นอกจากจะเป็นสัญลักษณ์แห่งความงามสง่า, ความรัก และความเป็นผู้หญิง กุหลาบยังเป็นจุดกำเนิดแรงบันดาลใจให้แก่ HOUSE OF DIOR มาทุกยุคสมัยจนถึงกับได้มีการจัดนิทรรศการเกี่ยวกับไม้ดอกชนิดนี้ขึ้นที่พิพิธภัณฑ์ CHRISTIAN DIOR MUSEUM ในเขตกรองวิลล์* พร้อมกับที่ DIOR ได้จัดทำหนังสือเล่มพิเศษเป็นการยกย่องคุณค่าของราชินีแห่งมวลพฤกษานี้ด้วยเช่นกัน

“โชคดีที่มีดอกไม้” คริสเตียน ดิออร์สารภาพไว้ในบันทึกความทรงจำของตน ท่ามกลางบรรดาสิ่งซึ่งนักออกแบบแฟชันผู้ก่อตั้งห้องเสื้อแห่งตำนานคนนี้นิยมชมชอบ กุหลาบคือหนึ่งเดียวที่เขารักใคร่เหนืออื่นใด ไม่ว่าจะเป็นประวัติความเป็นมา, ตำนานเล่าขาน หรือกระทั่งเรื่องราวเชิงสัญลักษณ์ของกุหลาบ บัดนี้ได้ถูกนำมาเรียบเรียงขึ้นเป็นเนื้อหาสำคัญของหนังสือเล่มนี้ ไม่ต่างอะไรจากบทร้องของทำนองสวดอันศักดิ์สิทธิ์ในพระคัมภีร์ ความงดงามของกุหลาบได้รับการรจนาอย่างวิจิตรบรรจงในแง่มุมต่างๆ จากแฟชันสู่ศิลปะ ไปจนถึงธรรมเนียมการทำน้ำหอม ล้วนให้ความรู้สึกราวกับเป็นผลงานบรรจงสลัก กลั่นกรองออกมาจากมหากาพย์แห่ง DIOR
https://youtube.com/watch?v=kQg4QVOh-QQ
จุดกำเนิดความรัก ความหลงใหลของคริสเตียน ดิออร์หยั่งรากลึกอยู่ในสวนกุหลาบของ “เลส์ ฮรัมบส์” (VILLA DES RHUMBS) คฤหาสน์ซึ่งครอบครัวของเขาได้เคยพำนัก เมื่อครั้งอาศัยอยู่ในหมู่บ้านกรองวิลล์ แคว้นนอร์มังดี หลายปีต่อมา เมื่อเขาเบนหนทางชีวิตมาสู่การเป็นนักออกแบบแฟชัน ดิออร์อาศัยแรงบันดาลใจจากพฤกษาดอกนี้ ทั้งสี และกลีบดอก ต่างเป็นแหล่งกำเนิดพลังแห่งการสร้างสรรค์อย่างไม่จบสิ้น จุดประกายความฝัน บันดาลขึ้นเป็นเสื้อผ้าสุดตระการตาใน “นิวลุค” ผลงานคอลเลคชันแรกของเขา “ผมออกแบบดอกไม้ที่ชื่อผู้หญิง อีกนัยหนึ่งก็คือ ผู้หญิงที่เหมือนดอกไม้ด้วยลาดไหล่อ่อนช้อย อกอิ่มกลมกลึง เอวคอดกิ่วราวก้านดอก และกระโปรงบานกว้างไม่ต่างอะไรจากวงกลีบ” นับจากปี 1947 จนถึง 1957 โครงทรวดทรงแบบต่างๆ มากมาย กับชื่อเรียกขานที่ปลุกจินตนาการ สามารถสะท้อนให้สัมผัสได้ถึงความประทับใจดื่มด่ำนี้ อาทิเช่น ROSE FRANCE, ROSE THÉ, ROSE POMPON, ROSE DE DAMAS…
*นิทรรศการ Dior and roses (Dior กับดอกกุหลาบ) จะทำการจัดแสดงขึ้นที่พิพิธภัณฑ์ Musée Christian Dior ในเขตหมู่บ้านกรองวิลล์ แคว้นนอร์มังดีตั้งแต่วันที่ 5 มิถุนายนจนถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2021 (เปิดให้เข้าชมภายใต้ข้อกำหนด และแนวทางปฏิบัติว่าด้วยเรื่องสุขอนามัย และความปลอดภัย) ส่วนหนังสือชื่อเดียวกับนิทรรศการเนื่องในโอกาสนี้ ได้รับการตีพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ Rizzoli New York

