นาทีนี้ต้องบอกเลยว่า “การปรับรูปหน้า แก้ไขโครงสร้างใบหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัด” ได้กลายเป็นหนึ่งในเทรนด์ความงามที่กำลังอยู่ในกระแสอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการปรับรูปหน้าด้วย “ฟิลเลอร์” ซึ่งถือเป็นนวัตกรรมความงามที่มีทั้งความปลอดภัย ความสะดวกสบาย และให้ผลลัพธ์ที่ดีอย่างที่คนไข้ต้องการ แต่สำหรับคนที่ยังไม่ทราบว่าการปรับรูปหน้าด้วยฟิลเลอร์นั้นคืออะไรและเป็นอย่างไร บาซาร์ได้เตรียมคำตอบสำหรับทุกข้อสงสัยในเรื่องนี้มาไว้ให้เรียบร้อยแล้ว โดยได้รับเกียรติจาก คุณหมอบาส-นพ.เฉลิมชัย ศรีอัครพงศ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการปรับรูปหน้าจาก วิน คลินิก (WIND Clinic) มาเป็นผู้ไขความกระจ่างในเรื่อง “การปรับรูปหน้าด้วยฟิลเลอร์” ให้กับเราในครั้งนี้

สำหรับ WIND Clinic นับเป็นคลินิกระดับชั้นนำที่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องการปรับรูปหน้าโดยเฉพาะ ภายใต้คอนเซ็ปต์ The Professionist of Facial Design : ดีไซน์รูปหน้าอย่างมืออาชีพ ก่อตั้งโดย คุณหมอบาส ซึ่งคุณหมอได้เล่าให้เราฟังว่า “ปัจจุบัน WIND Clinic มีอยู่ 2 สาขา คือที่ จ.อุบลราชธานี และที่กรุงเทพฯ (เกษตร-นวมินทร์) จริงๆ แล้ว WIND Clinic เกิดขึ้นจากสิ่งที่เรียบง่ายมากที่สุดเลยก็คือ เราต้องการส่งมอบสิ่งที่เหมาะสมที่สุดและดีที่สุดให้กับคนไข้ของเรา เหมือนเราทำสิ่งเหล่านี้ให้กับคนในครอบครัวหรือญาติพี่น้องของเราเอง”

“เพราะฉะนั้น WIND Clinic จึงถูกสร้างขึ้นมาเพียงเพื่อความต้องการเดียวคือ เราอยากให้คนไข้ของเราทุกคนได้รับประสบการณ์การรับบริการหรือการรักษาที่ดีผ่านองค์ประกอบ 5 ด้าน หนึ่งคือสถานที่ที่ดี โดยคนไข้จะได้รับบริการจากสถานที่ที่หรูหรา สะดวกสบาย เสมือนอยู่ในโรงแรมระดับ 5 ดาว โดยที่เรายังคำนึงไปถึงเรื่องของประสาทสัมผัสทั้ง 5 ไม่ว่าจะเป็นรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส เรียกได้ว่าทันทีที่คนไข้ก้าวเข้ามาในคลินิกก็จะต้องได้รับความพึงพอใจในรายละเอียดต่างๆ เหล่านี้ อาทิ รูปแบบสถาปัตยกรรมของตึกหรือช่องแสงที่เราดีไซน์ไว้เพื่อสร้างอารมณ์และบรรยากาศแวดล้อมต่างๆ ที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นและผ่อนคลาย หรือแม้แต่กลิ่นหอมที่เราสร้างขึ้นมาเป็นพิเศษอย่างกลิ่น Romeo Kiss ซึ่งเป็นกลิ่นหอมที่เป็นซิกเนเจอร์ของคลินิก ซึ่งถูกนำมาใช้ในทุกพื้นที่กว่า 1,500 ตารางเมตรของคลินิก”


