แวะคุยกับก๊อต จิรายุ ตันตระกูล ถึงบทบาทในภาพยนตร์เรื่องใหม่ที่กำลังจะเข้าฉายเร็วๆ นี้

รวมถึงเรื่องของการออกกำลังกาย การทำสมาธิ และมุมมองแฟชั่นของเขา
หลายคนคงยังไม่ลืมใบหน้ายียวน การขมวดคิ้วจนหน้าผากยับย่น และรอยยิ้มแสนเจ้าเล่ห์แต่ทว่าก็มากไปด้วยเสน่ห์จากบทบาท ‘ออกหลวงสรศักดิ์’ ในละครเรื่องบุพเพสันนิวาส ของหนุ่มก๊อต-จิรายุ ตันตระกูล แต่สำหรับบทบาทล่าสุดในภาพยนตร์เรื่อง ‘คืนยุติ-ธรรม’ นี้ อาจจะแตกต่างออกไปจากบทออกหลวงสรศักดิ์
แต่ทว่าก็เป็นอีกหนึ่งบทบาทที่ท้าทายไม่น้อยในอาชีพการแสดงของเขา
ก๊อตเล่าถึงภาพยนตร์เรื่องล่าสุดให้เราฟังว่า “ในภาพยนตร์เรื่องนี้ ตัวละครที่ผมเล่น เขาปูเรื่องไว้ให้เป็นคนธรรมดาที่ลุกขึ้นมาทำอะไรสักอย่างหนึ่งหลังจากที่ตัวเองโดนกระทำ แต่สำหรับผม ผมสร้างตัวละครให้เป็นคนที่สตรองมาก่อน แล้ววันหนึ่งก็ได้ตัดสินใจทิ้งความเข้มแข็งนั้นไป เพื่อที่จะดำเนินชีวิตธรรมดาๆ แต่แล้ววันหนึ่งก็กลายมาเป็นที่ถูกกระทำ การร้องไห้ของตัวละครนี้แต่ละครั้งไม่ใช่แค่การสูญเสียคนรักเท่านั้น แต่มันยังหมายถึงการตั้งคำถามกับตัวเองว่า ทำไมเราถึงยอมทิ้งตัวตนของเราไป นั่นคือสิ่งที่ผมตีความ”

“บุคลิกก็ค่อนข้างซับซ้อน เพราะมีทั้งบุคลิกของการอยู่ในคุก บุคลิกของการอยู่ข้างนอก มันมีบุคลิกที่ต้องการให้คนอื่นเห็น เพราะตัวละครตัวนี้ออกมาจากคุกในเวลาก่อนกำหนดด้วยข้อหาที่ว่าสติไม่สมประกอบ ฉะนั้นมันต้องแสดงความไม่สมประกอบให้คนอื่นเห็น เรียกร้องความน่าสงสารได้”

‘คืนยุติ-ธรรม’ เป็นผลงานการกำกับของโน้ต-กัณฑ์ปวิตร ภูวดลวิศิษฏ์ ที่เคยมีภาพยนตร์อย่าง ‘นมัสเตอินเดีย ส่งเกรียนไปเรียนพุทธ’ ภาพยนตร์อารมณ์ดีสอดแทรกคำสอนทางพุทธศาสนาที่เข้าฉายในปี 2555 สำหรับ ‘คืนยุติ-ธรรม’ นี้โน้ตเลือกหยิบประเด็นสำคัญที่ไม่ค่อยมีใครกล้าวิพากษ์วิจารณ์อย่างความยุติธรรมมาถ่ายทอดบนจอภาพยนตร์ โดยมีผู้กำกับรุ่นใหญ่ อุ๋ย-นนทรีย์ นิมิบุตร ที่เคยมีผลงานอย่าง 2499 อันธพาลครองเมือง (2540), นางนาก (2542) ฯลฯ มารับหน้าที่โปรดิวเซอร์

