ความท้าทายบทใหม่ของ Maison Francis Kurkdjian ในการทำให้กุหลาบเหมาะกับสุภาพบุรุษ
กับน้ำหอมใหม่ล่าสุด l'Homme À la rose
กุหลาบนับเป็นดอกไม้ดอกแรกที่ถูกนำมาใช้ตั้งแต่ยุคกรีกและอียิปต์โบราณไม่ว่าจะนำมาใช้เป็นน้ำหอม อาหาร หรือยารักษาโรค ซึ่งสมัยนั้นมีดอกกุหลาบเพียงแค่ 7 สายพันธุ์เท่านั้น จนผ่านมาหลายพันปีดอกกุหลาบได้ถูกขยายพันธุ์โดยน้ำมือมนุษย์ถึง 1,500 กว่าสายพันธุ์และเป็นสัญลักษณ์ของสตรีมาตลอด ซึ่งบาซาร์ได้ร่วมประชุมสัมภาษณ์คุณ Francis Kurkdjian และเขาได้ตั้งคำถามถึงวงการน้ำหอมว่าทำไม ไม่มีกลิ่นกุหลาบที่สะอาดสดชื่นสำหรับสุภาพบุรุษบ้าง จึงเป็นที่มาของ l’Homme À la rose กลิ่นใหม่ล่าสุดนี้
จากคำถามนี้สู่การตั้งเป้าหมายใหม่ในการนำเสนอ l’Homme À la rose กลิ่นกุหลาบให้กับคุณผู้ชายอย่างสดชื่น
“น้ำหอมไลน์ À la rose นับเป็นไลน์ขายดีที่ให้กลิ่นกุหลาบสุดโรแมนติกตั้งแต่ปี 2014 ผมเลยอยากนำเสนออีกทางเลือกให้คุณผู้ชายบ้าง เพราะน้ำหอมที่มีดอกกุหลาบในท้องตลาดสำหรับสุภาพบุรุษมักจับคู่ด้วยโน้ตหนักแน่นอย่าง Oud ซึ่งอาจจะเบลอกลิ่นกุหลาบอันเป็นใจความสำคัญ หากใส่อะไรที่ Spicy มาก็ยิ่งเจือจางและบดบังกุหลาบไปอีก ผมจึงมีไอเดียว่าอยากทำให้กุหลาบนั้นเฟรชเหมือนกับชื่อ l’Homme À la rose ที่มีความมัสคิวลีน ซึ่งความท้าทายคือเมื่อสมองได้กลิ่นกุหลาบเมื่อไรจะนึกถึงผู้หญิงทันที”
กว่าจะเป็น l’Homme À la rose ได้ถูกปรุงมาในหลายสูตร
“ผมอยากให้กุหลาบเป็นกลิ่นที่ไม่ดาร์ก ดมแล้วรู้สึกสดชื่น มีชีวิตชีวา มีความสุขแต่ไม่ถึงกับขี้เล่น ผมเลยตั้งโจทย์ยากในการปรุงกุหลาบให้หอมสดชื่นที่ปรุงมาหลายต่อหลายสูตร ผมเลยร่างสูตรกลิ่นมาสั้นๆ ที่มีกุหลาบเป็นเบส ซึ่งได้นำ Damascena Rose จากบัลเกเรีย และ Centifolia Rose หรือ May Rose จากเมืองกราสส์ และเพิ่มกลิ่นแมกไม้ของแอมเบอร์ แล้วใช้ Clary Sage เป็นสันหลังเป็นสะพานเพื่อร้อยดอกไม้กับแมกไม้เข้าด้วยกัน และเปิดกลิ่นด้วยความสดใสของเกร็ปฟรุตที่ได้ซิตรัสจากสเปนหนุนกลิ่นให้รู้สึกแฮปปี้อย่างที่ผมจินตนาการไว้”
เรื่องราวอันเป็นแรงบันดาลใจของสีเขียว ชมพู และดอกกุหลาบบนกล่องน้ำหอมของ l’Homme À la rose
“คำว่า À la rose ผมยังยึดฟร้อนต์และสีเดิมไว้อยู่ ส่วนคำว่า l’Homme ผมใช้ปากกาคอแร้งในการเซนต์ให้ดูมีเอกลักษณ์เป็นลายเซนต์ที่ดูเป็นผู้ชาย สีเขียวนี้ผมหยิบสีเส้นกลางใบของกุหลาบที่มีความเป็น dirty green และเป็นสีกุหลาบทั้งดอกที่ผมอยากสื่อว่ากุหลาบกลิ่นนี้ให้ความเฟรช ไม่เฟมินีนเหมือนกุหลาบสีชมพู หากสังเกตุกุหลาบอกนี้ยังอยู่ใต้ป้ายติดขวดที่สื่อถึงการใส่ใจรายละเอียดทุกขั้นตอน”
คุณคิดเห็นอย่างไรกับการเเบ่งเพศของน้ำหอมในสมัยนี้
“การตีความกลิ่นของผู้หญิงหรือผู้ชาย คือ ‘วันนี้’ ผมอยากให้มองว่าน้ำหอมก็เหมือนเพลง เพลงที่พ่อแม่ของคุณชอบเต้นในยุคของท่านก็ไม่เหมือนกับเพลงที่เราชอบเต้นในยุคนี้ หรือเเม้แต่สถานะในสังคมที่เมื่อก่อนหากคุณเป็นผู้หญิงที่ร่ำรวยมีกินมีใช้การทำงานก็เป้นเรื่องที่หวงห้าม แต่วันนี้ผู้หญิงทำงานคือสัญญาณของการเลือกในการใชัชีวิต ซึ่งเหมือนกับน้ำหอมเลยที่มีการเปลี่ยนแปลงตามกาลเวลาซึ่งผมมองว่าเป็นความงดงามที่แปรเปลี่ยนได้เสมอ”
จากประสบการณ์ที่ได้ลองน้ำหอมแล้วในฐานะที่เป็นผู้หญิงนี่คือกลิ่นกุหลาบที่สดใสชวนหลงใหลที่ต่างจากกุหลาบในน้ำหอมผู้หญิงที่มีความหวานอย่างสิ้นเชิง ความสุขความสดใสในขวดน้ำหอมนี้ก็ยังเป็นมิตรกับหญิงสาวที่ให้ความเฟรชเป็นยูนิเซ็กซ์เช่นกันก็ถือว่าคุณ Francis Kurkdjian ได้บรรลุเป้าหมายได้อย่างดงามที่คุณสัมผัสได้ด้วยตัวเองที่ Atelier De Prestige ที่ The Emquartier ชั้น G และ Beauty Hall ชั้น M Siam Paragon โดยมีสองขนาดได้แก่ 35 มล. 3,500 บาทและ 70 มล. 7,000 บาท