“อย่างที่สอง นอกจากคนไข้จะได้รับการบริการจากสถานที่ที่ดีที่สุดแล้ว ยังจำเป็นต้องได้รับการบริการจากพนักงานที่มีความเป็นมืออาชีพเฉพาะด้าน เพื่อให้คนไข้ได้สัมผัสถึงความเป็นมืออาชีพและได้รับการดูแลที่ดีที่สุด อย่างที่สาม ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่เราเลือกมาดูแลคนไข้ที่คลินิก จะต้องเป็นคุณหมอที่มากด้วยประสบการณ์และมีความเชี่ยวชาญแบบเฉพาะเจาะจงเช่นกัน เพื่อผลลัพธ์ของการรักษาที่ดีที่สุดนั่นเอง อย่างที่สี่ คนไข้จำเป็นต้องได้รับการบริการจากเครื่องมือที่ทันสมัยและได้มาตรฐาน U.S. FDA. (องค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา) ทั้งหมด และอย่างสุดท้ายก็คือการบริการที่ดีที่สุด อย่างที่ WIND Clinic อุบลราชธานี เราจะมีห้องพิเศษที่เรียกว่าห้อง The WIND Privilege เพื่อให้คนไข้สามารถเข้ามาผ่อนคลายและรับบริการพิเศษต่างๆ ก่อนที่จะเข้ารับบริการในห้องทรีตเม้นท์ในลำดับต่อไป”

Harper’s BAZAAR : อยากให้คุณหมอเล่าถึง “เทรนด์การปรับรูปหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัด” ว่ามีจุดเด่นอย่างไรและเหมาะกับใครบ้าง
Dr.Chaloemchai Sriakkrapong : ในสมัยก่อนเราจะได้ยินคำว่า Rejuvenation ซึ่งจะหมายถึงการฟื้นฟู แต่ในปัจจุบันมันจะเปลี่ยนเป็น Pre-Rejuvenation หมายความว่า กลุ่มคนไข้ในปัจจุบันมักจะมองหาการดูแลตัวเองก่อนที่เขาจะเกิดปัญหา เพราะฉะนั้นเวลาที่เขามองหาการดูแลตัวเองก่อนที่เขาจะเกิดปัญหา รูปแบบการบริการที่เขาต้องการก็คงไม่ใช่การผ่าตัด เพราะการผ่าตัดต่างๆ ส่วนใหญ่เราจะเลือกใช้สำหรับกลุ่มคนไข้ที่มีปัญหาเกิดขึ้นแล้ว แต่ทั้งนี้ไม่ได้รวมถึงการผ่าตัดเพื่อเสริมความงาม เช่น การผ่าตัดเสริมจมูกหรือการผ่าตัดเสริมคาง เป็นต้น
ทุกวันนี้พอมันเป็น Pre-Rejuvenation การใช้โบทูลินั่ม ท็อกซิน (Botulinum Toxin) และฟิลเลอร์ (Filler) จึงกลายเป็นสิ่งที่คนไข้ทุกคนสามารถทำได้ทันที เพราะว่าคนไข้ต้องการที่จะชะลอก่อนที่มันจะเกิดปัญหา ซึ่งก็สืบเนื่องมาจากการใช้โบทูลินั่ม ท็อกซินและฟิลเลอร์ มีผลการรับรองด้วยกระบวนการศึกษาวิจัยที่บ่งชี้ให้เราเห็นว่านี่คือวิธีที่ช่วยชะลอการเกิด Aging Process ได้จริง ไม่เพียงเท่านั้น ในกลุ่มคนไข้บางกลุ่มที่คาดหวังผลลัพธ์ในด้านความงามอย่างการปรับรูปหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัด การใช้โบทูลินั่ม ท็อกซินและฟิลเลอร์ ก็คือสิ่งที่ช่วยตอบโจทย์และเติมเต็มความต้องการของคนไข้ได้อย่างตรงจุด เพราะเป็นวิธีที่ไม่ต้องเจ็บตัวมาก ไม่ต้องผ่าตัด และสามารถเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนได้ในทันที
HB : ใบหน้าส่วนใดบ้างที่สามารถปรับแก้ไขได้ด้วยวิธีการฉีดฟิลเลอร์
Dr. Chaloemchai : จริงๆ แล้วเราสามารถใช้ฟิลเลอร์ในการปรับรูปหน้าได้หลายส่วนมาก อย่างโครงหน้าด้านบน ฟิลเลอร์สามารถช่วยแก้ปัญหาบริเวณขมับที่ดูตอบ ทำให้มันเต็มขึ้นมาได้ ส่วนโครงหน้าตรงกลาง เช่น คนไข้บางคนที่มีหน้าแก้มที่แบนราบมากและอยากให้แก้มดูเต็มและมีมิติมากขึ้น ฟิลเลอร์ก็สามารถช่วยได้ ยังไม่รวมถึงเรื่องของริ้วรอยร่องลึก ร่องแก้ม ถุงใต้ตา ก็สามารถจัดการได้ด้วย ส่วนโครงหน้าด้านล่างก็สามารถแก้ไขปัญหาได้ในหลายจุด เช่น บริเวณร่องน้ำหมาก ริมฝีปาก ปลายคาง และแม้กระทั่งผู้ชายบางคนที่อยากให้กรอบหน้าคมชัดมากขึ้น ฟิลเลอร์ก็สามารถช่วยได้เช่นกัน
