
ข่าวดีสำหรับคนรักสวยรักงามที่ต้องการคงความอ่อนเยาว์ดูดีแต่ก็กลัวเข็ม ไม่ชอบสิ่งแปลกปลอม และไม่ชอบความเจ็บปวดใดๆ นี่คือนวัตกรรมใหม่ล่าสุดที่ตอบโจทย์ความต้องการของคุณได้แบบครบทุกข้อกับ Emface เทคโนโลยีกระชับผิวที่ลงลึกทำงานถึงชั้นกล้ามเนื้อจากประเทศอังกฤษ

ที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อปลายปี ที่ผ่านมาและผ่านการรับรองประสิทธิภาพและความปลอดภัยจาก US FDA มาแล้ว สำหรับในบ้านเรานั้นเพิ่งนำเข้ามาเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2023 ที่ผ่านมา บอกเลยว่าใหม่ล่าสุดจริงๆ ว่ากันว่านี่คือนวัตกรรมที่ช่วยเรื่องการยกกระชับใบหน้าในระดับลึกถึงชั้นกล้ามเนื้อเพื่อทำให้เกิดการยกกระชับจากภายในสู่ภายนอกเป็นครั้งแรกของโลก

คุณหมอแต๋ม หรือ พญ.รัตตินันท์ ตรีรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและเจ้าของรัตตินันท์ เมดิคอล เซ็นเตอร์
โดยที่บาซาร์ได้มาขอข้อมูลเครื่อง Emface นี้กับคุณหมอแต๋ม หรือ พญ.รัตตินันท์ ตรีรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและเจ้าของรัตตินันท์ เมดิคอล เซ็นเตอร์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านความงามและผู้ทดลองใช้ถึงประสิทธิภาพ การทำงาน และผลลัพธ์ที่ได้ ว่าสามารถทำได้อย่างที่เคลมจริงหรือไม่
“ความแตกต่างของเทคโนโลยี Emface กับเครื่องอื่นๆที่มีมาคือเครื่องอื่นๆจะโฟกัสไปที่ชั้นผิวหนังหรือและมีผลช่วยลดไขมันทำให้หน้าดูเรียวขึ้นยกขึ้นหรือยกกระชับที่ชั้นสแมชซึ่งอยู่ระหว่างรอยต่อของชั้นไขมันและชั้นกล้ามเนื้อซึ่งเป็นชั้นเดียวกับที่หมอผ่าตัดใช้ดึงหน้าเพื่อยกกระชับ

ขณะที่ Emface เป็นเทคโนโลยีที่สามารถลงไปกระตุ้นเส้นประสาทที่ควบคุมกล้ามเนื้อของใบหน้าที่เป็นส่วนช่วยยกกระชับ เป็นการทำงานในส่วนที่ลึกของผิวซึ่งไม่เคยมีเครื่องไหนทำได้ถึงชั้นนี้ พูดง่ายมันก็เหมือนเราเล่นเวทให้กับกล้ามเนื้อมีความแข็งแรง แต่พอเป็นกล้ามเนื้อหน้าเนี่ยสิ่งที่ได้กลับมาคือเราก็จะได้วอลุ่มกลับมาด้วย เป็นวอลุ่มของกล้ามเนื้อเดิมที่เคยมีตอนอายุน้อยๆ
โดยใช้พลังงาน Synchronized RF กับ HIFES (High Intensity Focused Electromagnetic) ซึ่งได้รับการพัฒนาต่อยอดจากความสำเร็จของเครื่อง Emsculpt NEO ที่ใช้สร้างกล้ามเนื้อและสลายไขมันบริเวณร่างกาย แต่เครื่อง Emface นี้มีข้อดีเหนือกว่าเครื่องยกกระชับอื่นๆคือเค้าใช้พลังงานความร้อนจาก RF ในอุณหภูมิไม่เกิน 42 องศาจึงไม่ทำให้ไขมันบนใบหน้าหายไป สำหรับคนที่ค่อนข้างมีอายุจะรู้ดีว่าไขมันเป็นสิ่งที่มีค่าในการที่จะทำให้ใบหน้าดูเอิบอิ่มอ่อนเยาว์ และด้วยอุณหภูมิความร้อนเท่านี้ เป็นระดับที่กำลังดีไม่ทำลายไขมันแต่กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินที่เสื่อมสภาพให้กลับมาแข็งแรงและเพิ่มจำนวนขึ้นมาใหม่ สิ่งที่ได้คือผิวจะมีความหนาขึ้น คอลลาเจนอีลาสตินที่มันเคยยืดไปแล้วก็กลับมาสร้างใหม่แข็งแรงขึ้น ฉะนั้นพวกรอยย่นต่างๆที่เคยมีก็ลดน้อยลงไปด้วย

