Photo: Teeranai Boonnarangsri: Graphic: Mildnitha
“ทุกวันนี้หลายคนมองว่าเครื่องสำอางมีความเป็นเฟมินีนจ๋า ต้องออกมาเป็นสีชมพู จริงๆ เราก็ใช้อะไรแบบนั้นด้วยเลยไม่ได้ติดขัด แต่เราอยากเห็นเครื่องสำอางที่ให้ความรู้สึกใหม่ ด้วยความที่เรียนดีไซน์เราเลยอยากนำเสนอสิ่งที่ไม่เคยมีมาก่อน บวกกับในแบรนด์มีผู้ชายด้วย เราเลยผสมผสานมุมมองของเขาต่อเครื่องสำอาง เช่น ด้านแพ็กเกจจิ้ง ทำให้เรารู้ว่าผู้ชายอยากจะหยิบของหน้าตาแบบไหนมาใช้ เลยให้ดูใหม่ดูแปลกตาจากคนอื่น”
Photo: Teeranai Boonnarangsri: Graphic: Mildnitha
“เรา 4 คนเองก็มี culture ที่ต่างกัน แต่มีบางจุดที่เหมือนกันอยู่ เราเลยแทนตัวเองเป็นตัว C ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของแม่เหล็ก เป็นส่วนโค้งที่ดูดคนอื่นๆ หรือตัวอักษรที่เหลือเข้ามา เราอยากเป็น culture หนึ่งที่ส่งเสริมให้ทุกคนรัก culture ของตัวเองอีกที” เมื่อพูดถึงแบรนด์ unisex หลายแบรนด์จะใช้สีขาวและสีดำในการสะท้อนความหมายที่เป็นกลาง แต่ Team Culte เลือกสีเขียว “เป็นสีกลางที่อยู่กับสีไหนก็สวย เขียวของเราไม่เหมือนใคร มันเป็นเขียวที่ออกสีเทาๆ เป็นสีสะอาด ดูเป็นธรรมชาติ เป็นสีที่ไม่ผู้หญิงหรือผู้ชายจ๋าด้วย”
“สโลแกน love your every today ด้วยความที่เราก็เป็นคนที่ดูแลตัวเองเราจึงอยาก empower ให้ทุกคนรู้สึกดีกับตัวเองไม่ว่าจะแต่งหน้าแบบไหน หรือจะเป็นคนที่ไม่ค่อยชอบแต่งหน้าเลย ไปจนคนแต่งหน้าจัด ก็ใช้ได้หมด”
Photo: Teeranai Boonnarangsri: Graphic: Mildnitha
“เราอยากเป็น today ในทุกวัน เพราะคำว่า today เป็นอะไรที่ forever มาก เราเลยเริ่มต้นด้วยครีมบลัช เพราะสีของมันสะท้อนว่าทุกวันนี้ชีวิตเรายังสนุกและมีสีสัน มันจะง่ายมากถ้าเราเริ่มด้วยการรู้ว่าอยากทำอะไรก่อน เราอยากทำอะไรมีสีเพราะมันสนุก เลยถามเพื่อนๆ ว่าชอบสีอะไรกัน จนได้มา 3 สีที่เราชอบ และไม่ได้มีแต่เด็กเท่านั้นที่ชอบสีสัน ผู้ใหญ่เองก็ต้องการสีสันในชีวิตด้วยเหมือนกัน”
"เราให้ความสำคัญกับทุกรายละเอียดจริงๆ ตอนนี้ first impression ของเราอาจจะเป็นดีไซน์และแพ็กเกจจิ้ง แต่เรารู้สึกว่าสิ่งที่จะให้แบรนด์อยู่ได้ยาว คือเราต้องสร้างแก่นให้มันจริงๆ ด้วย ดังนั้นเราเลยสร้างคอนเซ็ปต์ให้แบรนด์ประมาณหนึ่ง และตัวโปรดักส์เองเราก็ปรับเปลี่ยนกันนานมาก
