Daniel Maia Hilbert: คุณรู้สึกอย่างไรบ้างที่ได้ร่วมงานกับซีรีส์ Emily in Paris?
Stéphane Rolland: กองถ่ายเรื่องนี้เขากำลังมองหากูตูร์เมซงอยู่ เลยติดต่อมาทางผม ซึ่งผมก็มีคอนเนกชั่นกับพวกกองถ่ายภาพยนตร์แน่นหนา พวกเขามาที่เมซงของผมแล้วมาศึกษาแบรนด์ รหัสแฝง และดรอว์อิ้งต่างๆ เพื่อปั้นคาแรกเตอร์ของ Pierre CadaultDMH: แล้วคุณรู้สึกอย่างไรกับคาแรกเตอร์ Pierre Cadault?
SR: เป็นคาแรกเตอร์ที่เล่นใหญ่ โอเว่อร์ แหกคอก ดีครับ ซึ่งตรงข้ามดีไซเนอร์สมัยนี้ แน่นอนว่าคาแรกเตอร์นี้สร้างมาเพื่อเรียกเสียงหัวเราะ ให้คุณผู้ชมรู้สึกเพลิดเพลินไปกับเขาครับ
DMH: คุณช่วยเล่าเรื่องชุดราตรีสีขาวของ Emily หน่อยได้ไหม? ไม่ทราบว่าคุณสร้างชุดนี้ขึ้นมาใหม่เพื่อซีรีส์เรื่องนี้เลยหรือเปล่า?
SR: Emily ต้องการชุดสวยเริ่ดเพื่อแมตช์กับบุคลิกและทัศนคติของเธอ Lily Collins มีความสาวและน่ารักคล้ายกับ Audrey Hepburn ผมเลยค้นในคลังเพื่อหาชุดกระโปรงสั้น และเลือก ‘The Bird Dress’ อันเป็นตัวเเทนของอิสระเสรี ที่เข้ากันดีกับบุคลิกนิสัยของ Lily Collins ได้อย่างเพอร์เฟ็กต์สำหรับซีนสาดหมึก ผมทำชุดแบบนี้ถึง 3 ชุดเลยครับ แต่ได้ใช้แค่ตัวเดียว เพราะถ่ายแค่เทคแรกก็ใช้ได้เลยครับ ไม่ต้องถ่ายเผื่อเลย ดังนั้นชุดชิ้นออริจินัลที่ผมทำก็ยังอยู่ในคลังของผมครับ
DMH: คุณคิดว่าอะไรคือเบื้องหลังความสำเร็จของ ‘Emily in Paris’
SR: นอกจากโปรดิวเซอร์คือ Darren Star ผู้โด่งดังจาก Sex and the City แล้ว ผมคิดว่าในสถานการณ์เครียดๆ ตอนนี้ที่ทุกคนกำลังเผชิญอยู่ ก็คงอยากได้อะไรที่ชวนฝัน สร้างเสียงหัวเราะแบบนี้ ทำให้เราหยุดคิดถึงเรื่องอื่นๆ แล้วดื่มด่ำไปกับจักรวาลของ ‘Emily in Paris’ และนักแสดงชั้นเลิศ เรียกได้ว่าเป็นโมเมนต์ที่ “สนุกและผ่อนคลาย” จริงๆ ครับ
DMH: เมื่อพูดถึงสถานการณ์ยากลำบากแล้ว คุณมองการก้าวของโลกแฟชั่นอย่างไร? นับเป็นการเดินทางในโลกดิจิทัลอย่างแท้จริงหรือเปล่า?
SR: ผมเชื่อเสมอว่าโลกจะได้รับการตักเตือนสักวันหนึ่ง ไม่แปลกเลยที่เราต้องหยุดอะไรบางอย่างที่เราเคยทำ น่าเสียดายว่า ‘มนุษย์’ มีแนวโน้มว่าลืมปัญหาและหนทางแก้ไขได้เร็ว เราได้รับหมายเตือนจากโลกแล้ว ผมคิดว่าการเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องที่จำเป็นมากครับ ในเรื่องความสัมพันธ์ของโลกดิจิทัลแล้ว มันคือเครื่องมือจำเป็นในการใช้ชีวิตแบบชั่วคราว แต่ไม่สามารถทดแทนประสบการณ์แบบ face-to-face ได้ โดยเฉพาะในโลกของแฟชั่น การเดินแบบสดๆ ต่อหน้าเป็นเรื่องสำคัญมาก การได้จับเนื้อผ้าสร้างความแตกต่างได้มหาศาล และการได้เห็นต่อหน้าจะๆ ถึงรายละเอียดของคอลเลกชั่นจะยิ่งทำให้เขาเข้าใจผลงานได้ง่ายขึ้น ซึ่งดีเทลเหล่านี้ไม่อาจส่งผ่านถึงผู้รับชมในโลกดิจิทัล แต่ถึงอย่างไร the show must continue แต่ในทางที่ช้าลง เลยอาจจะต้องย่อคอกเลกชั่นให้เล็กลง
DMH: คุณค้นพบความสามารถด้านแฟชั่นในตอนไหนของชีวิต?
SR: ผมโชคดีมากที่พ่อแม่เป็นศิลปินตั้งแต่อายุน้อยๆ ท่านเข้าใจจิตวิญญาณความเป็นอาร์ทิสต์และสนับสนุนจินตนาการของผมมาตลอด และด้วยอาชีพของพ่อผม ผมเลยมีชีวิตที่ต้องย้ายถิ่นฐานตลอด ผมไม่สามารถสานความสัมพันธ์กับเพื่อนได้นาน ดังนั้นผมจึงสร้างโลกของผมที่เต็มไปด้วยแฟชั่น ภาพยนตร์ เพลง และศิลปะ เพื่อชดเชยในสิ่งนี้ เป็นสิ่งที่ฝังอยู่ในดีเอ็นเอของผม ทำให้ผมได้สร้างเสริมประสบการณ์และเดินทางมาในเส้นนี้
DMH: ในยุค 80’s คุณคิดอาร์ทิสติก ไดเร็กเตอร์ที่อายุน้อยที่สุดเลยก็ว่าได้ คุณจัดการทุกอย่างได้อย่างไรในตอนนั้น?
SR: ตอนอายุ 21 ผมเป็นอาร์ทิสติก ไดเร็กเตอร์ให้กับคอลเลกชั่นผู้ชายของ Balenciaga ผมไม่ได้ตั้งคำถามเท่าไหร่ แต่ผมลุยงานอย่างเต็มที่เหมือนแข่งมาราธอนทุกวัน ซึ่งนั่นเป็นโลกใหม่กับผมเลยก็ว่าได้ เพราะผมไม่เคยทำชุดผู้ชายมาก่อนเลย เป้าหมายของผมคือการครีเอท โดยไม่เหลือพื้นที่ให้กับความกลัวหรือความไม่มั่นใจ ผมจึงเผชิญหน้ากับความท้าทายแบบนี้ เรียนรู้กับการทุ่มเท จนสุดท้ายแล้วทุกอย่างจะสัมฤทธิ์ผลครับ