HB : ฟิลเลอร์ Juvéderm Volux มีจุดเด่นที่แตกต่างจากแบรนด์อื่นๆ อย่างไร และทำไมถึงเป็นฟิลเลอร์ที่เหมาะสำหรับการฉีดเพื่อปรับรูปหน้าโดยเฉพาะ
Dr. Chaloemchai : จริงๆ ฟิลเลอร์มีหลายประเภทและหลายยี่ห้อ ซึ่งเราก็ต้องมาดูว่าความต้องการใช้ฟิลเลอร์ของเราเพื่อวัตถุประสงค์อะไร เช่น เพื่อการเติมเต็ม เพื่อเพิ่มวอลุ่ม หรือต้องการสร้างโครงสร้าง อย่างฟิลเลอร์ Juvéderm Volux เป็นฟิลเลอร์ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อการแก้ปัญหาบริเวณโครงหน้าด้านล่างโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นแนวกราม กรอบหน้า หรือแม้กระทั่งปลายคาง โดยที่ฟิลเลอร์ Juvéderm Volux จะมีจุดเด่นและมีความแตกต่างจากแบรนด์อื่นๆ ตรงที่เป็นไฮยารูโลนิกแอซิด (HA) ฟิลเลอร์ที่เนื้อเจลค่อนข้างมีความแข็งเกือบจะมากที่สุดเมื่อเทียบกับฟิลเลอร์แบรนด์อื่นๆ ซึ่งเนื้อเจลของฟิลเลอร์ที่มีความแข็ง นั่นหมายถึงการสร้างโครงสร้างจะทำได้ดี จึงเหมาะกับงานที่ต้องการความคมชัดของโครงสร้าง ไม่ว่าจะเป็นแนวกรามที่ชัดเจน กรอบหน้าคมชัด หรือคางที่ต้องการให้ได้สัดส่วนที่ชัดเจน อย่างคนไข้ที่มีลักษณะของคางที่สั้นและหลุบ จะเหมาะอย่างยิ่งกับการใช้ฟิลเลอร์ Juvéderm Volux ในการปรับรูปหน้าในส่วนของคาง เพราะจะสามารถสร้างโครงสร้างที่ดูสมส่วนให้กับคาง เทียบเท่ากับการผ่าตัดเสริมคางเลยทีเดียว
ข้อดีอีกอย่างหนึ่งของฟิลเลอร์ Juvéderm Volux ก็คือ คนไข้ไม่ต้องพักฟื้น ที่สำคัญคือความเป็นธรรมชาติของผลลัพธ์ พิสูจน์ได้จากการที่โดยปกติแล้วใบหน้าของคนเราจะมีการเคลื่อนไหวและมีการขยับอยู่ตลอดเวลา ซึ่งถ้าเราใช้ซิลิโคนหรือวัสดุบางประเภทในการปรับรูปหน้า มันจะไม่ได้มีการผสานกับเนื้อเยื่อตามปกติ เพราะฉะนั้นเรามักจะเห็นคนไข้ที่ผ่าตัดเสริมคาง เวลายิ้ม ทุกอย่างจะเคลื่อนที่หมดยกเว้นคางที่จะอยู่กับที่ ต่างจากการใช้ฟิลเลอร์ Juvéderm Volux ที่จะมีการผสานไปกับเนื้อเยื่อของร่างกาย ผลลัพธ์ในแง่ของ Dynamic Movement จึงมีมากกว่าและดูเป็นธรรมชาติมากกว่า
HB : คุณหมอมีเทคนิคในการปรับรูปหน้าด้วยฟิลเลอร์อย่างไรบ้าง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับคนไข้