ต่อให้แพ็กเกจจิ้ง หรือแบรนดิ้งมันดีแค่ไหน แต่โปรดักส์ต้องดี ตัวเองต้องว้าวกับมันก่อน ถ้าเราไม่ชอบมันไม่มีทางอยู่ได้ยาว เราจะซื้อใจคนได้แค่ครั้งแรกเท่านั้น เราจึงต้องใส่ใจกับดีเทลทุกอย่าง
ถ้าดูในไอจี เราจะเห็นวิชวลต่างๆ คนเลยอาจคิดว่าจุดแข็งของเราคือดีไซน์ แต่เราอยากได้มากกว่านั้น เราให้ความสำคัญทุกสเต็ปทั้งแบรนดิ้ง และที่สำคัญที่สุดคือโปรดักส์ เราตั้งใจมากๆ กว่าจะได้เนื้อ ฟินิชชิ่ง และสีที่อยากได้จริงๆ เราคิดว่าการมีรูปภาพที่ถ่ายเองบนโปรดักส์จะสื่อให้เห็นอารมณ์ของสี บางทีตั้งชื่อว่าสีชมพูก็จบได้ แต่อะไรคือความแตกต่างของสีชมพูแต่ละเฉดล่ะ โทนที่เราเลือกมีความเป็นธรรมชาติ ให้ความอบอุ่นสบายใจแบบที่เรารู้สึกเมื่ออยู่ในห้อง สีก็เลยชื่อ ROOM สีส้มบ่มแดดทำให้รู้สึกถึง Golden Hour จึงใช้รูปทะเลและชื่อสีว่า SUN ส่วนสีน้ำตาลอิฐที่ดูเหมือนมูสบนเค้กช็อคโกแลตแสนอร่อย แต่พอทาแล้วดูเป็นเอิร์ธโทนที่ไม่หวานเลี่ยน จึงชื่อว่า MOUSSE และแน่นอนว่าสามารถผสมสีไปมากันได้"
“แค่เข้ามาอ่านแคปชั่น ดูรูปในไอจี หรือสตอรี่ของเรา คนก็อาจจะรู้สึกดีกับตัวเองมากขึ้น เรารู้สึกว่าปี 2019 เมคอัพควรจะเป็นอะไรที่มากกว่าเมคอัพ
การเปิดตัวนี้เราอยากให้กับ ‘ทุกคน’ ใครก็ได้บนโลกนี้ จึงมีเว็บไซต์ที่สามารถออเดอร์ได้ทั่วโลก และยังมีเเมสเสจดีๆ ที่หวังให้รู้สึกดีขึ้นเมื่อได้สัมผัสกับทางแบรนด์ไม่ว่าจากด้านใด" “เราพยายามส่งต่อความรู้สึกดีๆ โดยมีแฮชแท็ก #Cultefriends ที่ตั้งใจอยากให้เป็นคอมมิวนิตี้ อยากให้ทุกคนมาเป็นเพื่อนที่ส่งต่อสิ่งดีๆ เมคอัพทิปส์ให้แก่กัน ถ้าลูกค้าติดแฮชแท็กนี้เราก็จะได้เข้าไปดูว่าเขาส่งต่อความรู้สึกดีๆ เคล็ดลับการใช้ให้เพื่อนๆ ของเขาต่ออย่างไร ที่เราเก็บไว้ในไฮไลต์ด้วย อยากให้เป็นการบอกต่อ ได้รู้ฟีดแบ็คแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว”
ถ้าการดูจากอินสตาแกรม @culte.today หรือเว็บไซต์ https://culte.today/ อย่างเดียวยังไม่เพียงพอต่อการตัดสินใจลองใช้ ขณะนี้มีให้ทดลองตามมัลติสโตร์ไม่ว่าจะเป็น gloc อารีย์ ซอย 2, Cocoon บ้านก้ามปูชั้น 2, Bex pop-up store ที่ Central world ชั้น 3 F-zone และ Thaithai zone ที่ Central Chidlom และมารอดูกันต่อไปว่า culte.today จะขยับขยายไปแบบอินเตอเนชั่นเนลเมื่อไหร่ แต่บาซาร์คาดว่าไม่นานเกินรอ เพราะได้ลองเนื้อสัมผัสแล้วมันเริ่ดจริง!