก้าอี้ดูโชว์หลากแบบเริ่มจากม้านั่งทรงลูกเต๋าทำจากปูนสีเทาส่วนตัวเบาะเป็นสีเบจ เก้าอี้อีกแบบเป็นโซฟาขนาดหนึ่งที่นั่งทำจากไม้เคลือบเงาวาววับรับกับเบาะหนังสีเบจ เสาอาคารหุ้มด้วยแผ่นอะคริลิกเงินแวววาว มีการใช้ฉากกรุกระจกฝ้าลายน้ำเป็นระยะๆ เช่นเดียวกับฉากไม้วอลนัทสีน้ำตาลคลาสสิกที่เลื่อนได้ตอนปิด-เปิดโชว์ และที่ไม่พูดถึงไม่ได้นั่นคือรันเวย์ที่ลัดเลาะไปมารอบรอบฮอลล์ จากทางออกนางแบบที่เป็นเวทียกพื้นสูงวัสดุไม้ทาสีเทา สู่รันเวย์อีกด้านทำจากไม้สีน้ำตาลเข้มสร้างเป็นพื้นลาดลงสู่พื้นพรมในโทนสีเทา ก่อนจะหักมุมสู่อีกด้านหนึ่งซึ่งสร้างเป็นรันเวย์ขั้นบันไดกว้างในโทนสีเทาเช่นกัน นี่คือมิติใหม่ที่แท้จริงของการทำรันเวย์ในซีซั่นปัจจุบัน
ในช่วง Pre-show คือความมืดมิด มีเพียงแสงเล็ดลอดจากหลังคากระจกและหน้าต่างพอสลัวๆ และบีทดนตรีเทคโนเสียงดังตึงๆ เหมือนมีบาร์อยู่ข้างห้อง เพลงค่อยๆ เพิ่มความดังขึ้นเรื่อยๆ ทันใดนั้นแสงไฟก็สาดส่องขึ้นพร้อมๆ กับผ้าม่านจับเดรปสีเบจรอบห้องที่ค่อยๆ เลื่อนมาเป็นฉากกั้นขนานรับกับผนังไม้วอลนัท (ที่เลื่อนได้เช่นกัน) และผ้าคลุมหลังคาใสค่อยๆ หลุดออก พาให้ทั้งฮอลล์สว่างขึ้นมาทันใด ริคคาร์โด้ (Riccardo Tisci) เลือก Unfinished Sympathy ซิงเกิ้ลดังในปี 1994 ของวงอังกฤษสุดเก๋แมสซีฟ แอตแทค (Masive Attack) เป็นโอเพนนิ่งแทร็ก เสียงเคาะและเครื่องสายช่วยสร้างบรรยากาศแบบ Dark Romanticism ให้มีมนต์ขลังตามแบบฉบับของริคคาร์โด้ “วงแมสซีฟ แอตแทคมีอิทธิพลต่อชีวิตผมมาก ผมรู้จักกับวงดนตรีนี้สมัยที่ยังเป็นเรียนอยู่ที่ลอนดอน แล้วพอผมเริ่มวางแผนทำโชว์แรกของผมที่เบอร์เบอรี่ ผมก็ตัดสินใจเลยว่าเราต้องร่วมงานกับแมสซีฟ แอตแทคเพื่อนำเอาซาวนด์ที่เป็นแรงบันดาลใจของผมกลับมาอีกครั้ง ผมดีใจมากที่ร็อบ เดล นาจา (Rob Del Naja) ทำซาวนด์แทร็กให้กับคอลเลกชั่นเดบิวต์ของผม” ริคคาร์โด้ ทิสซี ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ของเบอร์เบอรี่กล่าว
“ตอนผมรวมรวมข้อมูลเพื่อออกแบบคอลเลกชั่นแรกที่ผมทำให้เบอร์เบอรี่ สิ่งที่ผมนึกถึงหลักๆ คือ การเดินทาง ตั้งแต่ทริปส่วนตัวที่ผมกลับมาลอนดอนอีกครั้ง 20 ปีให้หลังจากการโชว์จบการศึกษาที่ผมได้มาโชว์ที่นี่ ไปจนถึงการเดินทางที่ทำให้เห็นว่าผมมาไกลแค่ไหนจากวันนั้น ผมได้รับแรงบันดาลใจจากลอนดอนเมืองซึ่งทำให้ผมใฝ่ฝันอยากจะเป็นดีไซเนอร์ และจากการที่ลอนดอนเป็นเมืองที่เปลี่ยนแปลง มีวิวัฒนาการไปอย่างมากตลอดเวลาที่ผ่านมา โชว์ในครั้งนี้เป็นการเฉลิมฉลองวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียม ประเพณี และสัญลักษณ์แห่งความหมายของแบรนด์แฟชั่นระดับตำนาน รวมทั้งเชิดชูคตินิยมสรรผสาน (eclecticism) ที่ก่อให้เกิดความแตกต่างอันสวยงามของสหราชอาณาจักร” ริคคาร์โด้กล่าว โดยเขาตั้งชื่อคอลเลกชั่นแรกของเขากับเบอร์เบอรี่ว่า ‘Kingdom’ เพื่อฉลองให้กับความหลากหลายในใจกลางของอังกฤษ จุดหลอมรวมของความคิดสร้างสรรค์และประเพณีนิยมทางด้านสไตล์ จากพังก์สู่แนวขบถไปจนถึงแนวทางการแบบสุภาพเรียบร้อย ที่สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างกลมกลืน
