คอลเลกชั่นเมคอัพแห่งฤดูร้อน 2018 อวดความงดงามของมวลดอกไม้เปี่ยมสีสัน ทั้งนุ่มนวลและแปลกตานำพาอารมณ์อ่อนหวาน โรแมนติกแห่งยุคอดีตมาร้อยเรียงบอกเรื่องราวการแต่งหน้าใน Erdem for NARS Strange Flowers Collection ที่บาซาร์ได้ Christ Schild เมคอัพอาร์ททิตส์คนเก่งมาช่วยตีความความงดงามแห่งโทนสี ด้วยลุคการแต่งหน้าหลากอารมณ์ชวนหลงใหลที่เราได้แรงบันดาลใจมาจากลายพริ้นต์ของมวลดอกไม้และธรรมชาติในความฝันที่เหนือจริง
คอลเลกชั่นลิมิเต็ดนี้ประกอบไปด้วยผลิตภัณฑ์ 13 ชิ้นสำหรับแต่งเติมเปลือกตา ริมฝีปาก พวงแก้ม ในชื่อดอกไม้และโทนสีน่าหลงใหลไม่ว่าจะเป็นลิปสติกสูตรครีม 6 เฉดสีไล่ลำดับจากสีโปร่งใสไปจนถึงสีสดชัดสะดุดตา (1,100 บาท) บลัชออนแต่งแก้มประกายมุก 2 เฉดสีใหม่ (1,250 บาท) อายแชโดว์พาเลตต์ที่บรรจุ 6 เฉดสีในสองเฉด ที่รวมความงามของเนื้อสีแบบแมตต์ละมุนและประกายชิมเมอร์อ่อนโยนที่ใช้ทาเดี่ยวๆ หรือซ้อนทับเพื่อทวีความหรูหรา (1,950 บาท) ดินสอไฮไลต์เพิ่มประกายความสว่างอเนกประสงค์ (1,050 บาท) พร้อมผลิตภัณฑ์ชิ้นใหม่ที่แบรนด์ไม่เคยมีมาก่อนนั้นก็คือ Lip Powder Palette พาเลตต์ลิปเนื้อแป้งที่มาพร้อมลิปไพร์เมอร์บาล์ม ให้ผลลัพธ์แบบแมตต์ละมุนละไมและเมทัลลิกงดงาม (1,950 บาท) ที่เขาบอกว่า “ผมรักแอฟเฟ็กต์ของเรียวปากแดงแบบแมตต์แบบสุดๆ เพราะมันทำให้นึกถึงการแต่งหน้าของแม่ผมที่มักจะทาปากแดงเสมอและเป็นสัญลักษณ์ที่บอกว่าเธอพร้อมจะออกไปเผชิญกับโลกภายนอกแล้ว” และกระดาษซับมันรุ่นพิเศษที่บรรจุในซองลายดอกไม้อ่อนหวาน (690 บาท) รวมถึงคุชชั่นสูตรเพิ่มระดับการปกปิดที่มาพร้อมความชุ่มชื่นกระจ่างใสสูตรปกป้องผิวจากมลภาวะและค่ากันแดด SPF23 ในตลับที่ออกแบบพิเศษ (1,900 บาท) ซึ่งแพ็กเกจจิ้งทั้งหมดประดับลวดลายดอกไม้อันที่แอร์เด็มออกแบบมาเป็นพิเศษสำหรับ NARS บนตลับโทนสีฟ้าอมเทาที่แสนจะสวยงามนี้
Q&A สุดเอ็กซ์คลูซีฟสำหรับบาซาร์
คุณคิดว่าแฟชั่นกับเมคอัพเกี่ยวข้องกันอย่างไร?
ผมคิดว่าสิ่งที่วิเศษเกี่ยวกับความงามก็คือคุณสามารถบอกเล่าเรื่องราวว่าคุณต้องการจะสื่ออะไรออกไปด้วยสีสันการแต่งหน้าเฉกเช่นเดียวกับแฟชั่นการแต่งกาย เมคอัพกับเสื้อผ้าสามารถเป็นเครื่องแบบ เป็นคาแร็กเตอร์ หรือความหายนะก็ได้ มันบอกเรื่องราวอะไรได้หลายอย่าง สำหรับผมมันคือภาษาที่รับรู้ทางสายตาบอกว่าเราเป็นใครคิดอะไร ซึ่งแน่นอนว่าคอลเลกชั่นนี้จะช่วยให้คุณสื่อตัวตนสิ่งที่ต้องการบอกออกไปอย่างชัดเจน ไม่ว่าคุณจะเป็นใครก็ตาม
คำจำกัดความ “ความงาม” ของคุณ?