Dr. Chaloemchai : ต้องบอกก่อนว่าการปรับรูปหน้าด้วยฟิลเลอร์ที่จะให้ผลลัพธ์ที่ดี โดยหลักๆ แล้วจะขึ้นอยู่กับองค์ประกอบ 3 ประการ หนึ่งคือคุณภาพของฟิลเลอร์ สองคือมุมมองความสวยงามของหมอแต่ละคน ซึ่งแน่นอนว่าเรื่องของมุมมองความสวยงามของหมอแต่ละคนอาจจะไม่เหมือนกัน และก็เป็นเรื่องที่ไม่มีใครผิดไม่มีใครถูก และสามคือเรื่องของเทคนิคการฉีด แน่นอนว่าถ้าหมอคุยกับคนไข้ หมอจะคุยให้มันสวยหรูอย่างไรก็ได้ แต่ท้ายที่สุดแล้ว ผลลัพธ์ที่หมอจะทำให้คนไข้ได้ มันจะจริงอย่างที่หมอพูดกับคนไข้หรือเปล่า ตรงนี้คือสิ่งสำคัญที่สุด ซึ่งเรื่องเทคนิคการฉีดมันก็เป็นเรื่องของรายละเอียดและทักษะเฉพาะตัว อย่างการที่หมอจะฉีดปรับรูปคางให้กับคนไข้สักคน หมอจะมีการวัดมุมและการวัดองศา หมอคิดว่ารายละเอียดเหล่านี้มันก็เปรียบเสมือนการทำงานแบบ Tailormade ให้กับคนไข้แต่ละคนและจะทำให้งานออกมาดูสมบูรณ์แบบมากที่สุด หมอเชื่อว่ารายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้แหละที่จะทำให้คนไข้ได้รับผลลัพธ์ของการรักษาที่แตกต่างกัน
HB : โดยเฉลี่ยแล้ว ผลลัพธ์ของการฉีดฟิลเลอร์ปรับรูปหน้าจะอยู่ได้นานเท่าไหร่ และอยากให้คุณหมอแนะนำวิธีการดูแลตัวเองสำหรับคนไข้ หลังจากที่เข้ารับการฉีดฟิลเลอร์เพื่อปรับรูปหน้าเรียบร้อยแล้ว
Dr. Chaloemchai : สำหรับฟิลเลอร์ Juvéderm Volux หากดูตามผลการศึกษาและงานวิจัยต่างๆ ผลลัพธ์จะอยู่ได้นานมากที่สุด 24 เดือนหรือ 2 ปี แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นๆ และการดูแลตัวเองของคนไข้ด้วยเช่นกัน
ส่วนวิธีการดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ปรับรูปหน้าที่หมอแนะนำอย่างแรกก็คือ ในช่วง 2-4 สัปดาห์แรกหลังฉีด เนื่องจาก Juvéderm Volux เป็น HA ฟิลเลอร์ที่เราใส่เข้าไปในร่างกาย เราก็ต้องพยายามให้เขาอยู่กับที่ให้มากที่สุด แนะนำว่าห้ามบีบ ห้ามเค้น ห้ามคลึง ห้ามนวดแรงๆ หรือห้ามกระทบกระแทกแรงๆ ในจุดที่ทำการรักษาไป อย่างที่สอง ควรงดการยิงเลเซอร์ที่มีความร้อนเกิดขึ้นบริเวณผิวหรือการทำทรีตเม้นต์บางประเภทในช่วง 2-4 สัปดาห์แรกเช่นกัน อย่างที่สาม เนื่องจาก Juvéderm Volux เป็น HA ฟิลเลอร์ ซึ่งคุณสมบัติอย่างหนึ่งของ HA ก็คือมันสามารถดึงน้ำในร่างกายมาอยู่ในตัวมันได้ เพราะฉะนั้นคนไข้ควรดื่มน้ำให้มากเพื่อให้ฟิลเลอร์อยู่ได้นานขึ้น และอย่างสุดท้ายก็คือ คนไข้ควรงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่ และหลีกเลี่ยงแสงแดดจัดๆ ก็จะช่วยให้ผลลัพธ์ของฟิลเลอร์อยู่ได้นานมากขึ้น
HB : สำหรับคนที่สนใจวิธีการปรับรูปหน้าด้วยฟิลเลอร์ คุณหมอจะมีคำแนะนำอย่างไรบ้าง
Dr. Chaloemchai : หมอมักจะบอกคนไข้ทุกคนเหมือนกันว่า อย่างที่หนึ่งต้องเข้าใจก่อนว่าสิ่งที่เราคุยกันอยู่ มันคือการที่เรากำลังตัดสินใจกันเรื่อง Medical Aesthetic มันคือการคุยกันเรื่องความสวยงาม ไม่ใช่โรค เพราะฉะนั้นสิ่งที่หมอบอกกับคนไข้ทั้งหมด หมอจะบอกเพียงแค่ว่าคนไข้ควรทำอะไร แต่คนไข้จะทำหรือไม่มันขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของคนไข้เป็นหลัก
