ในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วแบรนด์ลูกของ Glossier อย่าง Glossier Play เดินทางมาถึงจุดพีคเลยก็ว่าได้ ซึ่ง Glossier Play เป็นแบรนด์น้องสาวตัวจี๊ดที่ชอบเล่นกับสีสันและทเ็กซ์เจอร์ต่างๆ ในขณะที่พี่สาว Glossier คนสวยแบบธรรมชาติไม่ง้อการปกปิดต้องโบกมือลาน้องสาวซ่าจอมแก่นไปอย่างน่าเสียดายในปีนี้

Sustainability คือประเด็นที่หยิบยกสำหรับแบรนด์ ไม่ว่าจะเป็นแพ็กเกจจิ้งซ้ำซ้อน ที่ห่อ Coloside eyeliner ด้วยฟอยด์แล้วแพ็กใส่กล่องอีกทีหนึ่ง รวมถึงกลิตเตอร์ใน Glitter Gelees ที่ย่อยสลายไม่ได้ (non-biodegradable) ทำให้เหล่าแฟนๆ ต้องตั้งคำถามว่า แมสเสจของเมคอัพใหม่นี้ทำมาเพื่อลูกค้าชาว Glossier หรือคนอื่น? แล้วถ้าเป็นอย่างนั้นทำไมต้องตั้งแบรนด์แยกมาอีกด้วย?
ผู้ก่อตั้งแบรนด์ Emily Wess ยอมรับกับ Bussiness of Fashion ว่าถ้าย้อนกลับไปการเปิดตัวแบรนด์ลูกเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็น “เมื่อก่อนเราแค่คิดว่า อ่อ เราจะได้มีช่องทางสำหรับขายเมคอัพใหม่ๆ ไง”
ถึงอย่างไร Glossier ยังคงตั้งมั่นในการดูแลและใส่ใจฟีดแบ็คของลูกค้า ตั้งแต่การคิดค้นผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์อันเป็นกุญแจสำคัญนำไปสู่ความสำเร็จ และรายงานกล่าวว่ายอดขายของแบรนด์ได้พุ่งสูงขึ้น 60% ในปี 2019 นับเป็นมูลค่ากว่า 160 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ก็เห็นได้ชัดเจนว่าแบรนด์ได้ตัดสินใจถูกต้องในหลายๆ เรื่อง

ผู้ก่อตั้งแบรนด์ Emily Wess ยอมรับกับ Bussiness of Fashion ว่าถ้าย้อนกลับไปการเปิดตัวแบรนด์ลูกเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็น “เมื่อก่อนเราแค่คิดว่า อ่อ เราจะได้มีช่องทางสำหรับขายเมคอัพใหม่ๆ ไง”
ขณะนี้ Weiss เผยว่าต้องเบรค Glossier Play ด้วยการย้ายบางโปรดักส์ไว้ที่แบรนด์หลัก ยังไม่มีการวางแผนสำหรับสินค้าชิ้นใหม่ อินสตาแกรมที่ตั้งแยกไว้จะตั้งเป็น private และหยุดผลิตจำหน่าย Glitter Gelee ในเดือนหน้า (โดยได้ยกเลิกการห่อฟอยด์ในซัมเมอร์ที่แล้ว)
“เห็นได้ว่าหลายครั้งที่บริษัทตั้งแบรนด์ย่อยได้ประมาทถึงผลกระทบที่ตามมา..และการตั้งแบรนด์ใหม่ๆ ไม่ได้ง่ายเลย” Weiss Kristen Green ผู้ก่อตั้งร่วมบริษัท Forerunner Ventures หนึ่งในผู้ลงทุนของ Glossier ได้ให้สัมภาษณ์กับ BoF “มันเป็นกระบวนการเรียนรู้ที่สร้างสรรค์จริงๆ สำหรับเรา เราหวังว่าเราจะได้บทเรียนที่ราคาถูกกว่าหรือไม่? ใช่.”
ถึงอย่างไร Glossier ยังคงตั้งมั่นในการดูแลและใส่ใจฟีดแบ็คของลูกค้า ตั้งแต่การคิดค้นผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์อันเป็นกุญแจสำคัญนำไปสู่ความสำเร็จ และรายงานกล่าวว่ายอดขายของแบรนด์ได้พุ่งสูงขึ้น 60% ในปี 2019 นับเป็นมูลค่ากว่า 160 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ก็เห็นได้ชัดเจนว่าแบรนด์ได้ตัดสินใจถูกต้องในหลายๆ เรื่อง