ในปี 1927 คือปีที่ยุค 20’s เบ่งบานสะพรั่งถึงจุดสูงสุด และปีนั้นเอง Louis Vuitton ได้เปิดตัวน้ำหอมกลิ่นแรกของแบรนด์ Heures d’Absence ที่ผลิตเพียง 300 ขวดและจำหน่ายอย่างเอ็กซ์คูลซีฟ ตรงขวดน้ำหอมมีรูปเครื่องบินสแตมป์อยู่ อันสะท้อนความหลงใหลต่อการเดินทางและผจญภัยของแบรนด์ในช่วงยุคทองของการบิน และอีกทศวรรษต่อมาน้ำหอมสูตรแรกได้หายสาบสูญไป และไม่มีใครสามารถหวนกลับไปดมหรือจำกลิ่นได้เลย

จากชื่อน้ำหอม Heures d’Absence ที่แปลว่า “โมงยามที่หายตัวไป” สื่อถึงการมองโลกในแง่บวกของการไปท่องเที่ยวผจญภัย รวมกับกลิ่นอายแห่งความอิสระและการปลดปล่อยในการเดินทางทำให้ Heures d’Absence คือการหลบหลีกที่เต็มไปด้วยความฝัน ที่ได้ตีความกลิ่นในชื่อเดิมชื่อแรกลงในน้ำหอมลำดับที่ 11 นี้


น้ำหอม Heures d’Absence แห่งปี 2020 คือกลิ่นของสายลมที่โปร่งเบาได้พักพากลิ่นหอมของดอกจัสมินจากเมืองกราสส์ ที่ใช้คาร์บอนไดออกไซด์ในการสกัดกลิ่นอันเป็นรูปแบบเฉพาะของ Maison Louis Vuitton มอบความบริสุทธิ์ให้กับโน้ตได้อ่อนหวาน แล้วค่อยเผยกลิ่นดอกจัสมินแซมบัคจากจีนจุดประกายความสุข ตามมาด้วย Pittosporum ที่ขึ้นตามริมแม่น้ำ French Riviera ในฤดูใบไม้ผลิ โอบกอดด้วยดอกเมย์โรสที่มอบความสดชื่นอย่างเต็มเปี่ยม



จากกลิ่นอ่อนหวานจากดอกไม้ Jacque Cavalier Belletrud ได้เพิ่มกลิ่นแป้งออกเขียวๆ ของดอกมิโมซ่า และเพิ่มคาร์แรกเตอร์นักเดินทางด้วยกลิ่นอายของราสป์เบอร์รี่ที่ยิ่งขับกลิ่นดอกไม้ให้เปล่งประกาย ตบท้ายด้วยความละมุนของวานิลลา แซนดัลวู้ดและมักส์ ที่ผสมผสานกันได้เหมือนทำนองเพลงอันแสนไพเราะ


ด้วยแรงบันดาลใจจากการฝันกลางวันอันงดงาม Jacques Cavalier Belletrud มาสเตอร์เพอร์ฟูเมอร์แห่ง Louis Vuitton ได้ชุบชีวิตให้กับน้ำหอมที่มีอายุกว่า 93 ปีนี้ โดยได้รวบรวมช่อดอกไม้ที่เต็มไปด้วยความสุข ความรัก และความสบายใจจากการพักผ่อนท่องเที่ยว ในรูปแบบที่ซับซ้อนน่าค้นหาแต่ยังคงความร่วมสมัย ที่เปรียบได้เสมือนผลงานศิลปะสุดแอ็บสแตร็กView this post on InstagramA post shared by Harper's BAZAAR Thailand (@bazaarthailand) on