ต่อจากนั้นหมอมักจะบอกกับคนไข้ว่า หมอเข้าใจในสิ่งที่คนไข้กังวล แต่ก่อนที่จะไปถึงวิธีการแก้ไข สิ่งที่คนไข้ควรจะรู้เสมอก็คือ คนไข้ต้องรู้ก่อนว่าสาเหตุการเกิดของปัญหานั้นมันเกิดจากอะไร พอรู้สาเหตุการเกิดแล้วเราจะแก้ไขปัญหานั้นจากสาเหตุเหล่านั้นได้ด้วยวิธีการไหน ซึ่งฟิลเลอร์ก็เป็นหนึ่งในวิธีการนั้น แต่มันอาจจะมีวิธีการรักษาอื่นที่เหมาะสมกว่าหรือเปล่า อันนี้เราก็ต้องมาดูรายละเอียดอื่นๆ ประกอบกันไปด้วย
พอเราเข้าใจสาเหตุ รู้จักวิธีการแก้ไขปัญหาจากสาเหตุนั้นๆ รู้แล้วว่าต้องแก้ด้วยวิธีการไหน ต่อมาที่คนไข้ต้องรู้คือ แล้ววิธีการที่จะแก้ไขปัญหาเหล่านั้น กระบวนการในขั้นตอนทั้งหมดมันเป็นอย่างไร เช่น ก่อนเข้ารับบริการคนไข้ต้องเตรียมตัวอย่างไร ขณะรับบริการคนไข้ต้องทำอย่างไรบ้างและคนไข้จะรู้สึกอย่างไร หลังรับบริการแล้วคนไข้ต้องดูแลตัวเองอย่างไร โอกาสการเกิดความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนมีอะไรบ้างและมันจะอยู่กับคนไข้นานเท่าไหร่ และถ้ามันเกิดขึ้นมาเราจะมีวิธีแก้ไขอย่างไร ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นสิ่งสำคัญที่คนไข้จำเป็นต้องรู้ก่อนที่จะรับบริการทั้งหมด
แล้วท้ายที่สุดพอคนไข้ได้รู้ทุกอย่างแล้ว คนไข้ต้องกลับไปพิจารณา เอาสิ่งที่หมอบอกทั้งหมดไปคิดกับตัวเองก่อนว่า สิ่งที่เรากังวล เราจะเริ่มทำอะไรก่อน-หลัง จะแก้ไขที่สาเหตุไหนก่อนดี เพราะฉะนั้นโดยทั่วไปแล้ว ถึงแม้มันจะเป็นเรื่อง Medical Aesthetic ก็ตาม แต่ในฐานะที่เราเป็นหมอ คนไข้ก็จำเป็นที่จะต้องรู้ทั้งหมดอย่างที่หมอบอกมาตั้งแต่ตอนต้น เพราะสิ่งเหล่านี้จะเป็นประโยชน์กับตัวคนไข้มากที่สุดและจะทำให้คนไข้บรรลุถึงวัตถุประสงค์อย่างที่ตั้งใจไว้นั่นเอง
WIND Clinic
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมทาง Facebook Inbox คลิก https://bit.ly/3fDw6h7 หรือ LINE Official คลิก https://bit.ly/2zrkMUM หรือ Hotline โทร. 091-796-2323 สาขาอุบลราชธานี โทร. 064-665-2465 และ สาขากรุงเทพฯ (เกษตร-นวมินทร์) โทร. 093-889-1089 หรือแวะชมเว็บไซต์ได้ที่ www.windclinic.com




ปรับรูปหน้าให้ดูอ่อนเยาว์พร้อมเติมเต็มส่วนที่ขาดหายด้วยฟิลเลอร์ Juvéderm Volux

Dr.Chaloemchai Sriakkrapong : ในสมัยก่อนเราจะได้ยินคำว่า Rejuvenation ซึ่งจะหมายถึงการฟื้นฟู แต่ในปัจจุบันมันจะเปลี่ยนเป็น Pre-Rejuvenation หมายความว่า กลุ่มคนไข้ในปัจจุบันมักจะมองหาการดูแลตัวเองก่อนที่เขาจะเกิดปัญหา เพราะฉะนั้นเวลาที่เขามองหาการดูแลตัวเองก่อนที่เขาจะเกิดปัญหา รูปแบบการบริการที่เขาต้องการก็คงไม่ใช่การผ่าตัด เพราะการผ่าตัดต่างๆ ส่วนใหญ่เราจะเลือกใช้สำหรับกลุ่มคนไข้ที่มีปัญหาเกิดขึ้นแล้ว แต่ทั้งนี้ไม่ได้รวมถึงการผ่าตัดเพื่อเสริมความงาม เช่น การผ่าตัดเสริมจมูกหรือการผ่าตัดเสริมคาง เป็นต้น