สำหรับผมคือความซื่อสัตย์และจริงใจกับตัวคุณเอง ผมคิดว่าความเป็นธรรมชาติในแบบที่คุณเป็นนี่ล่ะคือความงามที่แท้จริง ถึงคุณจะไม่แต่งหน้าเลย หรือทาแค่ลิปสติก ความงามคือการจริงใจกับตัวเองว่าคุณรู้สึกอย่างไรในแต่ละวัน
เหตุผลที่ทำให้คุณร่วมมือสร้างสรรค์เมคอัพคอลเลกชั่นกับ NARS?
ผมกับนาร์สร่วมงานกันมาตั้งแต่ปี 2013 ด้วยการสร้างสรรค์ลุคเมคอัพสำหรับรันเวย์โชว์และพรี-คอลเลกชั่น สำหรับผมมันเป็นเรื่องที่วิเศษมากในการที่จะได้ร่วมคอลลาบอเรชั่น กับ NARS ไม่เพียงเพราะเขาเป็นสุดยอดเมคอัพอาร์ทิตส์
ที่แสนพิเศษ แต่ด้วยการเทคโนโลยีและพัฒนาผลิตภัณฑ์ของ NARS นั้นก็น่าทึ่งไม่แพ้กัน
แรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์คอลเลกชั่นนี้?
ผมได้แรงบันดาลใจมาจาก 2-3 อย่างที่แตกต่างกัน หนึ่งในนั้นคือรูปของมอลลี่ ริงวอลด์ (Molly Ringwald ดาราวัยรุ่นผู้โด่งดังที่สุดจากยุค 80’s) ที่ถ่ายโดยชีล่า เมท์ซเนอร์ (Sheila Metzner) ซึ่งผมคิดว่ามันน่าเหลือเชื่อ และยังได้แรงบันดาลใจจากแม่ของผมอีกด้วย แต่สำหรับผมแล้วสิ่งที่ให้แรงบันดาลใจที่สุดมาจากความงามอันเป็นเอกลักษณ์ของดอกไม้ชนิดต่างๆ ที่ทั้งดูงดงามแต่ก็มีความลึกลับเย้ายวนแปลกตา ไม่ว่าจะด้วยสีสันบ้างก็แสนจะสวยงามบ้างก็มาพร้อมกับความน่าประหลาดใจ มันเหมือนกับแรงตึงเครียดระหว่างสีสันในผลงานของผม
ช่วยเล่าถึงกระบวนการทำงานของคุณกับ NARS?
ผมคิดว่ามันคือการทำงานร่วมกันอย่างแท้จริง ทั้งตัวผมและทีม NARS ต่างเปิดใจและให้ผมได้มี
อิสระที่จะทำให้สิ่งที่ต้องการ ซึ่งตัวคอลเลกชั่นในเวลาพัฒนานานถึง 2 ปี มีบางอย่างที่ผ่านการ
คิดอย่างรอบคอบระมัดระวัง รวมทั้งได้มีการคิดค้นสูตรใหม่ๆ สีสัน และผลิตภัณฑ์รูปแบบใหม่ขึ้นมา ซึ่งเป็นอะไรที่น่าตื่นเต้นมากจริงๆ
ผมคงจะไม่บอกว่ามันท้าทายที่สุด แต่การใช้ระยะเวลาเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ก็เป็นอะไรที่ท้าทายอยู่เหมือนกัน และเป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่สำหรับผม อย่างที่คุณทราบอะไรที่เป็นแฟชั่นจะมีการเปลี่ยนแปลงเสมอและคุณต้องสามารถตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งโปรเจ็กต์นี้เป็นงานที่ผมใช้เวลาเพื่อการสร้างสรรค์และพัฒนาอย่างแท้จริง ผมมีส่วนร่วมทุกรายละเอียดและเป็นอะไรที่สนุกมาก
ความรู้สึกเมื่อได้เห็นคอลเลกชั่นที่เสร็จแล้วเป็นครั้งแรก?