สิ่งหนึ่งเลยที่ต้องเตรียมตัวก็คือร่างกาย ฟังดูเหมือนจะไม่ยากสำหรับหนุ่มหุ่นล่ำคนนี้ แต่ก๊อตบอกว่าด้วยเรื่องราวที่อยู่ในคุก หุ่นจะสมบูรณ์แบบไม่ได้ 
“ในคุกมันไม่ได้กินดีอยู่ดีสักเท่าไรนะครับ แต่ก็คิดว่าไม่ต้องถึงขนาดแห้งจนติดกระดูก เพราะมันก็จะไม่สวยงามสำหรับโปรดักชั่น แต่ก็ต้องทำให้เห็นว่าไม่ใช่ว่าไอ้นี้เช้า กลางวัน เย็นอยู่แต่ในฟิตเนส มันมีความเป็นมนุษย์สูง แต่บางทีทางโปรดักชั่นเขาอาจจะไม่แฮปปี้ก็ได้ เพราะเขาอยากให้มันสตรอง อยากให้มันบึกบึน แต่ผมมองว่ามันไม่ค่อยเวิร์กเท่าไร” ก๊อตตอบพร้อมเสียงหัวเราะและแววตาเป็นประกาย แต่อย่างที่รู้ว่าในชีวิตจริงหนุ่มคนนี้ดูแลตัวเองอย่างดี ใครที่ติดตาม
อินสตาแกรมของเขาก็คงจะพอเห็นบ้าง

“จริงๆ แล้วตอนนี้ผมเริ่มให้ความสำคัญกับอาหารเยอะมาก เราหลีกเลี่ยงอาหารหลักที่เรากินตามร้านไม่ได้ เรากินสารเคมีอยู่ทุกวัน เราก็เลยต้องเสริมด้วยอาหารเสริมที่เราไว้ใจ ที่มันไม่ได้มีสารเคมีปนเปื้อน เพราะว่าสุดท้ายแล้วอาหารมันเป็น 80% ของชีวิตทั้งหมด แล้วก็เริ่มปรับเวลานอน จะนอนดึกอย่างมากก็แค่ 2 วันต่อสัปดาห์ แต่ที่เหลือก็จะรีบนอน ตื่นเช้า ทำสมาธิทุกวัน วันละ 2 ชั่วโมง เช้า-เย็น อาหารกายมันก็บำรุงได้แค่กาย แต่จิตใจมันก็ต้องการบำรุงด้วยความเข้าใจ” การทำสมาธิสร้างความเซอร์ไพรส์ให้กับเรา ก๊อดเล่าถึงที่มาของการเริ่มทำสมาธิให้ฟังว่า

“ผมไปเรียนกับท่านโกเอ็นก้า ครั้งนึงก็ประมาณ 10 วัน ไปมา 3-4 รอบแล้วครับ การไปเรียนทำสมาธิมันทำให้ผมเข้าใจอะไรมากขึ้น เข้าใจชีวิต เป้าหมายชีวิตชัดเจนขึ้น เราทำไปทำไม เราทำไปเพื่ออะไร จุดสุดท้ายคืออะไร เมื่อก่อนเรามีแต่ความสงสัย แล้วก็มีแต่ความเชื่อ แต่สุดท้ายลำพังความเชื่อกับความสงสัยมันไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น ต้องมีประสบการณ์ส่วนตัวด้วย ถึงจะประจักษ์รู้ได้แน่ชัดว่า อ๋อ…ฉันก็แค่สิ่งๆ นี้นะ”
อีกหนึ่งสิ่งที่ถ้าใครติดตามอินสตาแกรมของเขาก็จะพบว่า หนุ่มคนนี้นอกจากจะติดอันดับหนุ่มแต่งตัวดีคนหนึ่งของเมืองไทยแล้ว เรายังได้เห็นก็อต จิรายุ ตามฟรอนต์โรว์งานแฟชั่นระดับโลกอีกด้วย แต่เมื่อคุยมาถึงเรื่องนี้ ก๊อตตอบด้วยน้ำเสียงเขินๆ ว่า 

