เสียงออร์แกนในโบสถ์ดังขึ้นพร้อมกับเสียงดนตรีสมัยใหม่ ดีไซเนอร์ชาวไอร์แลนด์เริ่มลุคแรกด้วย biker jacket หนังตัวสั้นรัดรูปแขนพองสีดำ ถือเป็นแจ๊คเก็ตหนังในรูปแบบที่แปลกตาออกไปจากที่เราเคยเห็น ถือเป็นความน่าสนใจหนึ่งที่เราได้เห็นซิลูเอตแขนพองแบบโรแมนติกบน biker jacket ในช่วงแรกของโชว์ biker jacket จึงถูกนำเสนอในรูปแบบใหม่ๆ ทั้งโค้ทตัวยาวและแจ็คเก็ตตัวสั้นใส่ทับกระโปรงผ้า tulle และถุงน่อง
โชว์ดำเนินต่อด้วยกลุ่มลุคเดรสผ้า tulle สีดำจับระบายฟูเป็นชั้น ปักลายดอกไม้เล็กๆ ตามแบบฉบับของแบรนด์ เดรสสวมทับเสื้อเชิ๊ตขาว ปกยาว คมกริบตามแบบทุกลุคในช่วงแรกที่เรามองว่าเป็นส่วนหนึ่งของแมสเสจ 'dark romance' ของคอลเลคชั่นนี้ โดยเฉพาะเมื่อลุคทั้งหมดมาพร้อมกับรองเท้าบู๊ทส้นตึกสีดำ บางคู่ตกแต่งด้วยไข่มุกสีขาว บางคู่ใช้ลูกปัดสีแดง ความพังก์แบบเด็กสาวอังกฤษที่ซ่อนความอ่อนหวานภายใต้การนำเสนอตัวตนขบถต่อขอบเขตของสังคมจึงเป็นอีกรายละเอียดที่เราสัมผัสได้ (แน่นอนรองเท้าบูทส้นตึกแบบนี้เหมาะมากกับการเดินลุยหิมะในฤดูหนาว)ในช่วงที่สอง Rocha โชว์เทคนิคการรังสรรค์จัดรูปทรงดอกไม้บนเดรสผ้าซาตินสีดำและเชิตสีขาว บนกระโปรงผ้า tulle สีชมพูรวมถึงบนแจ๊คเก็ทและโค้ทอีกหลายลุคซึ่งถือเป็นดีเทลหวานๆ บนโครงเสื้อสีดำที่ดุดันเราขอลงรายละเอียดเรื่องดอกไม้ในคอลเลคชั่นนี้อีกหน่อย Rocha ยังคงใช้ดอกไม้ตามแบบที่เธอถนัด ทว่าครั้งนี้มีการเปลี่ยนมาเป็นลายพิมพ์บนผ้าให้อารมณ์หวานสไตล์อังกฤษ มาในทั้งสีขาวและ
สี old rose ลายพิมพ์บนผ้าถูกนำตัดต่อเข้ากันให้เกิดมิติใหม่ๆ แต่ก็มิวายตัดเลี่ยนด้วยเกาะอกหนังและบู๊ทส้นตึกสีเขียวเข้มแบบทหารบกถูกนำมาใช้ในคอลเลคชั่นนี้เช่นเดียวกัน ทั้งบนโค้ทและเสื้อแจ๊คเก็ทจับดอกไม้สวมทับกับชุดฟูฟ่องท่อนล่าง ถือเป็นอีกสีที่ถูกหยิบมาใช้นอกจากสีดำขาวและชมพูที่เราเห็นเป็นหลักในคอลเลคชันในช่วงสุดท้ายของโชว์ เดรสระบายฟูฟ่องถูกพาเหรดออกมาให้อารมณ์ชวนฝัน ทว่าในคอลเลคชั่นนี้ ความยาวของเดรสเหล่านี้ไม่มีตัวไหนที่ยาวเกินกว่าตาตุ่ม กลายเป็นลุคออกงานราตรีแบบฟูฟ่องแต่ดูกระฉับกระเฉงในเวลาเดียวกัน ดังนั้นเจ้าหญิงในชุดระบายประดับด้วยดอกไม้ปักงดงามในแบบของ Rocha ไม่ใช่ความโรแมนติกแบบในนิทานหรือดิสนีย์ แต่เป็นจ้าหญิงที่พร้อมลากชุดฟูไปพร้อมกับบู๊ทส้นตึก ไปดีดกีตาร์ ลุยไนท์คลับกับเหล่าเพื่อนฝูงหลัง ใช้ชีวิตแบบแก่นซ่าหลังโควิดคลายตัวไปแล้ว