ทุกวันนี้พอมันเป็น Pre-Rejuvenation การใช้โบทูลินั่ม ท็อกซิน (Botulinum Toxin) และฟิลเลอร์ (Filler) จึงกลายเป็นสิ่งที่คนไข้ทุกคนสามารถทำได้ทันที เพราะว่าคนไข้ต้องการที่จะชะลอก่อนที่มันจะเกิดปัญหา ซึ่งก็สืบเนื่องมาจากการใช้โบทูลินั่ม ท็อกซินและฟิลเลอร์ มีผลการรับรองด้วยกระบวนการศึกษาวิจัยที่บ่งชี้ให้เราเห็นว่านี่คือวิธีที่ช่วยชะลอการเกิด Aging Process ได้จริง ไม่เพียงเท่านั้น ในกลุ่มคนไข้บางกลุ่มที่คาดหวังผลลัพธ์ในด้านความงามอย่างการปรับรูปหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัด การใช้โบทูลินั่ม ท็อกซินและฟิลเลอร์ ก็คือสิ่งที่ช่วยตอบโจทย์และเติมเต็มความต้องการของคนไข้ได้อย่างตรงจุด เพราะเป็นวิธีที่ไม่ต้องเจ็บตัวมาก ไม่ต้องผ่าตัด และสามารถเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนได้ในทันที

Dr. Chaloemchai : จริงๆ แล้วเราสามารถใช้ฟิลเลอร์ในการปรับรูปหน้าได้หลายส่วนมาก อย่างโครงหน้าด้านบน ฟิลเลอร์สามารถช่วยแก้ปัญหาบริเวณขมับที่ดูตอบ ทำให้มันเต็มขึ้นมาได้ ส่วนโครงหน้าตรงกลาง เช่น คนไข้บางคนที่มีหน้าแก้มที่แบนราบมากและอยากให้แก้มดูเต็มและมีมิติมากขึ้น ฟิลเลอร์ก็สามารถช่วยได้ ยังไม่รวมถึงเรื่องของริ้วรอยร่องลึก ร่องแก้ม ถุงใต้ตา ก็สามารถจัดการได้ด้วย ส่วนโครงหน้าด้านล่างก็สามารถแก้ไขปัญหาได้ในหลายจุด เช่น บริเวณร่องน้ำหมาก ริมฝีปาก ปลายคาง และแม้กระทั่งผู้ชายบางคนที่อยากให้กรอบหน้าคมชัดมากขึ้น ฟิลเลอร์ก็สามารถช่วยได้เช่นกัน

Dr. Chaloemchai : จริงๆ ฟิลเลอร์มีหลายประเภทและหลายยี่ห้อ ซึ่งเราก็ต้องมาดูว่าความต้องการใช้ฟิลเลอร์ของเราเพื่อวัตถุประสงค์อะไร เช่น เพื่อการเติมเต็ม เพื่อเพิ่มวอลุ่ม หรือต้องการสร้างโครงสร้าง อย่างฟิลเลอร์ Juvéderm Volux เป็นฟิลเลอร์ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อการแก้ปัญหาบริเวณโครงหน้าด้านล่างโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นแนวกราม กรอบหน้า หรือแม้กระทั่งปลายคาง โดยที่ฟิลเลอร์ Juvéderm Volux จะมีจุดเด่นและมีความแตกต่างจากแบรนด์อื่นๆ ตรงที่เป็นไฮยารูโลนิกแอซิด (HA) ฟิลเลอร์ที่เนื้อเจลค่อนข้างมีความแข็งเกือบจะมากที่สุดเมื่อเทียบกับฟิลเลอร์แบรนด์อื่นๆ ซึ่งเนื้อเจลของฟิลเลอร์ที่มีความแข็ง นั่นหมายถึงการสร้างโครงสร้างจะทำได้ดี จึงเหมาะกับงานที่ต้องการความคมชัดของโครงสร้าง ไม่ว่าจะเป็นแนวกรามที่ชัดเจน กรอบหน้าคมชัด หรือคางที่ต้องการให้ได้สัดส่วนที่ชัดเจน อย่างคนไข้ที่มีลักษณะของคางที่สั้นและหลุบ จะเหมาะอย่างยิ่งกับการใช้ฟิลเลอร์ Juvéderm Volux ในการปรับรูปหน้าในส่วนของคาง เพราะจะสามารถสร้างโครงสร้างที่ดูสมส่วนให้กับคาง เทียบเท่ากับการผ่าตัดเสริมคางเลยทีเดียว