ผมรู้สึกภูมิใจมากๆ และรักมันเลยล่ะ เป็นความรู้สึกซึ่งวิเศษมากที่ได้เห็นผลิตภัณฑ์สำเร็จเป็น
รูปร่างจริงๆ หลังจากผ่านกระบวนการและการทุ่มเทมากมาย และผมก็ตื่นเต้นมากที่มันจะได้เผยโฉมออกสู่โลกภายนอกเสียที
คุณต้องการให้คอลเลกชั่นนี้สื่อสารอะไรกับผู้หญิง?
ย้อนกลับไปที่สิ่งซึ่งผมหลงใหลมาตลอด นั่นก็คือความงามแบบผู้หญิงที่มาพร้อมความแข็งแกร่งและบุคคลิกต่างๆ คือการเคียงคู่กันของความอ่อนหวานละมุนละไมและความชัดเจนโดดเด่น คอลเลก-
ชั่นนี้สามารถใช้แต่งได้หลากหลายรูปแบบ กับทุกคน ซึ่งผมคิดว่ามันช่วยให้คุณได้แสดงออกถึง
อัตลักษณ์ที่แท้จริงของตัวคุณเองได้เป็นอย่างดี
อะไรคือสิ่งที่คุณคิดว่า NARS และ Erdem มีคล้ายกัน?
ผมคิดว่าคือการสนับสนุนให้คุณจริงใจกับตัวเอง มีเอกลักษณ์ และดูโดดเด่นอย่างไม่เกรงกลัว
ผลิตภัณฑ์ที่เป็น must-have สำหรับผู้หญิงทุกคนจากคอลเลกชั่นนี้?
ผมขอบอกว่าต้องเป็นดินสอไฮไลต์ Multi-Use Highlighting Pencil สี White Phox ก็เพราะมันใช้งานได้สารพัดประโยชน์ เป็นชิ้นที่ผมต้องการสร้างสรรค์ขึ้นเพื่อสร้างมิติการเหลือบสีราวกับหินโอปอล ทั้งยังมีเนื้อสัมผัสที่เยี่ยมมาก เป็นอะไรที่คุณสามารถใช้ได้หลากหลายรูปแบบ
ลุคแบบโอตกูร์ตูร์นี้ที่คุณสามารถนำมาแต่งได้จริง คริสให้คำแนะนำว่า “ใช้แปรงปลายแบนแตะอายแชโดว์บนเปลือกตาโดยไม่ต้องเบลนด์ เพื่อคงความชัดของขอบสีไว้ ผมใช้อายแชโดว์สี Indio จากพาเลตต์ Night Garden และทาปากให้ดูนุ่มนวลด้วยลิปพาวเดอร์สีชมพูกุหลาบประกายทอง Zira จาก Poison Rose Lip Powder Palette ที่ดูนุ่มนวล เพื่อขับความโดดเด่นของดวงตา” ปัดแก้มเบาๆ แค่ดูระเรื่อด้วยบลัชสี Loves Me
สโม้กกี้อายสุดเร่าร้อนด้วยโทนสีแดงดอกหม่อน Holly Hock จากพาเลตต์ Fleur Fatale และเบลนด์ด้วยสี Reborn จากพาเลตต์ Night Garden ที่กลางเปลือกตา ส่วนหัวตาใช้อาย์แชโดว์สีงาช้าง Mythos จากพาเลตต์ Fleur Fatale เคล็ดลับสโม้กกี้อายสุดสวยนี้ คริสแนะว่า “ต้องใจเย็นค่อยเป็นค่อยไปเพิ่มสีทีละนิดแล้วเกลี่ยทีละหน่อย สิ่งต้องห้ามคือการลงสีอายแชโดว์หนักๆ ทีเดียว มันยากที่จะเกลี่ยให้ฟุ้งสวยออกมา ลุคนี้แต่งกลางวันได้แค่ลดความยาวของหางตาให้สั้นลง” ทาลิปสติกสีกล้วยไม้เนื้อโปร่งใส Larkspur และปัดแก้มด้วยบลัชสี Loves Me Not
