“อลินกับอลันตอนนี้ 4 ขวบกว่าจะ 5 ขวบแล้วค่ะ เขาเรียนเนอสเซอรี่ซึ่งเป็นระบบนานาชาติแบบระบบอังกฤษ ตั้งแต่คลอดจนมาถึงตอนนี้เราอยู่กับเขาตลอด เพื่อจะทำให้รู้ว่าไม่ว่ามีอะไรเราก็อยู่กับเขาเสมอ วันที่ลูกไปโรงเรียนปอล์จะมีเวลาแค่ 8 โมงครึ่ง หลังส่งลูก แล้วไม่ว่าอยู่ไหนก็จะออก 13.15 น. เพื่อไปรับลูกให้ทันตอน 14.00 น แล้วก็อยู่ด้วยกันยาว แต่พอมี Covid-19 แล้วลูกๆ ต้องอยู่บ้านนานกว่าปกติ เรียนออนไลน์ก็ต้องมีคอมสองเครื่อง แม่ก็ต้องวิ่งดู ครูสั่งโปรเจ็กต์เด็กอนุบาล ซึ่งใครทำ? ก็ต้องเราทำ โชคดีพี่โอ๊คช่วยด้วยอีกแรง อลิน-อรัญเป็นเด็กแฝดหน้าคล้าย คล้ายกันมาก แต่นิสัยไม่เหมือนกันเลย ความแตกต่างตรงนี้ทำให้เขาดูแลกัน อลินจะเหมือนปอล์ที่กล้าพูด กล้าแสดงออก ส่วนอรัญดูเหมือนจะเป็นหนุ่มน้อยที่เรียบร้อยกว่าขี้อายกว่า แต่ที่จริงแอบทะโมน เขารักและดูแลพี่สาว ส่วนอลินก็ยอมน้องในบางเรื่องค่ะ”
“ปอล์เลี้ยงลูกแบบอ่านตำราน้อยมาก เพราะเราเชื่อในสัญชาติญาณความเป็นแม่ เรามีลูกครั้งแรกก็มีสองคนเลยแล้วเป็นแฝดด้วย แล้วทำให้รู้ว่าเด็กที่เกิดพร้อมกัน กินเหมือนกันทุกมื้อ พ่อเเม่พูดเหมือนกันด้วยคำเดียวกัน ประโยคเดียวกัน เขาก็คิดไม่เหมือนกัน ชอบไม่เหมือน ฉะนั้นตำราสำหรับปอล์คือมีไว้เป็นไกด์ไลน์ เรื่องนมแม่ก็ไม่เครียด ไม่ได้สต็อกจนเต็มตู้ขนาดนั้น ไม่กดดันตัวเองมีอะไรเราปรึกษาหมอเลยค่ะ ครอบครัวของพี่โอ๊คเป็นหมอ ปอล์พยายามไม่ให้มีทฤษฎีอะไรในหัว เราเลี้ยงเขาธรรมชาติมากๆ คือเราเป็นแบบนี้ เราเลี้ยงแบบที่เราอยากให้เขาเป็น มั่นใจในตัวเอง ไม่เบรค เราให้เขาเลือกเสื้อผ้าเอง เลือกกินเอง ฟังเขามากกว่าที่เราพูด”
“ถ้าว่าปอล์กังวล Covid-19 มั้ย มันคือภัยพิบัติที่ต่อรองไม่ได้ โชคดีว่าสามีเป็นหมอ เราก็ป้องกันกันอย่างเต็มที่ ต้องเชื่อเขา ปอล์เคยพาลูกบินไปญี่ปุ่นในวันที่เขาไอ พี่โอ๊คเตือนแล้วแต่เราก็ดื้อเอาไป คิดว่าแค่ไอธรรมดา ปรากฏไปถึงที่นู่น ไข้ขึ้น 40 ชัก แล้วก็เป็นวันที่โรงพยาบาลเขาไม่มีคนที่พูดภาษาอังกฤษ ต้องบินกลับไทยคืนนั้นเลย ช่วง Covid-19 นี้เลยเชื่อเขาทุกอย่างค่ะ เด็กเล็กก็จะสอนยาก เขาเจอเพื่อนก็วิ่งกอดก่อนเลย ป้องกันยากมาก โชคดีที่อีกหลายเดือนกว่าโรงเรียนจะเปิด”
“ถ้าสถานการณ์เป็นปกติแล้วก็อยากพาลูกไปญี่ปุ่นค่ะ ปอล์มีอีกงานที่ทำด้วยใจรักกับป้าตือ คือนำเข้าผลไม้ ต้องไปจองผลไม้เองที่ญี่ปุ่นเลย อีกประเทศที่อยากไปคือสวิตเซอร์แลนด์ เพราะเป็นที่ที่เราไปฮันนีมูนกัน แต่ตอนนี้น่าจะยากก็ไปแค่บ้านที่เขาใหญ่ก่อน ซึ่งในไทยตอนนี้น่าเที่ยวมาก”
“ปอล์เคยออกหนังสือที่คาดว่าชีวิตนี้คงไม่ได้ออกอีกแล้ว คือ “พ่อแม่รู้ พวกหนูต้อง O” ที่เขียนขึ่นมาเพราะเหตุการณ์คอนที่เรารู้ว่าน้องเกือบไม่รอดเพราะคลอดก่อนกำหนด แค่ 22 สัปดาห์เท่านั้นจากปกติที่คนเราต้องคลอดช่วง 38-40 สัปดาห์ ปอล์ต้องนอนโรงพยาบาลนิ่งๆ อยู่ 2 เดือน ห้ามขยับไปไหน ในหัวก็ว่างไปหมด เสิร์ชอินเตอร์เน็ตไม่เจอว่าต้องทำอย่างไร แต่ปอล์ผ่านตรงนั้นมาได้เพราะกำลังใจค่ะ มีแม่ๆ หลายคนส่งข้อความเข้ามาใน Instagram ว่าเคยผ่านจุดนี้มาเหมือนกัน ปอล์เลยคิดว่าถ้าผ่านไปได้จะเขียนหนังสือเพื่อเป็นไกด์บุ๊กให้กับคนที่ประสบปัญหาเหมือนกัน ให้เขามีความหวังว่าทุกอย่างจะโอเค และรายได้ที่ได้จากหนังสือก็บริจาคให้กับโรงพยาบาลค่ะ”
“เพราะความที่ปอล์มีปัญหาตอนตั้งครรภ์ น้องเกือบไม่รอด ปอล์เลยคิดว่าถ้าไม่มีปัญหาแบบนั้น เราอาจจะคาดหวังกับเขาแล้วก็ได้ว่าอยากให้ประสบความสำเร็จ วางแพลนเป็นแบบนั้นแบบนี้ แต่สุดท้ายมนุษย์ก็มีเพียงแค่หายใจ เราควรได้เซเลเบรทการใช้ชีวิต พ่อแม่ของปอล์ก็เลี้ยงปอล์แบบนี้ ตอนที่เกือบไม่รอดปอล์รู้สึกดีใจจังที่ได้ใช้ชีวิต เราเลยอยากให้ลูกเป็นเหมือนกัน เราเป็นพ่อแม่ เรามีที่พัก มีอาหาร มีความรักความอบอุ่นให้ ที่เหลือคือลูกต้องไปเผชิญเอาเองค่ะ”