ข้อดีอีกอย่างหนึ่งของฟิลเลอร์ Juvéderm Volux ก็คือ คนไข้ไม่ต้องพักฟื้น ที่สำคัญคือความเป็นธรรมชาติของผลลัพธ์ พิสูจน์ได้จากการที่โดยปกติแล้วใบหน้าของคนเราจะมีการเคลื่อนไหวและมีการขยับอยู่ตลอดเวลา ซึ่งถ้าเราใช้ซิลิโคนหรือวัสดุบางประเภทในการปรับรูปหน้า มันจะไม่ได้มีการผสานกับเนื้อเยื่อตามปกติ เพราะฉะนั้นเรามักจะเห็นคนไข้ที่ผ่าตัดเสริมคาง เวลายิ้ม ทุกอย่างจะเคลื่อนที่หมดยกเว้นคางที่จะอยู่กับที่ ต่างจากการใช้ฟิลเลอร์ Juvéderm Volux ที่จะมีการผสานไปกับเนื้อเยื่อของร่างกาย ผลลัพธ์ในแง่ของ Dynamic Movement จึงมีมากกว่าและดูเป็นธรรมชาติมากกว่า
HB : คุณหมอมีเทคนิคในการปรับรูปหน้าด้วยฟิลเลอร์อย่างไรบ้าง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับคนไข้
Dr. Chaloemchai : ต้องบอกก่อนว่าการปรับรูปหน้าด้วยฟิลเลอร์ที่จะให้ผลลัพธ์ที่ดี โดยหลักๆ แล้วจะขึ้นอยู่กับองค์ประกอบ 3 ประการ หนึ่งคือคุณภาพของฟิลเลอร์ สองคือมุมมองความสวยงามของหมอแต่ละคน ซึ่งแน่นอนว่าเรื่องของมุมมองความสวยงามของหมอแต่ละคนอาจจะไม่เหมือนกัน และก็เป็นเรื่องที่ไม่มีใครผิดไม่มีใครถูก และสามคือเรื่องของเทคนิคการฉีด แน่นอนว่าถ้าหมอคุยกับคนไข้ หมอจะคุยให้มันสวยหรูอย่างไรก็ได้ แต่ท้ายที่สุดแล้ว ผลลัพธ์ที่หมอจะทำให้คนไข้ได้ มันจะจริงอย่างที่หมอพูดกับคนไข้หรือเปล่า ตรงนี้คือสิ่งสำคัญที่สุด ซึ่งเรื่องเทคนิคการฉีดมันก็เป็นเรื่องของรายละเอียดและทักษะเฉพาะตัว อย่างการที่หมอจะฉีดปรับรูปคางให้กับคนไข้สักคน หมอจะมีการวัดมุมและการวัดองศา หมอคิดว่ารายละเอียดเหล่านี้มันก็เปรียบเสมือนการทำงานแบบ Tailormade ให้กับคนไข้แต่ละคนและจะทำให้งานออกมาดูสมบูรณ์แบบมากที่สุด หมอเชื่อว่ารายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้แหละที่จะทำให้คนไข้ได้รับผลลัพธ์ของการรักษาที่แตกต่างกัน

Dr. Chaloemchai : สำหรับฟิลเลอร์ Juvéderm Volux หากดูตามผลการศึกษาและงานวิจัยต่างๆ ผลลัพธ์จะอยู่ได้นานมากที่สุด 24 เดือนหรือ 2 ปี แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นๆ และการดูแลตัวเองของคนไข้ด้วยเช่นกัน
ส่วนวิธีการดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ปรับรูปหน้าที่หมอแนะนำอย่างแรกก็คือ ในช่วง 2-4 สัปดาห์แรกหลังฉีด เนื่องจาก Juvéderm Volux เป็น HA ฟิลเลอร์ที่เราใส่เข้าไปในร่างกาย เราก็ต้องพยายามให้เขาอยู่กับที่ให้มากที่สุด แนะนำว่าห้ามบีบ ห้ามเค้น ห้ามคลึง ห้ามนวดแรงๆ หรือห้ามกระทบกระแทกแรงๆ ในจุดที่ทำการรักษาไป อย่างที่สอง ควรงดการยิงเลเซอร์ที่มีความร้อนเกิดขึ้นบริเวณผิวหรือการทำทรีตเม้นต์บางประเภทในช่วง 2-4 สัปดาห์แรกเช่นกัน อย่างที่สาม เนื่องจาก Juvéderm Volux เป็น HA ฟิลเลอร์ ซึ่งคุณสมบัติอย่างหนึ่งของ HA ก็คือมันสามารถดึงน้ำในร่างกายมาอยู่ในตัวมันได้ เพราะฉะนั้นคนไข้ควรดื่มน้ำให้มากเพื่อให้ฟิลเลอร์อยู่ได้นานขึ้น และอย่างสุดท้ายก็คือ คนไข้ควรงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่ และหลีกเลี่ยงแสงแดดจัดๆ ก็จะช่วยให้ผลลัพธ์ของฟิลเลอร์อยู่ได้นานมากขึ้น

Dr. Chaloemchai : หมอมักจะบอกคนไข้ทุกคนเหมือนกันว่า อย่างที่หนึ่งต้องเข้าใจก่อนว่าสิ่งที่เราคุยกันอยู่ มันคือการที่เรากำลังตัดสินใจกันเรื่อง Medical Aesthetic มันคือการคุยกันเรื่องความสวยงาม ไม่ใช่โรค เพราะฉะนั้นสิ่งที่หมอบอกกับคนไข้ทั้งหมด หมอจะบอกเพียงแค่ว่าคนไข้ควรทำอะไร แต่คนไข้จะทำหรือไม่มันขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของคนไข้เป็นหลัก
ต่อจากนั้นหมอมักจะบอกกับคนไข้ว่า หมอเข้าใจในสิ่งที่คนไข้กังวล แต่ก่อนที่จะไปถึงวิธีการแก้ไข สิ่งที่คนไข้ควรจะรู้เสมอก็คือ คนไข้ต้องรู้ก่อนว่าสาเหตุการเกิดของปัญหานั้นมันเกิดจากอะไร พอรู้สาเหตุการเกิดแล้วเราจะแก้ไขปัญหานั้นจากสาเหตุเหล่านั้นได้ด้วยวิธีการไหน ซึ่งฟิลเลอร์ก็เป็นหนึ่งในวิธีการนั้น แต่มันอาจจะมีวิธีการรักษาอื่นที่เหมาะสมกว่าหรือเปล่า อันนี้เราก็ต้องมาดูรายละเอียดอื่นๆ ประกอบกันไปด้วย
พอเราเข้าใจสาเหตุ รู้จักวิธีการแก้ไขปัญหาจากสาเหตุนั้นๆ รู้แล้วว่าต้องแก้ด้วยวิธีการไหน ต่อมาที่คนไข้ต้องรู้คือ แล้ววิธีการที่จะแก้ไขปัญหาเหล่านั้น กระบวนการในขั้นตอนทั้งหมดมันเป็นอย่างไร เช่น ก่อนเข้ารับบริการคนไข้ต้องเตรียมตัวอย่างไร ขณะรับบริการคนไข้ต้องทำอย่างไรบ้างและคนไข้จะรู้สึกอย่างไร หลังรับบริการแล้วคนไข้ต้องดูแลตัวเองอย่างไร โอกาสการเกิดความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนมีอะไรบ้างและมันจะอยู่กับคนไข้นานเท่าไหร่ และถ้ามันเกิดขึ้นมาเราจะมีวิธีแก้ไขอย่างไร ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นสิ่งสำคัญที่คนไข้จำเป็นต้องรู้ก่อนที่จะรับบริการทั้งหมด
แล้วท้ายที่สุดพอคนไข้ได้รู้ทุกอย่างแล้ว คนไข้ต้องกลับไปพิจารณา เอาสิ่งที่หมอบอกทั้งหมดไปคิดกับตัวเองก่อนว่า สิ่งที่เรากังวล เราจะเริ่มทำอะไรก่อน-หลัง จะแก้ไขที่สาเหตุไหนก่อนดี เพราะฉะนั้นโดยทั่วไปแล้ว ถึงแม้มันจะเป็นเรื่อง Medical Aesthetic ก็ตาม แต่ในฐานะที่เราเป็นหมอ คนไข้ก็จำเป็นที่จะต้องรู้ทั้งหมดอย่างที่หมอบอกมาตั้งแต่ตอนต้น เพราะสิ่งเหล่านี้จะเป็นประโยชน์กับตัวคนไข้มากที่สุดและจะทำให้คนไข้บรรลุถึงวัตถุประสงค์อย่างที่ตั้งใจไว้นั่นเอง

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมทาง Facebook Inbox คลิก https://bit.ly/3fDw6h7 หรือ LINE Official คลิก https://bit.ly/2zrkMUM หรือ Hotline โทร. 091-796-2323 สาขาอุบลราชธานี โทร. 064-665-2465 และ สาขากรุงเทพฯ (เกษตร-นวมินทร์) โทร. 093-889-1089 หรือแวะชมเว็บไซต์ได้ที่ www.windclinic.com