สวยสดชื่นดูสดใสสมกับฤดูกาลซัมเมอร์กับการจับคู่โทนสีเหลือง-แดงแสนเจิดจรัส ด้วยผิวที่ดูฉ่ำนิดๆ เปลือกตาสีเหลืองดอกแมริโกลด์สี Reborn จากพาเลตต์ Night Garden ริมฝีปากสีแดงเชอร์รี่สดสว่างด้วยสี Blood flower ที่เปล่งประกาย แก้มเป็นชมพูระเรื่อราวผิวบ่มแดดด้วยบลัชสี Loves Me “ถ้าคุณต้องการใช้สีเหลืองทาตาแบบนี้ ผมแนะนำให้ทาสีเหลืองปัดเบาๆทั่วเปลือกตาจะดูนุ่มนวลเหมาะกับการแต่งได้ทุกวัน แล้วเพิ่มความสวยแกลมอีกครั้งกับเรียวเล็บแดง” คริสกล่าว
เริงระบำแห่งสีสันและสัมผัสฉ่ำวาว “สิ่งสำคัญในลุคนี้คือผิวที่เกลี้ยงเกลาสมบูรณ์แบบ คุณจึงต้องให้ความสำคัญที่การบำรุงผิว เมื่อผิวดีรองพื้นจึงลงเท่าที่จำเป็นและไม่จำเป็นต้องใช้แป้งจะทำให้ใบหน้าดูเฟรช แต่งดวงตาเป็นสโม้กกี้บางๆ ด้วยอายแชโดว์สีทองแดงระยับประกาย Daydream จากพาเลตต์ Fleur Fatale ปัดแก้มด้านหน้าด้วยบลัชสี Loves Me ให้ดูเขินอาย แล้วทาปากด้วยลิปสติกสีแดงราสป์เบอร์รี่ Carnal Carnation ที่ดูแวววาวเปล่งประกาย ในฤดูร้อนแบบนี้ผมแนะนำให้ปัดมาสคาร่าแต่น้อยๆ จะดูสวยใสมากกว่า” คริสกล่าว
ลุคปาร์ตี้แสนเฉี่ยวแบบมินิมอล ที่คริสต้องการโชว์ถึงการไล่ระดับสีของอายแชโดว์บนเปลือกตาที่เข้ากันได้อย่างกลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวระหว่างอายแชโดว์สีน้ำเงินเนื้อโลหะประกายเงา Flourish จากพาเลตต์ Fleur Fatale และสีน้ำเงินเข้มมิดไนท์บลูเนื้อซาติน Sprung จากพาเลตต์ Night Garden ปัดแก้มบางๆ ด้วยบลัชสี Loves Me Not แตะเรียวปากด้วย Lip Priming Balm โทนสีนู้ดจาก Poison Rose Lip Powder Palette และใช้ดินสอไฮไลต์ Multi-Use Highlighting Pencil วาดตรงรอยหยักขอบปากเบาๆ
นี่คือเมคอัพสุดดราม่าให้อารมณ์ความงามราวกลีบของดอกไม้ คริสกล่าวว่า “ผมได้แรงบันดาลใจจากเหล่าสีสันของพาเลตต์อายแชโดว์ และต้องการนำโทนสีทั้งหลายมาแต่งเข้าด้วยกันโดยใช้การไล่ระดับสีในรูปของวิงไลเนอร์สุดแปลกตา” เขาใช้อายแชโดว์ไล่ลำดับจากหัวตาไปหางตาด้วยสีงาช้างประกาย Mythos จากพาเลตต์ Fleur Fatale ตามด้วยสีเหลือง Reborn จากพาเลตต์ Night Garden สีทองแดง Daydream และสีแดงหม่น Holly Hock จากพาเลตต์ Fleur Fatale สีน้ำเงินเข้ม Sprung จากพาเลตต์ Night Garden และไล้ขอบตาล่างด้วยสี Daydream จากพาเลตต์ Fleur Fatale เรียวปากเก๋ด้วยสี Calypso จาก Poison Rose Lip Powder Palette แก้มสี Loves Me