ส่วนพลังงาน HIFES จะช่วยกระตุ้นกล้ามเนื้อส่วนที่ช่วยในการดึงและยกหน้าขึ้นให้ทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพ ทำให้ผิวและใบหน้าเกิดการยกกระชับจากตั้งแต่ชั้นกล้ามเนื้อ แล้วพอกล้ามเนื้อแข็งแรงทำให้เกิดการยกของคิ้ว มุมปากดีขึ้น ขณะเดียวกันรอยย่นที่เกิดจากการแสดงสีหน้าก็ลดลงเพราะว่าความหนาของคอลลาเจนเพิ่มขึ้น มันคืออุดมคติและจุดเด่นของเครื่องนี้เลย ซึ่งตัวคอนเซ็ปท์ของเค้าเป็นอะไรที่ว้าว ตรงที่มันทำงานที่ชั้นกล้ามเนื้อ ไม่เจ็บ ไม่ต้องใช้เข็ม และก็ให้ผลลัพธ์ที่ดี ดังนั้นเหมาะกับคนที่ขี้กลัวการทำหัตถการต่างๆไม่อยากเจ็บตัว รวมถึงคนที่มีอาการดื้อโบ Emface สามารถช่วยลดเลือนริ้วรอยโดยกระตุ้นกล้ามเนื้อส่วนที่ทำหน้าที่ยกกระชับใบหน้า และยับยั้งการหดตัวของกล้ามเนื้อที่ทำให้เกิดริ้วรอย

เป็นเครื่องที่สามารถแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อยให้กลับมาเฟิร์มกระชับ ร่องริ้วรอยดูตื้นขึ้น ครอบคลุมทั่วทั้งใบหน้า ตั้งแต่บริเวณหน้าผาก ร่องแก้ม ไปจนถึงหางตาและคิ้ว รวมถึงกรอบหน้าให้คมชัดขึ้น โดยใช้เวลาทำเพียง 20 นาที ทำต่อเนื่องติดต่อกัน 4 สัปดาห์ สัปดาห์ละหนึ่งครั้ง ผลลัพธ์ในบางเคสจะค่อยๆเริ่มเห็นผลตั้งแต่ครั้งแรก และค่อยๆผลขึ้นเรื่อยๆในแต่ละวีคที่มาทำ จนเห็นผลลัพธ์ชัดเจนที่สุดภายใน 1-3 เดือน และอยู่ได้นานหนึ่งปี โดยไม่มีดาวน์ไทม์หรือต้องพักฟื้น ใช้ชีวิตได้ตามปกติเลยหลังทำ

ผล before-after ของคนไข้ที่ทำครบสี่ครั้ง เห็นเลยว่าตรงช่วงหน้าแก้มวอลุ่มเค้าเพิ่มขึ้น มีงานวิจัยทางเมืองนอกที่ใช้เครื่องวัดปริมาณวอลุ่มผิวพบว่าคนที่ทำครบสี่ครั้งค่าเฉลี่ยตรงใบหน้ามีวอลุ่มเพิ่มขึ้นใกล้เคียงกับการเติมฟิลเลอร์สี่หลอด (4 ซีซี) นี่จึงทำให้ Emface ช่วยยกกระชับพร้อมทำให้ใบหน้าดูอิ่มเอิบอ่อนเยาว์ด้วยวอลุ่มจากตัวเราเองจึงดูสวยธรรมชาติ และก็สามารถทำร่วมกับหัตการอื่นๆได้ไม่มีปัญหา แต่หมอขอบอกอย่างนึงนะคะเครื่อง Emface นี้ช่วยยกกระชับก็จริงแต่มันไม่ลดไขมัน เพราะตัวนี้มันยกจากกล้ามเนื้อ ในคนที่จำเป็นต้องเอาไขมันตรงเหนียงออกไปด้วยจำเป็นต้องใช้เครื่องอื่นช่วย โดยอาจจะทำไปพร้อมกันหรือรอผลลัพธ์จาก Emface ก่อนก็ได้ ทำให้ครบคอร์ส 4 ครั้ง แล้วรอเดือนสองเดือนถ้ายังรู้สึกยังดูมีเหนียงอยู่ก็ค่อยมาทำเพิ่มได้

