“การดูแลผิวหน้าให้สวยและอยู่กับเราอย่างยั่งยืน นับเป็นกิจวัตรประจำวันที่ต้องคอยใส่ใจอย่างสม่ำเสมอ” คุณปอ-ศจิกา ทองสุข ผู้ก่อตั้ง BFF และกรรมการผู้จัดการ บริษัท โอซี เทรดดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวและเล่าถึงบทบาทการทำงานและความหลงใหลในสกินแคร์อย่างไร้ข้อจำกัดของเธอ ที่เราบอกเลยว่าผิวของเวิร์กกิ้งวูแมนวัย 37 ปี ในรูปคนนี้ไม่ได้ถูกการทำรีทัชแต่อย่างใดทั้งสิ้น

บทบาทการทำงาน
“ตอนนี้ปอทำธุรกิจสองอย่างก็คือ BFF ร้านสกินแคร์มัลติแบรนด์ และเป็นผู้ก่อตั้งโรงเรียนอนุบาลอิสระปัญญาค่ะ ในส่วนของร้าน BFF ปอมีส่วนร่วมในการทำทุกอย่างเลยตั้งแต่การเลือกของ ลงของ เทรนนิ่งนอกจากนี้เราก็ยังมีส่วนของสปา The Penthouse by BFF อยู่ชั้น 4 ของ J avenue เป็นสปาที่แรกในประเทศไทยมีซิกเนเจอร์ทรีตเม้นต์ในแต่ละแบรนด์ที่เราแคร์รี่ใน BFF โดยที่อื่นไม่มี เช่น 111skin จะเป็นสปาก็อยู่ในโรงแรมบุลการีที่ลอนดอน หรือโรงเเรมโฟรซีซั่นในเบเวอรี่ฮิลส์
ด้านโรงเรียนอนุบาลอิสระปัญญาปอเปิดได้เกือบ 10 ปีแล้วค่ะ เราดูแลนักเรียนอยู่ 100 คน ตอนนี้ปอเป็นครูใหญ่ที่โรงเรียนโรงเรียน ปอชอบการสอน เรามองว่าการจบครูเรามีสกิลทางการอธิบาย เพราะอย่างเด็กเราต้องอธิบายเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่าย เราก็นำข้อนี้มาใช้อธิบายน้องๆ ในร้าน BFF ด้วยการย่อยวิทยาศาสตร์ให้เข้าใจง่ายขึ้น โดยปอจะเข้าไปที่โรงเรียนอาทิตย์ละ 1-2 ครั้ง แทนที่เราจะมองว่าเด็กเรียนรู้จากเรา แต่กลับเป็นว่าเราเรียนรู้จากเขาให้มีความสุขจากอะไรง่ายๆ ดังนั้นการได้ผลิตคนดีๆ ก็เป็นความสุขของเรา”
“ด้วยความที่เราบ้าดูแลตัวเองตั้งแต่เด็ก พอได้เรียนครูที่อเมริกา แล้วเราเจอแบรนด์เเปลกๆ ที่ไม่ค่อยมีคนใช้ พอเราใช้แล้วรู้สึกดีก็จะแบบว่า..อุ้ยดี! เราได้ทดลองหลายตัวจนเป็นคอมบิเนชั่นลับๆ ของเรา ก็รู้สึกว่าที่เมืองไทยไม่มีร้านที่ตอบโจทย์ตรงนั้น และปอไม่เชื่อว่าทำไมเราต้องใช้ผลิตภัณฑ์ทุกอย่างในเคาน์เตอร์ที่มีส่วนผสมหลักตัวในสกินแคร์ทุกชิ้น คือปอเชื่อถึงการมิกซ์แอนด์แมตช์ ทีร่างกายยังต้องการสารอาหารหลายอย่างเลยเช่นกันกับผิว และทุกแบรนด์ที่เราเลือกคือที่เราลองแล้วชอบ ไม่มีตัวไหนที่เราไม่ชอบในร้านเรา ก็เลยเปิดร้าน BFF ย่อมาจาก Best Friends Forever in a Bottle เราเริ่มทำร้านเล็กๆ ที่ทองหล่อเมื่อ 3 ปีก่อน ตอนแรกก็คิดว่าเราจะทำเล่นๆ ขายเล่นๆ แค่ปรากฏว่าคนที่มองหาอะไรแบบนี้มีเยอะกว่าที่เราคิด จึงขยายร้านค่ะ”