สวยฉ่ำเป็นธรรมชาติ นี่คือลุคที่คุณสามารถแต่งได้ทุกวัน คริสกล่าวว่า “ผมต้องการโชว์การเล่นไฮไลต์ในบริเวณต่างๆ ของใบหน้า ซึ่งบางทีการแต่งหน้าที่ดูเหมือนไม่มีอะไรก็ทำให้คุณดูงดงามชวนมองได้ ผมใช้อายแชโดว์สีน้ำตาลอ่อน Belladonna จาก Fleur Fatale Eyeshadow Palette ทับด้วยสีทองอ่อนประกาย Oleander จาก Night Garden Eyeshadow Palette ให้อารมณ์แบบนู้ดบางเบา ทาปากด้วยลิปสติกสีชมพูอ่อน Moon Orchid เป็นเบสแล้วทับด้วยลิปสติกสีลาเวนเดอร์ Voodoo Lily ตามด้วย Multi-Use Highlighting Pencil และคอนทัวร์ด้วยบลัชสี Loves Me Not
คอลเลกชั่นลิมิเต็ดนี้ประกอบไปด้วยผลิตภัณฑ์ 13 ชิ้นสำหรับแต่งเติมเปลือกตา ริมฝีปาก พวงแก้ม ในชื่อดอกไม้และโทนสีน่าหลงใหลไม่ว่าจะเป็นลิปสติกสูตรครีม 6 เฉดสีไล่ลำดับจากสีโปร่งใสไปจนถึงสีสดชัดสะดุดตา (1,100 บาท) บลัชออนแต่งแก้มประกายมุก 2 เฉดสีใหม่ (1,250 บาท) อายแชโดว์พาเลตต์ที่บรรจุ 6 เฉดสีในสองเฉด ที่รวมความงามของเนื้อสีแบบแมตต์ละมุนและประกายชิมเมอร์อ่อนโยนที่ใช้ทาเดี่ยวๆ หรือซ้อนทับเพื่อทวีความหรูหรา (1,950 บาท) ดินสอไฮไลต์เพิ่มประกายความสว่างอเนกประสงค์ (1,050 บาท) พร้อมผลิตภัณฑ์ชิ้นใหม่ที่แบรนด์ไม่เคยมีมาก่อนนั้นก็คือ Lip Powder Palette พาเลตต์ลิปเนื้อแป้งที่มาพร้อมลิปไพร์เมอร์บาล์ม ให้ผลลัพธ์แบบแมตต์ละมุนละไมและเมทัลลิกงดงาม (1,950 บาท) ที่เขาบอกว่า “ผมรักแอฟเฟ็กต์ของเรียวปากแดงแบบแมตต์แบบสุดๆ เพราะมันทำให้นึกถึงการแต่งหน้าของแม่ผมที่มักจะทาปากแดงเสมอและเป็นสัญลักษณ์ที่บอกว่าเธอพร้อมจะออกไปเผชิญกับโลกภายนอกแล้ว” และกระดาษซับมันรุ่นพิเศษที่บรรจุในซองลายดอกไม้อ่อนหวาน (690 บาท) รวมถึงคุชชั่นสูตรเพิ่มระดับการปกปิดที่มาพร้อมความชุ่มชื่นกระจ่างใสสูตรปกป้องผิวจากมลภาวะและค่ากันแดด SPF23 ในตลับที่ออกแบบพิเศษ (1,900 บาท) ซึ่งแพ็กเกจจิ้งทั้งหมดประดับลวดลายดอกไม้อันที่แอร์เด็มออกแบบมาเป็นพิเศษสำหรับ NARS บนตลับโทนสีฟ้าอมเทาที่แสนจะสวยงามนี้
Q&A สุดเอ็กซ์คลูซีฟสำหรับบาซาร์
คุณคิดว่าแฟชั่นกับเมคอัพเกี่ยวข้องกันอย่างไร?
ผมคิดว่าสิ่งที่วิเศษเกี่ยวกับความงามก็คือคุณสามารถบอกเล่าเรื่องราวว่าคุณต้องการจะสื่ออะไรออกไปด้วยสีสันการแต่งหน้าเฉกเช่นเดียวกับแฟชั่นการแต่งกาย เมคอัพกับเสื้อผ้าสามารถเป็นเครื่องแบบ เป็นคาแร็กเตอร์ หรือความหายนะก็ได้ มันบอกเรื่องราวอะไรได้หลายอย่าง สำหรับผมมันคือภาษาที่รับรู้ทางสายตาบอกว่าเราเป็นใครคิดอะไร ซึ่งแน่นอนว่าคอลเลกชั่นนี้จะช่วยให้คุณสื่อตัวตนสิ่งที่ต้องการบอกออกไปอย่างชัดเจน ไม่ว่าคุณจะเป็นใครก็ตาม
คำจำกัดความ “ความงาม” ของคุณ?
