เบื้องหลังการรังสรรกระเป๋า Baguette สำหรับ Fendi ที่แคว้นปุลยา: Fendi
เบื้องหลังการรังสรรกระเป๋า Baguette สำหรับ Fendi ที่แคว้นแวเนโต เมืองเวนิส: Fendi
เบื้องหลังการรังสรรกระเป๋า Baguette สำหรับ Fendi ที่แคว้นปุลยา: Fendi
กระเป๋า Baguette สำหรับ Fendi ที่ผลิตโดยช่างฝีมือจากแคว้นทัสกานี: Fendi
นางแบบถือกระเป๋า Baguette สำหรับ Fendi ที่ผลิตโดยช่างฝีมือจากแคว้นทัสกานี: Fendi
จากลุค 13 บนรันเวย์คอลเลกชั่นฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาว 2020-2021 ของ FENDI ผลงานกระเป๋าบาแก็ตต์จากโปรเจ็กต์ ‘hand in hand’ ในลุคนี้พาเราไปยังเมืองทัสคานี ที่ซึ่งช่าง Peroni แห่งฟลอเรนซ์ได้ทำการสร้างสรรค์เครื่องหนังขนาดเล็กที่ทำจากหนังฟอกฝาดทั่วไปผ่านเทคนิคทางศิลปะของชาวฟลอเรนซ์ที่มีมาตั้งแต่ปี 1956 ในชื่อ ‘cuoio Arto fiorentino’ ธุรกิจของครอบครัวรุ่นที่สามนี้สืบทอดความเชี่ยวชาญในการสร้างโครงสร้างที่แข็งแกร่ง เช่น กล่องใส่เหรียญ 'tacco' ซึ่งทำให้ช่างสามารถนำเอาเทคนิคนี้มาใช้ในการทำกระเป๋าบาแก็ตต์โดยการตัดหนังชิ้นเดียวแล้วปั้นให้เข้าในเฟรมที่มันวาวของตัวกระเป๋า โดยไม่ต้องใช้ซับในหรือการเย็บ กระเป๋าบาแก็ตต์รุ่นนี้มาในโทนสีน้ำตาลช็อกโกแลต หัวเข็มขัดโลโก้ FF หุ้มด้วยหนังเช่นเดียวกัน ทำให้เกิดเอฟเฟกต์ในโทนสีโมโนโครมขับเน้นการสร้างสรรค์เครื่องหนังในแบบแฮนด์เมดของ Peroni ที่เต็มไปด้วยความประณีตและเป็นธรรมชาติ โดยขั้นตอนการทำกระเป๋าใบนี้ใช้เวลายาวนานอย่างมาก เริ่มต้นด้วยการทำให้หนังเปียกแล้ววางลงบนแบบไม้เพื่อให้ได้รูปทรงตามที่ต้องการ ด้วยเทคนิคอันเก่าแก่และผลงานสุดประณีตนี้ ทำให้สามารถเรียก Peroni ว่าเป็นช่างหล่อสลักหนังก็ว่าได้
กระเป๋า Baguette สำหรับ Fendi ที่ผลิตโดยช่างฝีมือจากแคว้นซาร์เดญญา: Fendi
จากนั้นเดินทางไปทางตะวันตกสู่เกาะซาร์ดิเนีย กระเป๋าภายใต้โปรเจ็กต์ ‘hand in hand’ จากเกาะซาร์ดิเนียนี้มาในลักษณะงานหัตถกรรมสิ่งทอ ในหมู่บ้านบนยอดเขา Ulassai กลุ่มแม่บ้าน Su Marmuri ทุ่มเทให้กับการทอผ้าด้วยมือมาตั้งแต่ปี 1971 เพื่อรักษาประเพณีดั้งเดิมของท้องถิ่นเอาไว้ โดยใช้กี่ทอมือ โดยช่างจะถักทอเส้นใยธรรมชาติเพื่อสร้างลวดลายที่สลับซับซ้อนด้วยเทคนิคการทอผ้าที่มีชื่อเรียกติดปากว่า pibiones ซึ่งแปลว่า ‘องุ่น’ ในภาษาซาร์ดิเนีย ในการสร้างสรรค์งานกับ FENDI กลุ่มแม่บ้าน Su Marmuri ผู้ทอผ้าได้สร้างลวดลายเส้นทแยงมุมสีดำและสีขาวสำหรับตัวบอดี้ของกระเป๋าบาแก็ตต์ พร้อมกับลายโลโก้ FF ที่ทออยู่ด้านใน บาแกตต์เนื้อนุ่มนี้ไม่มีซับใน เพื่อเฉลิมฉลองความงามทั้งสองด้านของการทอผ้าในแบบ pibiones และประดับด้วยขนแกะยาวรอบด้าน