“ปอเป็นคนชอบอ่านและมีสกิลในการหาของในอินเทอร์เน็ตหนักมาก เวลาเราไปเมืองนอกเราจะไปร้านมัลติแบรนด์ที่ไม่ดังมาก แล้วซื้อของที่น่าสนใจมาลอง พอให้ทีมมาลองแล้วชอบเหมือนกันหมดเราติดต่อแล้วก็เป็นตัวแทน แค่นั้นเอง
โดยผลิตภัณฑ์ที่ปอนำเข้ามาจากอเมริกาและยุโรป อย่างเยอรมันและฝรั่งเศส และล่าสุดไปฮังการีมาที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองที่มีบ่อน้ำพุร้อนเยอะที่สุดในโลก เป็น healing water ที่มีแร่ธาตุเข้มข้นเป็นพิเศษ เราจึงได้เเบรนด์ตรงนั้นมาและจะเปิดตัวในเดือนสองเดือนนี้ ส่วนปีหน้าจะมีแบรนด์มาเพิ่มอีกประมาณสิบแบรนด์”
ตอนนี้มีแผนเปิดสาขาใหม่ไหม
“ยังค่ะ เเต่จะรีโนเวทบางสาขาแล้วเน้นเข้าทางโรงแรมมากขึ้น ตอนนี้ปอก็ทำงานกับ Rosewood Hotel and Resorts กำลังจะเปิดที่กรุงเทพ และเปิดอยู่ที่ภูเก็ตก็จะมีสปาและวางขายสินค้าบางตัว เราจะเป็นพาร์ทเนอร์ชิปกับโรงแรมอื่นๆ ด้วย ด้านออนไลน์เราค่อนข้างสตรองอยู่แล้ว การดูแลลูกค้าเป็นเรื่องละเอียดอ่อนจึงไม่พร้อมที่จะขยายสาขาแบบรวดเร็วค่ะ”
“บอกเลยว่าเยอะมาก ปอเป็นคนเปลี่ยนสกินแคร์ตามวัน บางวันมีสิว บางวันหน้าแห้ง บางวันผิวเเทนขึ้น ดังนั้นเราจะเลือกสกินแคร์ที่ตอบโจทย์ในแต่ละวัน รวมถึงเรื่องน้ำหนักของสกินแคร์ อย่างวันนี้อากาศร้อนเลือกอะไรที่เบาหน่อย หรือวันนี้เย็นขึ้นอากาศเริ่มแห้งก็ลองมอยส์เจอไรเซอร์ที่หนาขึ้นมาหน่อย
ตอนเช้าเราจะคลีนหนึ่งรอบ แล้วตามด้วยโทนเนอร์ใช้ตลอดไม่เคยลืมเพราะน้ำประปามีค่า pH ค่อนข้างเป็นด่าง เราปรับค่า pH เป็นกลางเพื่อรองรับสกินแคร์ตัวอื่นๆ แล้วเราจะเลเยอร์เซรั่มหลายตัวที่ตอบโจทย์เราในวันนั้นๆ กลางวันก็จะใช้มอยส์เจอไรเซอร์บางๆ วันไหนที่เราผิวมันเราก็จะใช้กันแดดเลย กลางคืนก็จะเพิ่มเมคอัพรีมูเวอร์ มอยส์เจอไรเซอร์เข้มข้น และที่ปอไม่เคยลืมเลยก็จะเป็นครีมใต้ตาและคอก็ต้องการดูแลเป็นพิเศษ ปอเชื่อว่า ‘Face starts from the nipples up’ เราโดดเเดดเยอะแต่เราลืมมันตลอด วันนึงมันจะแก้ไม่ได้ไง มือก็เป็นจุดแก่ หัวเข่า เราก็ต้องดูแลตรงนี้เยอะเหมือนกัน แต่ที่ขาดไม่ได้เลยก็จะเป็นมาส์กหน้าที่บางครั้งเรามาส์กเลยทั้งเช้าเย็น