สำหรับผมคือความซื่อสัตย์และจริงใจกับตัวคุณเอง ผมคิดว่าความเป็นธรรมชาติในแบบที่คุณเป็นนี่ล่ะคือความงามที่แท้จริง ถึงคุณจะไม่แต่งหน้าเลย หรือทาแค่ลิปสติก ความงามคือการจริงใจกับตัวเองว่าคุณรู้สึกอย่างไรในแต่ละวัน
เหตุผลที่ทำให้คุณร่วมมือสร้างสรรค์เมคอัพคอลเลกชั่นกับ NARS?
ผมกับนาร์สร่วมงานกันมาตั้งแต่ปี 2013 ด้วยการสร้างสรรค์ลุคเมคอัพสำหรับรันเวย์โชว์และพรี-คอลเลกชั่น สำหรับผมมันเป็นเรื่องที่วิเศษมากในการที่จะได้ร่วมคอลลาบอเรชั่น กับ NARS ไม่เพียงเพราะเขาเป็นสุดยอดเมคอัพอาร์ทิตส์
ที่แสนพิเศษ แต่ด้วยการเทคโนโลยีและพัฒนาผลิตภัณฑ์ของ NARS นั้นก็น่าทึ่งไม่แพ้กัน
แรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์คอลเลกชั่นนี้?
ผมได้แรงบันดาลใจมาจาก 2-3 อย่างที่แตกต่างกัน หนึ่งในนั้นคือรูปของมอลลี่ ริงวอลด์ (Molly Ringwald ดาราวัยรุ่นผู้โด่งดังที่สุดจากยุค 80’s) ที่ถ่ายโดยชีล่า เมท์ซเนอร์ (Sheila Metzner) ซึ่งผมคิดว่ามันน่าเหลือเชื่อ และยังได้แรงบันดาลใจจากแม่ของผมอีกด้วย แต่สำหรับผมแล้วสิ่งที่ให้แรงบันดาลใจที่สุดมาจากความงามอันเป็นเอกลักษณ์ของดอกไม้ชนิดต่างๆ ที่ทั้งดูงดงามแต่ก็มีความลึกลับเย้ายวนแปลกตา ไม่ว่าจะด้วยสีสันบ้างก็แสนจะสวยงามบ้างก็มาพร้อมกับความน่าประหลาดใจ มันเหมือนกับแรงตึงเครียดระหว่างสีสันในผลงานของผม
ช่วยเล่าถึงกระบวนการทำงานของคุณกับ NARS?
ผมคิดว่ามันคือการทำงานร่วมกันอย่างแท้จริง ทั้งตัวผมและทีม NARS ต่างเปิดใจและให้ผมได้มี
อิสระที่จะทำให้สิ่งที่ต้องการ ซึ่งตัวคอลเลกชั่นในเวลาพัฒนานานถึง 2 ปี มีบางอย่างที่ผ่านการ
คิดอย่างรอบคอบระมัดระวัง รวมทั้งได้มีการคิดค้นสูตรใหม่ๆ สีสัน และผลิตภัณฑ์รูปแบบใหม่ขึ้นมา ซึ่งเป็นอะไรที่น่าตื่นเต้นมากจริงๆ
ผมคงจะไม่บอกว่ามันท้าทายที่สุด แต่การใช้ระยะเวลาเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ก็เป็นอะไรที่ท้าทายอยู่เหมือนกัน และเป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่สำหรับผม อย่างที่คุณทราบอะไรที่เป็นแฟชั่นจะมีการเปลี่ยนแปลงเสมอและคุณต้องสามารถตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งโปรเจ็กต์นี้เป็นงานที่ผมใช้เวลาเพื่อการสร้างสรรค์และพัฒนาอย่างแท้จริง ผมมีส่วนร่วมทุกรายละเอียดและเป็นอะไรที่สนุกมาก
ความรู้สึกเมื่อได้เห็นคอลเลกชั่นที่เสร็จแล้วเป็นครั้งแรก?
ผมรู้สึกภูมิใจมากๆ และรักมันเลยล่ะ เป็นความรู้สึกซึ่งวิเศษมากที่ได้เห็นผลิตภัณฑ์สำเร็จเป็น
รูปร่างจริงๆ หลังจากผ่านกระบวนการและการทุ่มเทมากมาย และผมก็ตื่นเต้นมากที่มันจะได้เผยโฉมออกสู่โลกภายนอกเสียที
คุณต้องการให้คอลเลกชั่นนี้สื่อสารอะไรกับผู้หญิง?
ย้อนกลับไปที่สิ่งซึ่งผมหลงใหลมาตลอด นั่นก็คือความงามแบบผู้หญิงที่มาพร้อมความแข็งแกร่งและบุคคลิกต่างๆ คือการเคียงคู่กันของความอ่อนหวานละมุนละไมและความชัดเจนโดดเด่น คอลเลก-
ชั่นนี้สามารถใช้แต่งได้หลากหลายรูปแบบ กับทุกคน ซึ่งผมคิดว่ามันช่วยให้คุณได้แสดงออกถึง
อัตลักษณ์ที่แท้จริงของตัวคุณเองได้เป็นอย่างดี
อะไรคือสิ่งที่คุณคิดว่า NARS และ Erdem มีคล้ายกัน?
ผมคิดว่าคือการสนับสนุนให้คุณจริงใจกับตัวเอง มีเอกลักษณ์ และดูโดดเด่นอย่างไม่เกรงกลัว
ผลิตภัณฑ์ที่เป็น must-have สำหรับผู้หญิงทุกคนจากคอลเลกชั่นนี้?
ผมขอบอกว่าต้องเป็นดินสอไฮไลต์ Multi-Use Highlighting Pencil สี White Phox ก็เพราะมันใช้งานได้สารพัดประโยชน์ เป็นชิ้นที่ผมต้องการสร้างสรรค์ขึ้นเพื่อสร้างมิติการเหลือบสีราวกับหินโอปอล ทั้งยังมีเนื้อสัมผัสที่เยี่ยมมาก เป็นอะไรที่คุณสามารถใช้ได้หลากหลายรูปแบบ
ลุคแบบโอตกูร์ตูร์นี้ที่คุณสามารถนำมาแต่งได้จริง คริสให้คำแนะนำว่า “ใช้แปรงปลายแบนแตะอายแชโดว์บนเปลือกตาโดยไม่ต้องเบลนด์ เพื่อคงความชัดของขอบสีไว้ ผมใช้อายแชโดว์สี Indio จากพาเลตต์ Night Garden และทาปากให้ดูนุ่มนวลด้วยลิปพาวเดอร์สีชมพูกุหลาบประกายทอง Zira จาก Poison Rose Lip Powder Palette ที่ดูนุ่มนวล เพื่อขับความโดดเด่นของดวงตา” ปัดแก้มเบาๆ แค่ดูระเรื่อด้วยบลัชสี Loves Me
สโม้กกี้อายสุดเร่าร้อนด้วยโทนสีแดงดอกหม่อน Holly Hock จากพาเลตต์ Fleur Fatale และเบลนด์ด้วยสี Reborn จากพาเลตต์ Night Garden ที่กลางเปลือกตา ส่วนหัวตาใช้อาย์แชโดว์สีงาช้าง Mythos จากพาเลตต์ Fleur Fatale เคล็ดลับสโม้กกี้อายสุดสวยนี้ คริสแนะว่า “ต้องใจเย็นค่อยเป็นค่อยไปเพิ่มสีทีละนิดแล้วเกลี่ยทีละหน่อย สิ่งต้องห้ามคือการลงสีอายแชโดว์หนักๆ ทีเดียว มันยากที่จะเกลี่ยให้ฟุ้งสวยออกมา ลุคนี้แต่งกลางวันได้แค่ลดความยาวของหางตาให้สั้นลง” ทาลิปสติกสีกล้วยไม้เนื้อโปร่งใส Larkspur และปัดแก้มด้วยบลัชสี Loves Me Not
สวยสดชื่นดูสดใสสมกับฤดูกาลซัมเมอร์กับการจับคู่โทนสีเหลือง-แดงแสนเจิดจรัส ด้วยผิวที่ดูฉ่ำนิดๆ เปลือกตาสีเหลืองดอกแมริโกลด์สี Reborn จากพาเลตต์ Night Garden ริมฝีปากสีแดงเชอร์รี่สดสว่างด้วยสี Blood flower ที่เปล่งประกาย แก้มเป็นชมพูระเรื่อราวผิวบ่มแดดด้วยบลัชสี Loves Me “ถ้าคุณต้องการใช้สีเหลืองทาตาแบบนี้ ผมแนะนำให้ทาสีเหลืองปัดเบาๆทั่วเปลือกตาจะดูนุ่มนวลเหมาะกับการแต่งได้ทุกวัน แล้วเพิ่มความสวยแกลมอีกครั้งกับเรียวเล็บแดง” คริสกล่าว