“จริงๆ แล้วผมไม่ค่อยมีหัวทางด้านแฟชั่นเท่าไรเลย ไม่มีเลย แล้วก็เป็นคนที่เรียบๆ เสียด้วยซ้ำ ชอบอะไรที่เรียบๆ ง่ายๆ แต่ในบางโอกาสเราก็อยากจะแฟชั่นบ้าง แต่ด้วยความที่เราไม่คุ้นชินกับมัน มันก็จะมีความเคอะๆ เขินๆ เต็มไปหมดบางทีจะหยิบไอ้โน่นไอ้นี่ใส่ ก็ต้องปรึกษาคนที่เขาแต่งตัวเก่งๆ ว่าเฮ้ย…อันนี้โอเคไหม แต่จริงๆ ผมเป็นคนชอบใส่สูทมาก เป็นคนที่ค่อนข้างบ้าสูทพอสมควร จะมีลิสต์สูทไว้เลยว่าสักประมาณ 2 เดือนต่อครั้งก็จะไปตัด ตัดสูทแบบไหน สีอะไร ทุกอย่างลิสต์ไว้แล้ว” 

“ผมชอบสูทผ้าลินิน เพราะมันมีความวาวของเนื้อผ้าอยู่ในตัว กางเกงจริงๆ ผมชอบขาม้านะครับ เพิ่งตัดมาใส่ ถามว่าแบรนด์ชอบไหม ก็ชอบนะครับ แต่บางทีเราก็ไม่รู้ว่าเราเหมาะกับอะไร แมตช์กับอะไร ส่วนใหญ่จึงจะเป็นแนวเรียบๆ เสียมากกว่า”

“สำหรับการไปดูแฟชั่นโชว์ ผมก็ชอบนะ เพราะว่าผมเป็นคนชอบงานศิลปะ แล้วเราก็มองแฟชั่นเป็นเหมือนงานศิลปะที่เดินได้ เพียงแต่ว่ามันเดินไวไปนิดหนึ่ง ไม่เห็นดีเทล (หัวเราะ) เพราะผมเป็นคนชอบมองเฉดสี มองดีเทลเล็กๆ ที่เขาปักบนเสื้อผ้า และผมก็วาดรูปด้วย” เป็นอีกหนึ่งครั้งที่ก๊อตทำให้เราเซอร์ไพรส์ เขาเล่าต่อถึงแพสชั่นในการวาดรูปของเขาว่า
“ตอนแรกที่ผมเริ่มวาด ผมอยากจะแสดงอารมณ์ของตัวละครออกมาเป็นภาษาภาพ ไดอะล็อกมันมีขีดจำกัด เรื่องของมันเป็นภาษา มันเป็นวจนะ หรือเป็นสำนวน แต่สำนวนมันไม่มีสี มันไม่มีอารมณ์ความรู้สึก แต่พอเรานำมันมาแสดงผ่านภาพวาด วาดออกมาว่าประโยคนี้มันแทนด้วยสีอะไร เราคิดว่ามันเป็นสีแดง เราก็สาดสีแดงเข้าไป แล้วพอเรากลับมาเห็นสีแดงนี้เรารู้เลยว่ามันมาจากประโยคไหน ประโยคนี้คือสีเขียว เป็นขีดบางๆ เส้นเล็กๆ พลิ้วๆ มันแทนความหมายของอะไร ผมว่าภาพมันสื่อสารโดยที่เราไม่ต้องพูด แล้วถ้าเราวิเคราะห์บทของเราได้แล้ว แม่นแล้ว เราก็แค่แสดงมันออกไป เตรียมสีไว้ให้พร้อมแล้วพูดประโยคนั้น”

ที่จริงศิลปะและหนุ่มก๊อตนั้นไม่ได้ห่างเหินกันเท่าไร เพราะเขาเคยเรียนออกแบบนิเทศศิลป์ที่ ม.กรุงเทพ แต่ด้วยความที่การทำงานในสาขาที่เรียนนี้มันต้องนั่งหน้าคอมพิวเตอร์ตลอดเวลา ซึ่งสำหรับก๊อตแล้ว นั่นไม่ใช่เขาเลย เขาจึงตัดสินใจลาออก 