ถ้าพูดถึงแบรนด์โปรดต่อให้พูดทั้งวันก็ไม่จบ ปอว่าคนที่ดูดีเขาไม่ขี้เกียจหรอก การดูแลตัวเองมันต้องสม่ำเสมอ ไม่อย่างนั้นจะสวยไม่นาน คนไทยจะไม่ค่อยเข้าใจคำว่า anti-aging เท่าไหร่ คนจะเข้าใจว่า brightening ทาแล้วขาว wrinkle ทาแล้วลดริ้วรอยฉันยังไม่แก่จะใช้ทำไม แต่ความจริงคือผิดมาก ปอพูดตลอดเลยว่าการใช้ anti-aging เหมือนการซื้อประกันให้รถยนต์ ถ้าไม่ชนไม่รู้สึกหรอก เหมือนกันถ้าไม่แก่ก็ไม่รู้สึก ทุกอย่างที่เราลงทุนไปก็จะเห็นผลในวันที่เพื่อนๆ แก่ไป แล้วเราก็จะชนะ (หัวเราะ)”
“เอาจริงไม่มีวันว่างมานานมาก ตั้งแต่ทำร้านเราไม่เคยหยุดเลย เราโชคดีที่ได้ทำในสิ่งที่เรารัก เราเลยไม่ได้รู้สึกอะไรขนาดนั้น แต่ถามว่าเหนื่อยไหมก็เหนื่อย ปอนอนดึกนอนตี 2-3 ทุกคืน ตื่นประมาณ 8 โมงเช้า ก็เลยต้องดูแลตัวเองนิดนึง ถ้าว่างจริงๆ เราอยากอยู่บ้านกับน้องแมวสามตัว แวะไปหาคุณพ่อคุณแม่บ้างเท่านั้นเอง ความไม่ดีคือไม่ออกกำลังกายเลย เราชอบกินอาหารที่ไม่มีประโยชน์อย่างมาม่าคือกินได้ทุกวันไม่เคยเบื่อ แต่ข้อดีของเราคือเป็นคนดื่มน้ำตลอดเวลา ซึ่งปอว่ามันช่วยจริงๆ”

“ตอนนี้ปอทำธุรกิจสองอย่างก็คือ BFF ร้านสกินแคร์มัลติแบรนด์ และเป็นผู้ก่อตั้งโรงเรียนอนุบาลอิสระปัญญาค่ะ ในส่วนของร้าน BFF ปอมีส่วนร่วมในการทำทุกอย่างเลยตั้งแต่การเลือกของ ลงของ เทรนนิ่งนอกจากนี้เราก็ยังมีส่วนของสปา The Penthouse by BFF อยู่ชั้น 4 ของ J avenue เป็นสปาที่แรกในประเทศไทยมีซิกเนเจอร์ทรีตเม้นต์ในแต่ละแบรนด์ที่เราแคร์รี่ใน BFF โดยที่อื่นไม่มี เช่น 111skin จะเป็นสปาก็อยู่ในโรงแรมบุลการีที่ลอนดอน หรือโรงเเรมโฟรซีซั่นในเบเวอรี่ฮิลส์
ด้านโรงเรียนอนุบาลอิสระปัญญาปอเปิดได้เกือบ 10 ปีแล้วค่ะ เราดูแลนักเรียนอยู่ 100 คน ตอนนี้ปอเป็นครูใหญ่ที่โรงเรียนโรงเรียน ปอชอบการสอน เรามองว่าการจบครูเรามีสกิลทางการอธิบาย เพราะอย่างเด็กเราต้องอธิบายเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่าย เราก็นำข้อนี้มาใช้อธิบายน้องๆ ในร้าน BFF ด้วยการย่อยวิทยาศาสตร์ให้เข้าใจง่ายขึ้น โดยปอจะเข้าไปที่โรงเรียนอาทิตย์ละ 1-2 ครั้ง แทนที่เราจะมองว่าเด็กเรียนรู้จากเรา แต่กลับเป็นว่าเราเรียนรู้จากเขาให้มีความสุขจากอะไรง่ายๆ ดังนั้นการได้ผลิตคนดีๆ ก็เป็นความสุขของเรา”