จากลุคแรกกับเทรนช์โค้ตโครงคลาสสิกที่ปรับแต่งดีเทลใหม่หมด สวมกับเบลาส์ลาย Thomas Burberry Monogram ที่ริคคาร์โด้ร่วมออกแบบกับปีเตอร์ เซวิลล์ (Peter Saville) อาร์ตไดเร็กเตอร์รุ่นเก๋าที่ฝากผลงานระดับสุดยอดเอาไว้นับไม่ถ้วน คาดทับด้วยเข็มขัดอีลาสตินเส้นใหญ่โต ต่อด้วยเบลาส์ผูกโบสวมกับกระโปรงอัดพลีตความยาวคลุมเข่าที่ชวนให้นึกถึงสไตล์บรรณารักษ์ห้องสมุด ลายตาราง Burberry ได้รับการปรับแต่งใหม่หมดปรากฎอยู่บนเบลาส์ผูกโบแสนเก๋กระโปรงอัดพลีตยังมีมาเรื่อยๆหลากลายสีและวัสดุอย่างพลีตผ้าชีฟองลายสุนัขจุดเช่นเดียวกับกระโปรงทรงสอบเส้นสายชัดเจนที่ทำจากหลากวัสดุอย่างหนังในโทนสีคาเมลสีบัตเตอร์สก็อตช์สีน้ำตาลไหม้ฯลฯ
นางแบบในโชว์แรกสุดของริคคาร์โด้มากันหลากรุ่น ที่เด่นๆ อย่างเช่น
สเตลล่า เทนเน่นต์ (Stella Tennant) เบลาส์ลาย TB Monogram สวมกับกระโปรงสอบหนังสีเบจวาววับคลุมทับด้วยแจ๊กเก็ตตัวโคร่งและกระเป๋าลายตารางเบอร์เบอรี่ใหม่ล่าสุด
มาเรียคาร์ล่า บอสโกโน่ (Mariacarla Boscono) ในลุคเทรนช์โค้ตสุดคลาสสิกตกแต่งด้วยหนังเอ็กโซติกสกินสุดเปรี้ยว
ลิลลี่ โดนัลด์สัน (Lily Donaldson) ในลิลเติ้ลแบล็กเดรสคอผูกโซ่ห่วงประดับเข็มขัดทองและคริสตัลสวมทับด้วยแจ๊กเก็ตสีดำอีกชั้น
เคนดัล เจนเนอร์ (Kendal Jenner) ในเบลาส์เนื้อผ้าวาววับสวมกับกางเกงและเทรนช์โค้ตประดับขอบด้วยห่วงเมทัลลิกสีทองสุดตระการตา
เฟรย่า เบฮา อีริคเซน (Freja Beha Erichsen) ในชุดสูทสามชิ้นแบบ Savile Row ที่ทวิสต์ให้มีเรื่องมีราวด้วยการแต่งดีเทลตัดต่อและจั๊มป์ช่วงต้นแขนขึ้นแบบเก๋ๆ
นาตาเลีย โวเดียโนว่า (Natalia Vodianova) ในเสื้อลายเสือดาวสวมกับกระโปรงผ้าชีฟองอัดพลีตลายสุนัขจุดดำขาวทับด้วยแจ๊กเก็ตสีเบจกุ๊นขอบด้วยผ้าซาตินตุ้มหุสีขาวรับกับรองเท้าส้นสูงสายพันข้อสีขาวได้อย่างสง่างาม
ต่อด้วยขบวนชุดชายหนุ่มเบอร์เบอรี่ลุคใหม่ล้วนอีก 20 ลุค จากนั้นจึงเข้าสู่ช่วงที่สามของโชว์นั่นคือเซ็ตสาวเก๋แนวพังก์ ที่ริคคาร์โด้ตั้งใจนำเสนอเพื่อแสดงถึงการผสมผสานสไตล์อังกฤษในแบบของเขาอย่างชัดเจน ปิดท้ายโชว์ในวันนี้ด้วยขบวนชุดยาวผ้าเจอร์ซีสีดำ 7 ลุคที่ให้ความรู้สึกแบบโมเดิร์นโกธิก แอบมีดีเทลเล็กๆ ด้วยการปักคริสตัลเม็ดจิ๋วที่ชายเสื้อ
ในยุคสมัยที่ผู้คนเอาแน่เอานอนไม่ได้ อารมณ์ในการลุกขึ้นแต่งตัวที่ผันแปรไปมา โชว์ในครั้งนี้ได้แสดงถึงความกว้างใหญ่ของวัฒนธรรมอังกฤษในปัจจุบัน ตลอดจนการให้นิยามทางภาษาภาพและความหมายของเบอร์เบอรี่ ผ่านทางสัญลักษณ์และแอกเซสเซอรี่ใหม่ๆ ของแบรนด์ เสื้อผ้าทั้งหมดจำนวน 134 ลุค หลากสไตล์ หลากมู้ด หลากซิลูเอตในคอลเลกชั่นเดียวกัน ที่ริคคาร์โด้ได้นำพาเบอร์เบอรี่เข้าสู่ศักราชใหม่ สำหรับผู้คนทุกเพศทุกวัย ทุกสไตล์ และทุกรสนิยม ถือได้ว่านี่คือจุดเปลี่ยนของแฟชั่นอย่างแท้จริง