“ผมเพิ่งไปปารีสมา มีโอกาสได้ไปดูงานของปิกัสโซ ผมร้องไห้เลย พอเราได้ยืนดูจริงๆ แล้ว มันอินสไปร์เรา รูปมันทำงานกับเรา กับความรู้สึกเรา มันแทบไม่ต้องการคำอธิบายเลย ก็แค่ปล่อยให้ตัวเองไหลไปกับสี เหมือนตอนที่เราเป็นเด็ก เราก็ถูกดึงดูดด้วยของเล่นสีสันต่างๆ ผมมองว่าการที่คนยุคนี้มันต้องได้รับคำอธิบายถึงเรื่องต่างๆ ว่าเรื่องต่างๆ ต้องอธิบายได้ ต้องมีทฤษฎีรองรับ เป็นเรอเนซองส์ไหม เป็นงานแอ็บสแตร็กต์ หรือเป็นงานเอ็กเพรสชั่นนิสม์ หรือเป็นนู่นนี่นั่น มันก็เลยกลายเป็นว่า สุดท้ายแล้วคุณจะสนุกก็ต่อเมื่อคุณรู้ว่ามันอยู่ในกรอบของอะไร แสดงว่าไม่ได้ดูด้วยจิตที่บริสุทธิ์เหมือนตอนเด็กๆ ที่โดนดึงดูดด้วยสีสันหรือด้วยสัญชาติญาณของมันเอง”

TAG

Related Stories

จิตวิญญาณของดินแดนอินโดจีนผ่านผู้คน ชุมชน อาหาร และโบราณสถานอันงดงาม ผ่านการเชื่อมโยงของสองรีสอร์ทหรู Amantaka หลวงพระบาง และ Amansara ในเสียมเรียบ
แรงบันดาลใจจากโลกตะวันตกสู่ส่วนผสมของเสื้อผ้าคอลเลกชั่นกลิ่นอายคาวบอยโมเดิร์นคลาสสิก
เดินทางสู่ดินแดนอันไกลโพ้นสุดขอบเกาะไอซ์แลนด์ ในเสื้อผ้าที่ผสานไปด้วยสีสันแห่งฤดูใบไม้ร่วง
เมื่อเรื่องราวของผู้หญิง 6 คนแห่งประวัติศาสตร์ ถูกถ่ายทอดผ่านลวดลายเส้นของศิลปินไทยอย่าง นักรบ มูลมานัส ใน Mooncake คอลเลคชั่นพิเศษจาก Maison Bleue
แนวเพลงสไตล์ R&B กับดนตรีที่มีกลิ่นอายความเท่ พร้อมกับเสียงร้องมากเสน่ห์ของ ไบร์ท และ มัจฉา ที่ฟังได้แล้ววันนี้ในซิงเกิ้ลล่าสุด
อัปเดตคอลเล็กชั่นใหม่จาก BALENCIAGA / ADIDAS ไปพร้อมกับพวกเขา ณ Hall of Fame ชั้น M ณ ศูนย์การค้าสยามพารากอน
ฉากหลังคือสะพานอเล็กซานเดอร์ที่ 3 เป็นสัญลักษณ์ของการเชื่อมระหว่างอดีต ปัจจุบัน และอนาคต

Most Viewed

จุดประกายความทรงจำที่มีค่าไปกับกลิ่นหอมที่มีเรื่องราวของตัวคุณ
สัมผัสประสบการณ์พิเศษผ่านยนตรกรรมหรูหลากรุ่นอิตาเลียนสไตล์
จุดประกายความทรงจำที่มีค่าไปกับกลิ่นหอมที่มีเรื่องราวของตัวคุณ
สัมผัสประสบการณ์พิเศษผ่านยนตรกรรมหรูหลากรุ่นอิตาเลียนสไตล์
พร้อมทอดพระเนตรนิทรรศการทรงคุณค่า ประวัติศาสตร์ขององค์กรหกแผ่นดินยึดมั่นการทำธุรกิจที่เป็นมิตรต่อประชาสังคม

MORE FROM

จิตวิญญาณของดินแดนอินโดจีนผ่านผู้คน ชุมชน อาหาร และโบราณสถานอันงดงาม ผ่านการเชื่อมโยงของสองรีสอร์ทหรู Amantaka หลวงพระบาง และ Amansara ในเสียมเรียบ
แรงบันดาลใจจากโลกตะวันตกสู่ส่วนผสมของเสื้อผ้าคอลเลกชั่นกลิ่นอายคาวบอยโมเดิร์นคลาสสิก
เดินทางสู่ดินแดนอันไกลโพ้นสุดขอบเกาะไอซ์แลนด์ ในเสื้อผ้าที่ผสานไปด้วยสีสันแห่งฤดูใบไม้ร่วง

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว