น้ำหอมที่บรรจุไว้ในขวดแก้วกระเบื้องทรงขวดยาโบราณที่เป็นครั้งแรกที่สลักชื่อน้ำหอมด้วยทองคำ พร้อมสัญลักษณ์สัตว์ที่สะท้อนถึงกลิ่นน้ำหอม เช่น กลิ่น ‘A Song for the Rose’ แสดงออกถึงความเฟมินนีนผ่านดอกกุหลาบ ผสานมักส์และกลิ่นไม้ ‘The Voice of the Snake’ ตั้งชื่อตามการเคลื่อนไหวของงูในป่าไม้เขียวขจีผ่านกลิ่นอู๊ดธรรมชาติ เครื่องหนัง เเซฟฟรอนและแพตชูลี ‘The Eyes of the Tiger’ คือจินตภาพที่หยั่งลึกในจิตวิญญาณของเสือผ่านส่วนผสมของตองก้า วานิลลา และ ciste resin ‘The Virgin Violet’ กับสัญลักษณ์พญาหงส์ขาวที่มีส่วนผวมของ มัสก์ ไวโอเลต และวานิลลา ‘The Last Day of Summer’ ที่กักเก็บบรรยากาศของสายลมแรกแห่งฤดูใบไม้ร่วงในป่าผ่านซีดาร์วู้ดและไซเปรส ‘Tears of Iris’ มากไปด้วยความเย้ายวนของดอกไอริส ‘Winter’s Spring’ คือช่วงเวลาของปลายฤดูหนาวที่เต็มไปด้วยความสุขผ่านดอกมิโมซ่า ผสานกับเป็ปเปอร์และมัสก์
ลายดอกกุหลาบสัญลักษณ์ของแบรนด์ที่ประทับตราอยู่บนขวดน้ำหอมแบบ Acque Profumate แก้วเคลือบขาว ที่บรรจุความหอมของโน้ตเด่นๆ ที่เปี่ยมไปด้วยความทันสมัย ที่มาในกลิ่น ‘Fading Autumn’, ‘A Winter Melody’ และ ‘Moonlight Serenade’
แก้วสีเขียวที่บรรจุเพอร์ฟูมออยล์มากับหลอดบีบที่เป็นวิธีสุดวินเทจในการเพิ่มความหอมด้วยส่วนผสมเดี่ยวๆ ดิบๆ อย่าง กุหลาบในกลิ่น ‘A Forgotten Rose’, อู๊ดในกลิ่น ‘Nocturnal Reverie’, ไวโอเลตในกลิ่น ‘The Violet Kiss’ และ bois modern ใน ‘Ode on Melancholy’
‘The Virgin Violet’ เทียนหอมกลิ่นเดียวในคอลเลกชั่นที่ประกอบด้วยส่วนผสมอันบอบบางของ มัสก์ กลีบดอกไอริส และสารสกัดจากไวโอเลตที่มอบความแป้งแบบเบาบาง
ส่วนน้ำหอมไลน์นี้จะเข้าไทยเมื่อไหร่ แล้วบาซาร์จะมาอัพเดตอีกครั้งในเร็วๆ นี้