กระเป๋า Baguette สำหรับ Fendi ที่ผลิตโดยช่างฝีมือจากแคว้นแวเนโต เมืองเวนิส: Fendi
เวเนโต ใจกลางเมืองเวนิส ความร่วมมือกันในโปรเจ็กต์ ‘hand in hand’ จากภูมิภาคนี้ คือการดำดิ่งสู่คลังผลงานอันล้ำค่าของช่างฝีมือ Jacquard Luigi Bevilacqua ซึ่งครอบครัวมีประสบการณ์ในการทำงานมานานกว่าห้าศตวรรษในการสร้างสรรค์สิ่งทอสไตล์เวนิสอันหรูหรา โดยการทอด้วยมือด้วยกี่จากศตวรรษที่ 18 ลวดลายกำมะหยี่ที่ปรากฏอยู่บนผืนผ้าไหมหรือผ้าคอตตอนกำมะหยี่ เป็นดั่งตัวแทนผลงานเชิงช่างที่ลึกซึ้งที่สุดในโปรเจ็กต์ 'hand in hand' นี้ ด้วยเพราะแต่ละมิลลิเมตรของลวดลายดอกไม้ที่ปรากฏอยู่บนผืนผ้านั้นได้แรงบันดาลใจมาจากโรงละครเวนิสโบราณ ซึ่งตัดและทอโดยช่างฝีมือที่สามารถผลิตผ้าได้ไม่กี่เซนติเมตรต่อวัน ซับในด้วยผ้าไหมสีชมพูแป้งฝุ่น กระเป๋าบาแก็ตต์รุ่นนี้ได้ปลุกจิตวิญญาณของเวนิสและประวัติศาสตร์อันมีสีสันของพระราชวังที่ได้เลือนหายไป โดดเด่นด้วยหัวเข็มขัดโลโก้ FF ทำด้วยหินควอตซ์แจสเปอร์สลัก ผสมด้วยรายละเอียดของหนังลิซาร์ดและหูหิ้ว มาพร้อมกับสายสะพายทำจากผ้าซาตินผูกปม
กระเป๋า Baguette สำหรับ Fendi ที่ผลิตโดยช่างฝีมือจากแคว้นปุลยา: Fendi
มุ่งหน้าลงใต้สู่แคว้นปุลยา สำหรับผู้ที่เข้าร่วมโปรเจ็กต์ ‘hand in hand’ นี้คือ Dodino ช่างฝีมือลูกไม้จากหมู่บ้าน Nardò ที่ร่วมงานกับ FENDI มาอย่างยาวนาน การออกแบบลวดลายลูกไม้ที่มีความประณีตงดงามของเขาใช้กระสวยไม้เพื่อสร้างลวดลายดอกไม้ด้วยเทคนิคดั้งเดิมของปุลยาที่รู้จักกันในชื่อ ‘chiacchierino’ ซึ่งหมายถึงบรรยากาศการพูดคุยของช่างในขณะที่พวกเขากำลังทำงาน จากนั้นจึงนำมาทาบทับลงบนผ้าฝ้ายและผ้าลินินบุนวม ทำให้ลูกไม้ chiacchierino ดูเหมือนกำลังล่องลอยอยู่ในหมู่เมฆดอกไม้ 3 มิติบนพื้นผิวของกระเป๋าบาแก็ตต์ ซึ่งมีหัวเข็มขัดโลโก้ FF แบบพิเศษประดับด้วยเม็ดไข่มุก
โครงการ ‘hand in hand’ นี้ถือเป็นก้าวสำคัญของ FENDI ในการสดุดียกย่องผลงานของช่างฝีมือชาวอิตาลีทั่วประเทศ ช่างฝีมือที่ยังคงรักษาวิถีการผลิตแบบดั้งเดิมให้คงอยู่ในปัจจุบัน ช่างเหล่านี้ถือเป็นหัวใจสำคัญของสิ่งที่เรียกว่า Made in Italy FENDI เชื่อมั่นในการส่งเสริมความสามารถและแรงผลักดันในการอนุรักษ์งานแฮนด์เมดแบบโบราณในระดับนานาชาติในปัจจุบัน และเราสามารถร่วมกันเฉลิมฉลองเอกลักษณ์แห่งความคิดสร้างสรรค์ของอิตาลีและอนุรักษ์งานฝีมือที่มีอายุเก่าแก่และส่งต่อไปยังอนาคตได้