ถามว่ามันช่วยย้อนอายุกลับไปได้เท่าไหร่ ดูจากเคสที่ทำมาหมอว่าย้อนไป 10 ปีได้สบาย จะเห็นว่าหน้าดูมีวอลุ่มขึ้น กรอบหน้าดูชัดเจน หน้าดูอิ่มละมุนดูสดชื่น แล้วเค้าก็ช่วยเรื่องเนื้อผิวด้วย ของหมอที่ลองมาจะเห็นได้ว่าช่วยเรื่องถุงใต้ตา ร่องแก้ม รวมถึงริมฝีปากช่วงบนก็ทำให้ปากเราได้รูปขึ้นด้วย เครื่องนี้ถือว่าเป็นทรีตเม้นท์ระดับพรีเมี่ยมด้วยราคาที่สูงคือคอร์สนึงแสนหก แต่ถ้าดูผลลัพธ์ที่ได้เมื่อเทียบกับหัตการอื่นๆอย่างใช้เครื่องยกกระชับ เครื่องดูแลผิว เติมฟิลเลอร์ (4 หลอด) ฉีดโบ เพื่อให้ได้ผลอย่างที่ Emface ทำเอาจริงๆราคาก็ไม่หนีกันนะคะ โดยเฉพาะคนที่ไม่ชอบเข็มหรือกลัวเครื่อง แล้วก็ไม่มีดาวน์ไทม์ และใช้เวลาสั้นแค่เดือนเดียวเองก็สวยแล้ว

สำหรับข้อห้ามก็มีแค่คนที่ใส่เครื่องกระตุ้นหัวใจ กับคนท้อง หรือคนที่มีโลหะในร่างกาย เพราะเราใช้กระแสไฟฟ้าในการทำงาน หมอว่านี่เป็นอีกออพชั่นทางเลือกของคนที่ต้องการดูแลตัวเองด้วยหัตถการที่ไม่ต้องเจ็บหรือให้ความรู้สึกสบายขณะที่ทำ เพราะปัจจุบันคนก็อายุเยอะขึ้นแต่ยังมีไลฟ์สไตล์ที่ยังกระฉับกระเฉง ไม่ใช่คนอายุ 50-60 ที่ต้องเกษียณอยู่บ้านเลี้ยงหลาน ยังมีการทำงานมีการสังสรรค์ ฉะนั้นการดูแลตัวเองให้ดูดีตลอดเวลาก็เป็นสิ่งที่ทำให้เค้าแฮปปี้ มั่นใจ อยากดูดีเวลาไปพบปะผู้คน Emface ก็เลยมาตอบโจทย์คนที่ยังไม่พร้อมที่จะไปผ่าตัดหรือมีปัญหาที่ไม่ไปถึงขั้นต้องผ่าตัดแต่ก็อยากให้ดูดีขึ้นกว่านี้ค่ะ”
Bazaar Try Out
ในเคสของดิฉันซึ่งอยู่ในวัย 50s แน่นอนว่ามีปัญหาเรื่องของความหย่อนคล้อย วอลุ่มที่หน้าเริ่มหายไปโดยเฉพาะบริเวณช่วงกลางใบหน้า คิ้วและตาเริ่มตกทำให้มีปัญหาในการดัดขนตา เพราะมักจะหนีบหนังตาอยู่บ่อยๆ เมื่อได้รับคำเชิญให้มาทดลองด้วยความอยากรู้อยากเห็นและอยากรู้ว่า Emface จะสามารถทำได้อย่างที่เคลมไว้จริงหรือเปล่า จึงรีบตอบรับในทันที

หลังจากถ่ายรูปเพื่อการเปรียบเทียบ before-after ก็ทำการคลีนหน้า แล้วเช็ดหน้าอีกครั้งด้วยแอลกอออลล์เพื่อสำหรับแปะแผ่นสื่อที่หลังและที่แผ่นแอพพลิเคเตอร์ที่หน้าผากและแก้มทั้งสองข้าง ซึ่งตำแหน่งในการวางนี้เป็นขั้นตอนที่สำคัญมากที่ต้องแนบกับผิวเพื่อการปล่อยพลังงานได้อย่างเต็มที่