จุดเริ่มต้นของร้าน BFF
“ด้วยความที่เราบ้าดูแลตัวเองตั้งแต่เด็ก พอได้เรียนครูที่อเมริกา แล้วเราเจอแบรนด์เเปลกๆ ที่ไม่ค่อยมีคนใช้ พอเราใช้แล้วรู้สึกดีก็จะแบบว่า..อุ้ยดี! เราได้ทดลองหลายตัวจนเป็นคอมบิเนชั่นลับๆ ของเรา ก็รู้สึกว่าที่เมืองไทยไม่มีร้านที่ตอบโจทย์ตรงนั้น และปอไม่เชื่อว่าทำไมเราต้องใช้ผลิตภัณฑ์ทุกอย่างในเคาน์เตอร์ที่มีส่วนผสมหลักตัวในสกินแคร์ทุกชิ้น คือปอเชื่อถึงการมิกซ์แอนด์แมตช์ ทีร่างกายยังต้องการสารอาหารหลายอย่างเลยเช่นกันกับผิว และทุกแบรนด์ที่เราเลือกคือที่เราลองแล้วชอบ ไม่มีตัวไหนที่เราไม่ชอบในร้านเรา ก็เลยเปิดร้าน BFF ย่อมาจาก Best Friends Forever in a Bottle เราเริ่มทำร้านเล็กๆ ที่ทองหล่อเมื่อ 3 ปีก่อน ตอนแรกก็คิดว่าเราจะทำเล่นๆ ขายเล่นๆ แค่ปรากฏว่าคนที่มองหาอะไรแบบนี้มีเยอะกว่าที่เราคิด จึงขยายร้านค่ะ”

การคัดเลือกแบรนด์เข้าร้านView this post on InstagramA post shared by bff_bkk | Line ID : @bff_bkk (@bff_bkk) on
“ปอเป็นคนชอบอ่านและมีสกิลในการหาของในอินเทอร์เน็ตหนักมาก เวลาเราไปเมืองนอกเราจะไปร้านมัลติแบรนด์ที่ไม่ดังมาก แล้วซื้อของที่น่าสนใจมาลอง พอให้ทีมมาลองแล้วชอบเหมือนกันหมดเราติดต่อแล้วก็เป็นตัวแทน แค่นั้นเอง
โดยผลิตภัณฑ์ที่ปอนำเข้ามาจากอเมริกาและยุโรป อย่างเยอรมันและฝรั่งเศส และล่าสุดไปฮังการีมาที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองที่มีบ่อน้ำพุร้อนเยอะที่สุดในโลก เป็น healing water ที่มีแร่ธาตุเข้มข้นเป็นพิเศษ เราจึงได้เเบรนด์ตรงนั้นมาและจะเปิดตัวในเดือนสองเดือนนี้ ส่วนปีหน้าจะมีแบรนด์มาเพิ่มอีกประมาณสิบแบรนด์”
ตอนนี้มีแผนเปิดสาขาใหม่ไหม
“ยังค่ะ เเต่จะรีโนเวทบางสาขาแล้วเน้นเข้าทางโรงแรมมากขึ้น ตอนนี้ปอก็ทำงานกับ Rosewood Hotel and Resorts กำลังจะเปิดที่กรุงเทพ และเปิดอยู่ที่ภูเก็ตก็จะมีสปาและวางขายสินค้าบางตัว เราจะเป็นพาร์ทเนอร์ชิปกับโรงแรมอื่นๆ ด้วย ด้านออนไลน์เราค่อนข้างสตรองอยู่แล้ว การดูแลลูกค้าเป็นเรื่องละเอียดอ่อนจึงไม่พร้อมที่จะขยายสาขาแบบรวดเร็วค่ะ”
Skin Care RoutineView this post on InstagramA post shared by bff_bkk | Line ID : @bff_bkk (@bff_bkk) on