เริงระบำแห่งสีสันและสัมผัสฉ่ำวาว “สิ่งสำคัญในลุคนี้คือผิวที่เกลี้ยงเกลาสมบูรณ์แบบ คุณจึงต้องให้ความสำคัญที่การบำรุงผิว เมื่อผิวดีรองพื้นจึงลงเท่าที่จำเป็นและไม่จำเป็นต้องใช้แป้งจะทำให้ใบหน้าดูเฟรช แต่งดวงตาเป็นสโม้กกี้บางๆ ด้วยอายแชโดว์สีทองแดงระยับประกาย Daydream จากพาเลตต์ Fleur Fatale ปัดแก้มด้านหน้าด้วยบลัชสี Loves Me ให้ดูเขินอาย แล้วทาปากด้วยลิปสติกสีแดงราสป์เบอร์รี่ Carnal Carnation ที่ดูแวววาวเปล่งประกาย ในฤดูร้อนแบบนี้ผมแนะนำให้ปัดมาสคาร่าแต่น้อยๆ จะดูสวยใสมากกว่า” คริสกล่าว
ลุคปาร์ตี้แสนเฉี่ยวแบบมินิมอล ที่คริสต้องการโชว์ถึงการไล่ระดับสีของอายแชโดว์บนเปลือกตาที่เข้ากันได้อย่างกลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวระหว่างอายแชโดว์สีน้ำเงินเนื้อโลหะประกายเงา Flourish จากพาเลตต์ Fleur Fatale และสีน้ำเงินเข้มมิดไนท์บลูเนื้อซาติน Sprung จากพาเลตต์ Night Garden ปัดแก้มบางๆ ด้วยบลัชสี Loves Me Not แตะเรียวปากด้วย Lip Priming Balm โทนสีนู้ดจาก Poison Rose Lip Powder Palette และใช้ดินสอไฮไลต์ Multi-Use Highlighting Pencil วาดตรงรอยหยักขอบปากเบาๆ
นี่คือเมคอัพสุดดราม่าให้อารมณ์ความงามราวกลีบของดอกไม้ คริสกล่าวว่า “ผมได้แรงบันดาลใจจากเหล่าสีสันของพาเลตต์อายแชโดว์ และต้องการนำโทนสีทั้งหลายมาแต่งเข้าด้วยกันโดยใช้การไล่ระดับสีในรูปของวิงไลเนอร์สุดแปลกตา” เขาใช้อายแชโดว์ไล่ลำดับจากหัวตาไปหางตาด้วยสีงาช้างประกาย Mythos จากพาเลตต์ Fleur Fatale ตามด้วยสีเหลือง Reborn จากพาเลตต์ Night Garden สีทองแดง Daydream และสีแดงหม่น Holly Hock จากพาเลตต์ Fleur Fatale สีน้ำเงินเข้ม Sprung จากพาเลตต์ Night Garden และไล้ขอบตาล่างด้วยสี Daydream จากพาเลตต์ Fleur Fatale เรียวปากเก๋ด้วยสี Calypso จาก Poison Rose Lip Powder Palette แก้มสี Loves Me
สวยฉ่ำเป็นธรรมชาติ นี่คือลุคที่คุณสามารถแต่งได้ทุกวัน คริสกล่าวว่า “ผมต้องการโชว์การเล่นไฮไลต์ในบริเวณต่างๆ ของใบหน้า ซึ่งบางทีการแต่งหน้าที่ดูเหมือนไม่มีอะไรก็ทำให้คุณดูงดงามชวนมองได้ ผมใช้อายแชโดว์สีน้ำตาลอ่อน Belladonna จาก Fleur Fatale Eyeshadow Palette ทับด้วยสีทองอ่อนประกาย Oleander จาก Night Garden Eyeshadow Palette ให้อารมณ์แบบนู้ดบางเบา ทาปากด้วยลิปสติกสีชมพูอ่อน Moon Orchid เป็นเบสแล้วทับด้วยลิปสติกสีลาเวนเดอร์ Voodoo Lily ตามด้วย Multi-Use Highlighting Pencil และคอนทัวร์ด้วยบลัชสี Loves Me Not