จากนั้นหมอจะเปิดเครื่องจะรู้สึกได้ว่าแผ่นที่แปะมีความอุ่นขึ้นเรื่อยๆแต่ไม่ร้อนกำลังสบาย แล้วก็จะเริ่มมีการปล่อยพลังงานที่ให้ความรู้สึกวูบๆช่วงหน้าผากเป็นจังหวะและที่แก้มสองข้าง ไม่เจ็บ แค่รู้สึกแปลกๆในครั้งแรก สลับไปเรื่อยจนครบ 20 นาที ความรู้สึกก็คือเมื่อยๆหน้านิดๆ


ผลลัพธ์หลังจากทำวีคแรกที่เห็นคือร่องแก้มดูจางลง ในครั้งที่สองวีคต่อมา รู้สึกว่าใบหน้ากระตุกมากขึ้นตามจังหวะปล่อยกระแสไฟช่วงเวลาที่ทำแต่พอหมอเอามือกดก็รู้สึกสบายขึ้น ผลลัพธ์ครั้งนี้รู้สึกได้เลยว่าว่าตาดูยกขึ้น ดัดขนตาง่ายขึ้นไม่ค่อยหนีบหนังตา วีคที่สามเห็นได้ว่ารูปหน้าดูเต็มอิ่มขึ้น ตอนแรกนึกว่าอ้วนขึ้นแต่จริงๆน้ำหนักก็เท่าเดิม เลยคิดว่าน่าจะเป็นผลของเครื่องนี้ วีคที่สี่มีคนเริ่มทักว่าโครงหน้าชัดขึ้นดูยกขึ้น ไปทำอะไรมาดูดีขึ้น แล้วพอดูรูปเปรียบเทียบจากวีคแรก เห็นชัดเลยว่าโครงหน้าดูเปลี่ยนไปจริงๆ เป็นการยกกระชับที่ดูละมุนดูเป็นธรรมชาติ หน้าที่ตอบดูอิ่มขึ้น ตาดูยกขึ้น ร่องแก้มดีขึ้น ริ้วตรงหน้าผากที่เคยมีอันนี้จางลงไปอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งคงต้องรอดูผลัพธ์แบบเต็มที่ในอีก 3 เดือน แต่โดยรวมในสี่วีคเห็นผลเท่านี้ก็คือโอเคเลย


และหลังจากนับต่อหนึ่งเดือนที่ทำไป ผลลัพธ์ที่ได้จะเห็นว่าโครงหน้าดูได้รูป รวมทั้งบริเวณหน้าแก้มที่เคยตอบก็ดูเต็มขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ทำให้แก้มดูอิ่มขึ้นยกขึ้น ร่องแก้มก็ดูลดลง โดนรวมหน้าดูยกกระชับขึ้นแบบที่คนไม่รู้ว่าไปทำอะไรมา เป็นธรรมชาติจริงๆ

โดยส่วนตัวคิดว่า Emface เป็นการยกกระชับที่เหมาะกับคนที่ต้องการยกกระชับใบหน้าแบบให้ดูนุ่มนวลละมุนละไม โดยเฉพาะคนที่มีโครงหน้าที่ตอบมีวอลุ่มหายไป ตัวนี้ตอบโจทย์ได้ดีเลยเพราะโครงหน้าดูเต็มอิ่มขึ้นทำให้ดูอ่อนเยาว์ขึ้น แก้มดูฟูขึ้นจริง ทำให้คิดว่าถ้ามาทำเครื่องนี้แล้วสำหรับบางคนการเติมฟิลเลอร์ก็อาจจะไม่ต้องเลยก็ได้ และที่สำคัญคือไม่เจ็บ แค่รู้สึกแปลกๆในช่วงแรกที่ยังไม่ชิน พอครั้งที่สามสี่ดีไม่ดีมีหลับได้ในตอนทำ ก็ถือว่าเป็นอีกทางเลือกของการยกกระชับที่น่าลองสำหรับคนอยากสวยแต่ขี้กลัวทั้งหลาย


สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่รัตตินันท์คลินิก โทร: 086-570-7040 หรือ www.rattinan.com https://www.rattinan.com
Photos by Imaxtree, Emface, Rattinan Clinic