“บอกเลยว่าเยอะมาก ปอเป็นคนเปลี่ยนสกินแคร์ตามวัน บางวันมีสิว บางวันหน้าแห้ง บางวันผิวเเทนขึ้น ดังนั้นเราจะเลือกสกินแคร์ที่ตอบโจทย์ในแต่ละวัน รวมถึงเรื่องน้ำหนักของสกินแคร์ อย่างวันนี้อากาศร้อนเลือกอะไรที่เบาหน่อย หรือวันนี้เย็นขึ้นอากาศเริ่มแห้งก็ลองมอยส์เจอไรเซอร์ที่หนาขึ้นมาหน่อย
ตอนเช้าเราจะคลีนหนึ่งรอบ แล้วตามด้วยโทนเนอร์ใช้ตลอดไม่เคยลืมเพราะน้ำประปามีค่า pH ค่อนข้างเป็นด่าง เราปรับค่า pH เป็นกลางเพื่อรองรับสกินแคร์ตัวอื่นๆ แล้วเราจะเลเยอร์เซรั่มหลายตัวที่ตอบโจทย์เราในวันนั้นๆ กลางวันก็จะใช้มอยส์เจอไรเซอร์บางๆ วันไหนที่เราผิวมันเราก็จะใช้กันแดดเลย กลางคืนก็จะเพิ่มเมคอัพรีมูเวอร์ มอยส์เจอไรเซอร์เข้มข้น และที่ปอไม่เคยลืมเลยก็จะเป็นครีมใต้ตาและคอก็ต้องการดูแลเป็นพิเศษ ปอเชื่อว่า ‘Face starts from the nipples up’ เราโดดเเดดเยอะแต่เราลืมมันตลอด วันนึงมันจะแก้ไม่ได้ไง มือก็เป็นจุดแก่ หัวเข่า เราก็ต้องดูแลตรงนี้เยอะเหมือนกัน แต่ที่ขาดไม่ได้เลยก็จะเป็นมาส์กหน้าที่บางครั้งเรามาส์กเลยทั้งเช้าเย็น
ถ้าพูดถึงแบรนด์โปรดต่อให้พูดทั้งวันก็ไม่จบ ปอว่าคนที่ดูดีเขาไม่ขี้เกียจหรอก การดูแลตัวเองมันต้องสม่ำเสมอ ไม่อย่างนั้นจะสวยไม่นาน คนไทยจะไม่ค่อยเข้าใจคำว่า anti-aging เท่าไหร่ คนจะเข้าใจว่า brightening ทาแล้วขาว wrinkle ทาแล้วลดริ้วรอยฉันยังไม่แก่จะใช้ทำไม แต่ความจริงคือผิดมาก ปอพูดตลอดเลยว่าการใช้ anti-aging เหมือนการซื้อประกันให้รถยนต์ ถ้าไม่ชนไม่รู้สึกหรอก เหมือนกันถ้าไม่แก่ก็ไม่รู้สึก ทุกอย่างที่เราลงทุนไปก็จะเห็นผลในวันที่เพื่อนๆ แก่ไป แล้วเราก็จะชนะ (หัวเราะ)”
วันว่าง
“เอาจริงไม่มีวันว่างมานานมาก ตั้งแต่ทำร้านเราไม่เคยหยุดเลย เราโชคดีที่ได้ทำในสิ่งที่เรารัก เราเลยไม่ได้รู้สึกอะไรขนาดนั้น แต่ถามว่าเหนื่อยไหมก็เหนื่อย ปอนอนดึกนอนตี 2-3 ทุกคืน ตื่นประมาณ 8 โมงเช้า ก็เลยต้องดูแลตัวเองนิดนึง ถ้าว่างจริงๆ เราอยากอยู่บ้านกับน้องแมวสามตัว แวะไปหาคุณพ่อคุณแม่บ้างเท่านั้นเอง ความไม่ดีคือไม่ออกกำลังกายเลย เราชอบกินอาหารที่ไม่มีประโยชน์อย่างมาม่าคือกินได้ทุกวันไม่เคยเบื่อ แต่ข้อดีของเราคือเป็นคนดื่มน้ำตลอดเวลา ซึ่งปอว่ามันช่วยจริงๆ”