จากแฟชันชั้นสูงมาสู่ผลงานน้ำหอม: MISS DIOR ซึ่งเป็นน้ำหอมกลิ่นแรก ได้ก้าวสู่ตำแหน่งอันทรงเกียรติจวบจนปัจจุบัน เรื่องราวมหัศจรรย์ของน้ำหอมกลิ่นนี้คงมิอาจเกิดขึ้นได้หากปราศจากน้องสาวของดิออร์ ผู้เป็นที่มาของชื่อน้ำหอม สุภาพสตรีสาวผู้หาญกล้า กระนั้นกิริยากลับงามสง่า ละเมียดละไม เจ้าของบุคลิกแบบฉบับเฉพาะตัว แคทเธอรีน ดิออร์ ผู้ซึ่งพี่ชาย และคนใกล้ชิดมักเรียกเธอว่า “คุณหนูดิออร์” หรือ MISS DIOR ได้นำความรักที่มีต่อมวลดอกไม้มาเป็นการงานอาชีพของตนเอง ปัจจุบัน ไร่กุหลาบร้อยกลีบของเธอในเขตเมืองกราซ ยังสร้างชื่ออันทรงเกียรติ และทรงศักดิ์ให้แก่ HOUSE OF DIOR ด้วยกลิ่นหอมอันทรงเอกลักษณ์ ธรรมเนียมพฤกษาปฏิบัติได้รับการสืบทอด ส่งผ่านให้ประจักษ์ชัดกว่าที่เคยเป็นมาในเขตนอร์มังดี ใกล้กับคฤหาสน์เลส์ ฮรัมบส์ ซึ่งรองรับการเพาะปลูกกุหลาบกรองวิลล์นับพันๆ ดอกในปี 2020 สำหรับใช้ในการผลิตผลิตภัณฑ์ถนอมผิว DIOR PRESTIGE
เรื่องราว และรูปภาพอันงดงามของกุหลาบได้ปรากฏอยู่ในแต่ละหน้าของหนังสือเล่มนี้ คล้ายกับเป็นสายใยกระหวัดร้อยเหตุการณ์ต่างๆ เข้ามาหลอมรวมกันเป็นมรดก และประดิษฐกรรม กลายเป็นจุดเริ่มต้นกลเกมแห่งการพลิกแพลงแนวคิดโดยอาศัยคุณลักษณ์ต่างๆ อย่างเช่นกลิ่นหอม ซึ่งยกระดับความเป็นผู้หญิงที่ DIOR ได้อย่างต่อเนื่องตลอดเวลา ในขณะเดียวกัน เส้นสายรูปทรง กับลำดับเฉดสีหลากหลาย ก็ปูหนทางให้เหล่าผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์ของห้องเสื้อแห่งนี้ ได้ก้าวเดินไปพร้อมถ่ายทอดมุมมองแบบฉบับเฉพาะตัว จากอีฟส์ แซงต์ โลรองต์ไปจนถึงมาร์ค โบฮัน, จานฟรังโก แฟรเร มาสู่จอห์น กัลป์ลิอาโน, จากราฟ ซิมงส์ มาเป็นมาเรีย กราเซีย ชิอูริในปัจจุบัน กุหลาบคือสัญลักษณ์แห่งการสานฝันตราบนิรันดร์ของ DIOR
*นิทรรศการ Dior and roses (Dior กับดอกกุหลาบ) จะทำการจัดแสดงขึ้นที่พิพิธภัณฑ์ Musée Christian Dior ในเขตหมู่บ้านกรองวิลล์ แคว้นนอร์มังดีตั้งแต่วันที่ 5 มิถุนายนจนถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2021 (เปิดให้เข้าชมภายใต้ข้อกำหนด และแนวทางปฏิบัติว่าด้วยเรื่องสุขอนามัย และความปลอดภัย) ส่วนหนังสือชื่อเดียวกับนิทรรศการเนื่องในโอกาสนี้ ได้รับการตีพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ Rizzoli New York